xs
xsm
sm
md
lg

"บิณฑ์" ซัด "เสี่ยโป้” โวจะทำบุญ 10 ล้านแล้วก็หายหัว ขู่ฟ้อง “สันธนะ” ทำให้เสียหาย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"บิณฑ์" พูดต่อหน้าหลวงปู่ทวด ถ้าโกหกขอให้มีอันเป็นไป ซัด "เสี่ยโป้" โวจะทำบุญซื้อเสื้อโรงพยาบาลศิริราช 10 ล้าน พอถึงวันจ่ายเงินกับบ่ายเบี่ยงติดต่อไม่ได้ แล้วจู่ๆ "สันธนะ" ก็โทรมาต่อว่า หาว่าไปบังคับเสี่ยโป้ให้บริจาคเงิน แล้วก็ไปร้องเรียนทำให้ตนเสียหาย ขู่จะฟ้องสันธนะ

จากกรณีที่ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการ ตำรวจสันติบาล ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้ง ยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ในวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้สืบสวนพฤติกรรมเรียกรับเงินบริจาค ของบุคคลที่มีชื่อเสียงรายหนึ่ง แอบอ้างโครงการจัดทำเสื้อสีชมพูของโรงพยาบาลศิริราช เพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบ

โดยบอกว่าได้รับแจ้งข้อมูลจาก “เสี่ยโป้ อานนท์” ว่า ดาราท่านหนึ่ง ได้ขอรับบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนโครงการจัดทำเสื้อชมพูให้กับโรงพยาบาลศิริราช แต่กลับให้โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากส่วนตัว ตนจึงโทรสอบถามรายละเอียดของโครงการกับดารานักแสดงท่านดังกล่าว แต่ก็ไม่สามารถชี้แจงได้

ต่อมาในวันเดียวกัน “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” จึงได้มาไลฟ์เฟซบุ๊ก เพื่อชี้แจงถึงกรณีนี้เป็นเวลากว่า 12 นาที ด้วยเหตุว่า ถึงแม้ว่านายสันธนะ จะไม่ได้เอ่ยชื่อว่า ดาราท่านที่กล่าวถึงคือใคร แต่กลับมีการโชว์รูปตนขึ้นมา ให้ปรากฎเด่าหราในข่าว

“สวัสดีครับ วันนี้มีข่าวหนึ่งที่ฟังแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ จริงๆ แล้วเรื่องไม่มีอะไรเลยนะครับ เรื่องที่คุณสันธนะไปร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องเสื้อของมูลนิธิศิริราช จริงๆ แล้วคุณสันธนะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วไปทำยื่นหนังสืออย่างนั้น โอเคอาจจะไม่มีชื่อผม แต่มีรูปผมหราอยู่ในนั้น ผมบอกเลยว่าคุณสันธนะทำไม่ถูก"

"คุณสันธนะต้องไปคุยกับเสี่ยโป้ว่า ความจริงมันคืออะไร ผมจะเล่าความทั้งหมด ถ้าสิ่งที่ผมพูด ณ ต่อไปนี้ ผมพูดอะไรโกหกแม้แต่นิดหนึ่งก็ตาม ผมขอมีอันเป็นไปเลย ต่อหน้าพระที่ผมห้อยคออยู่หลวงปู่ทวด ผมเป็นคนจริง ผมไม่มีมาอ้อมค้อม ไม่มีการมาอะไรทั้งนั้น"

"วันนั้นก่อนวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา เสี่ยโป้โทรมาหาผมแล้วบอกว่า ผมมีเงินให้พี่ 20 ล้านบาท ผมก็อ้าว...จะให้ผมเรื่องอะไร เขาก็บอกว่า เผื่อพี่ต้องใช้เงินในการทำโน่นทำนี่ ผมก็เลยตอบกลับไปว่า ไม่เป็นไรเสี่ยโป้ เขาก็เลยบอกต่อว่า งั้นวันที่ 1 พ.ย. ผมไปเจอพี่นะ ผมก็บอกว่ามาเลยไม่เป็นไร ผมโอเคเลย นั่นคือวันแรกที่เสี่ยโป้โทรมา"

"แล้ววันที่ 1 พ.ย มาเจอผม ก็เดินเข้ามาสวัสดีกัน แล้วก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องเงิน 20 ล้านบาท ผมก็ไม่ได้พูดอะไร ในสายตาผมคิดว่าเสี่ยโป้เป็นคนดีคนหนึ่งซึ่งมีน้ำใจ เพราะตอนน้ำท่วมที่อุบลราชธานี เขาบริจาคเงินช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม 1 ล้านบาท ผมก็รู้สึกว่า ใครจะว่าเขายังไงก็แล้วแต่ ก็โอเคเขาเป็นคนมีน้ำใจ เมื่อชาวบ้านมีทุกข์ร้อน เขาก็ออกมามอบเงินแจกเงิน ในสายตาผมนะ เขาเป็นคนดีมีน้ำใจคนหนึ่ง ในวันที่ 1 นั้น คนเยอะมาก ก็ไม่ได้เจอเสี่ยโป้อีกเลย เดินแล้วก็หายกันไป"

"จนกระทั่งก่อนหน้านี้ มีผู้ใจบุญมอบสีเสื้อชมพูให้ผม 500 ตัว ผมก็ใส่ในวันที่ 1 พ.ย. แล้วก็แจกให้กับผู้ที่มาร่วมงาน จากนั้นคุณนิรันดร ซึ่งเป็นเจ้าของเสื้อสีชมพูโทรมาหาผม แล้วบอกว่าเห็นทีมงานใส่เสื้อสีชมพู พอดีมีเสื้อสีชมพูที่สั่งทำไว้ 3 แสนตัว เดี๋ยวจะมอบให้พี่บิณฑ์ 5,000-10,000 ตัวได้เลย แต่พี่บิณฑ์พอจะหาคนที่มีทุนหน่อยไหม เพราะว่าตอนที่ทำเสื้อ 3 แสนตัว ยังไม่ได้ออกจำหน่ายที่ไหนเลย ผมก็เลยบอกไม่รู้จะหาได้ไหม"

"แล้วผมก็นึกถึงเสี่ยโป้ ที่เคยบอกว่าจะเอาเงินมาให้ 20 ล้านบาท ผมเลยโทรไปหาเสี่ยโป้แล้วบอกว่า พี่มีเสื้อสีชมพู เขาขายตัวละ 100 บาท แต่รายได้ทั้งหมดเข้ากับมูลนิธิศิริราช เพราะว่าเขาได้รับใบอนุญาตจากมูลนิธิศิริราช ทำเสื้อนี้ออกมา 3 แสนตัว ทั้งหมด 30 ล้านบาท เอาไหมถ้าเสี่ยโป้จะทำบุญ ทำอย่างนี้ดีกว่า แล้วเอาเสื้อแจกพี่น้องประชาชน"

"ซึ่งเสี่ยโป้ตอบกลับมาว่า โอเคไม่มีปัญหาเลย ผมเลยนัดคุณนิรันดรมาเจอเสี่ยโป้ วันที่เท่าไหร่ผมจำไม่ได้ ก็มาคุยกันเสี่ยโป้ก็ไม่ปฏิเสธ บอกโอเคพี่ 10 ล้านนี่สำหรับผม อาทิตย์หนึ่งเข้ามาเป็น 10 ล้าน สบายอยู่แล้ว เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมจะช่วยโอนเงินครั้งละ 2 ล้านบาท 5 ครั้ง รวมเป็น 10 ล้าน เอาเสื้อมา 1 แสนตัว"

"แล้วเสี่ยโป้ก็บอกว่า เดี๋ยววันพุธโอนให้ก่อน 2 ล้าน เพื่อจะเอาเสื้อออกมาก่อน 2 หมื่นตัว ผมก็ให้เขาคุยกันเรียบร้อย พอถึงวันพุธผมถามไปที่มูลธินิศิราช ปรากฎว่าเงินไม่เข้ามา ผมก็โทรหาเสี่ยโป้ เขาให้คำตอบว่าติดภารกิจ ขอเลื่อนไปวันพุธหน้า ผมก็บอกว่าโอเคไม่เป็นไร จนกระทั่งจะถึงวันพุธหน้า ในวันจันทร์ - อังคาร ผมก็ไลน์ไปย้ำว่า อย่าลืมนะ พรุ่งนี้โอนเงินให้ทางศิริราช จะได้เอาเสื้อออกมา 2 หมื่นตัว"

"แต่แล้วเสื้อก็ไม่เข้า เงินก็ไม่เข้า ผมก็โทรหาเสี่ยโป้อีก แต่เขาไม่รับสายแล้วก็ปิดมือถือ ผมก็โทรอีกจนกระทั่งลูกน้องรับสาย แล้วบอกเสี่ยโป้ติดภารกิจเรื่องคดีที่ไปยิงอะไรไม่รู้ ผมเลยบอกยังไงเนี่ย โอเค...ผมจะได้บอกทางนั้นว่า เสี่ยโป้ไม่เอาแล้วนะ แต่ลูกน้องเขาก็บอกให้ผมจดเบอร์เสี่ยโป้ ให้โทรไปคุยกัน ผมก็จดแต่ผมไม่ได้โทรไป เพราะผมรู้ว่าถ้าเขาจะช่วย หรือจะซื้อเสื้อก็คงโอนเงินไปที่มูลนิธิศิริราชโดยตรง สรุปก็ไม่มีเงินโอนเข้าไป แล้วผมก็ไม่ได้ติดต่อกับเสี่ยโป้อีกเลย"

"จนกระทั่งผมก็บอกกับคุณนิรันดรว่า สงสัยคงไม่ได้แล้ว เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเสื้อที่ผมจะมอบให้คุณบิณฑ์ก็ไว้ว่ากันอีกที ผมก็บอกโอเคไม่เป็นไรเลย ต้องขอโทษจริงๆ เพราะว่าคุณนิรันดร ก็เห็นแล้วว่าระหว่างเสี่ยโป้เขาคุยยังไง เขารับปากอย่างนั้นอย่างนี้"

"ผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ คุณสันธนะโทรมาหาผม แล้วบอกว่าทำไมผมไปบังคับเสี่ยโป้ให้ไปซื้อเสื้อสีชมพู ผมจึงตอบกลับไปว่า ผมไปบังคับอะไร ต้องไปถามเสี่ยโป้ เพราะเสี่ยโป้รับปากเอง ถ้าวันนั้นเสี่ยโป้ปฏิเสธ ผมก็ไม่เชิญคุณนิรันดรมาคุย เพราะผมก็แค่คนกลาง ซึ่งวันนั้นคุณสันธนะก็คุยกับผมด้วยดีแล้วก็จบ"

"จนกระทั่งมาวันนี้คุณสันธนะไปยื่นหนังสือเรื่องอะไร ผมไม่เข้าใจ ทำให้ผมเสียหาย ทำให้คนเข้าใจผมผิด และผมไม่เคยรู้จักคุณสันธนะส่วนตัว แล้วเพิ่งคุยกันวันนั้นเอง แล้วทุกอย่างก็จบ เพราะฉะนั้นนั้นเรื่องนี้ เสี่ยโป้ต้องออกมา ไม่ใช่คุณสันธนะไปยื่นหนังสือแล้วทำให้คนเข้าใจผิด ผมสามารถฟ้องกลับคุณสันธนะได้นะ เพราะทำให้ผมเสียหาย"

"คุณสันธนะต้องคุยกับเสี่ยโป้ เพราะเสี่ยโป้เป็นคนเริ่มต้นที่จะทำแบบนี้ ผมไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย ถ้าผมเกี่ยวข้องก็คงเออ ให้โอนเงินมาให้ผมเลย เดี๋ยวผมจัดการให้ แต่ผมเรียกคุณนิรันดรมาให้คุยกับเสี่ยโป้เอง แล้วเสี่ยโป้จดเลขที่บัญชีของมูลนิธิศิริราชไป เพราะฉะนั้นเงินจะไม่โอนมาที่ผม แต่จะโอนเข้ามูลนิธิศิริราช ไม่ได้เข้าส่วนตัวผม ผมไม่เกี่ยว"

"นี่มันคืออะไร คุณเป็นผู้ใหญ่หรือเปล่าคุณสันธนะ คุณมาทำแบบนี้ได้ยังไง เพื่ออะไรครับ ผมไม่เคยทำความเดือดร้อนให้คุณสันธนะ แล้วผมไม่เคยรู้จักคุณสันธนะ ผมอยากจะรู้ว่า คืออะไร ผมเป็น 18 มงกุฎเหรอ ผมทำงานช่วยเหลือสังคมมา 30 กว่าปี ผมไม่เคยมีเรื่องอะไรด่างพร้อย เพราะฉะนั้นคุณถามเสี่ยโป้ได้ว่า เรื่องนี้จริงหรือไม่จริง และเมื่อเสี่ยโป้ไม่พร้อมก็จบ จะเอาไม่เอาก็บอกเขาไป ไม่ต้องให้ผมมาคอยถาม เพราะทางนี้ก็มาถามผม นี่คือความจริงทั้งหมด"

"ซึ่งผมก็แค่หวังดี อยากจะช่วยเหลือ อยากจะให้เอาเสื้อสีชมพูมา เพราะผมไปบอกกับหลายจังหวัดว่า ผมมีอยู่ประมาณ 2 -3 หมื่นตัว เดี๋ยวผมจะส่งไปให้จังหวัดละ 500 ตัว แต่ในเมื่อมันเกิดเหตุการณ์อย่างนี้มันก็จบ แล้วอยู่ๆ คุณสันธนะมาทำอย่างนี้เพื่ออะไร ผมไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นเสี่ยโป้ต้องออกมาเคลียร์ความจริง”

ล่าสุดวันนี้ (10ธ.ค.) “เสี่ยโป้” ก็ได้ออกมาเปิดใจด้วยการไลฟ์สดผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงเหตุผลที่ไม่ได้โอนเงิน พร้อมเผยคำพูดที่นายสันธนะพูดกับตนว่าดังนี้

“ผมไม่เคยมีปัญหากับพี่บิณฑ์นะครับ แล้วผมไม่ได้ให้รองสันธนะไปฟ้องพี่บิณฑ์ ตามที่ข่าวแอบอ้าง ครั้งหนึ่งเคยมีสื่อมาถามผมว่าเกาะกระแสพี่บิณฑ์หรือเปล่า ผมก็ตอบไปว่าไม่ได้เกาะ พี่บิณฑ์มาคุยเรื่องเสื้อ แต่มาวันนี้มีข่าวรองสันธนะไปร้องพี่บิณฑ์ ซึ่งผมก็ได้รู้เรื่องอะไรเลย ตื่นมาก็งง ผมจะท้าวความเรื่องแรกเลย ครั้งแรกพี่บิณฑ์โทรหาผม ให้ช่วยเรื่องเงินบริจาคซื้อเสื้อชมพู เพื่อไปแจกประชาชน 1 แสนตัว เป็นเงิน 10 ล้านบาท ผมก็ตอบรับคำไปว่าโอเค เดี๋ยวจัดการให้"

"ซึ่งเหตุการณ์คือผมไม่มีเงินในประเทศไทย ผมก็ได้ไปยืมเงินซ้อที่ผมเคารพ ขอไม่เอ่ยนามแล้วกัน ก็คือเป็นรุ่นพี่ของท่านรองสันธนะ ผมก็ยืมเงิน 10 ล้านบาทจากซ้อ แต่ซ้อบอกว่าเดือนนี้มีแค่ 2 ล้าน เอาไปก่อนได้ไหม ซ้อถามว่าเอาเงินไปทำอะไร ผมก็บอกว่าบริจาคให้พี่บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ 2 ล้าน ซื้อเสื้อชมพู 2 หมื่นตัว ซ้อก็รับปากกับผม ผมก็โทรหาพี่บิณฑ์ ว่าวันพุธจะโอนให้นะ 2 ล้านบาท ก็เป็นข้อตกลงที่จบแล้ว"

"แต่ก่อนถึงวันโอน 2-3 วันซ้อได้โทรหาผมว่า ให้โทรหารองสันธนะหน่อย ผมก็โทรหารองสันธนะก็ถามว่า บริจาคให้พี่บิณฑ์ทำไม 2 ล้าน ผมก็บอกว่าเป็นโครงการเสื้อชมพู บริจาคให้ศิริราช เงินตรงนี้ทั้งหมดจะเข้าที่ศิริราช รองสันธนะก็ด่าผมกลับมาว่า เราจะไปเป็นทาสเขาเหรอ เอาเงินไปให้เขา ใช้โน้นใช้นี่ฟรีเหรอ ทั้งที่เราไม่ตรวจสอบเลย" 

"ผมก็บอกว่า ผมมั่นใจพี่บิณฑ์แน่นอน พี่บิณฑ์ไม่เอาเงินแบบนี้ไปใช้ เพราะเขาช่วยเหลือประชาชนมาเยอะมาก รองสันธนะก็บอกผมว่า งั้นเงิน 2 ล้านโป้ไปหาที่อื่นนะ พี่ไม่ให้ซ้อโอนให้ ผมก็บอกว่าไม่เป็นไร แต่ผมอยากทำจริงๆ นะ เพราะเงินผมก็คืนพี่อยู่แล้ว รองก็ตอบกลับมาว่า งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ตรวจสอบเอง ขอเบอร์บิณฑ์หน่อยซึ่งผมก็ให้ไป"

"หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกัน วันที่ 25-26 รองก็โทรมาบอกผมว่า จัดการให้เรียบร้อยแล้ว ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แล้วก็ไม่ได้โทรหาพี่บิณฑ์หรือรองสันธนะอีก จนกระทั่งวันนี้ มีข่าวว่ารองสันธนะร้องดาราดัง นักข่าวก็โทรหาผมเต็มเลยว่า อะไรเป็นอะไร ผมก็งงไปหมด ต้องบอกเลยว่า ผมไม่รู้เรื่อง ท่านรองกับพี่บิณฑ์จะทะเลาะอะไรกัน อย่าเอาผมเข้าไปเกี่ยวข้อง จะการเมืองหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมไม่เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นครับ”










กำลังโหลดความคิดเห็น