Warner Bros. ประกาศข่าวช็อกวงการ ว่าในปี 2021 ทางสตูดิโอจะปล่อยหนังทุกเรื่องฉายในโรงภาพยนตร์ในสหรัฐฯ พร้อมเผยแพร่ในระบบสตรีมมิง HBO Max ไปพร้อมกันด้วย
โดยดัง ๆ ในปีหน้าของ Warner Bros. ประกอบไปด้วย Dune, Judas and the Black Messiah, Space Jam: A New Legacy, The Suicide Squad , The Little Things, Tom & Jerry, Godzilla vs. Kong และฉบับภาพยนตร์ของละครเวทีฮิต In The Heights เป็นต้น ซึ่งหนังทั้งหมดเหล่านี้ จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ที่สหรัฐฯ พร้อมกับเผยแพร่ทางสตรีมมิง HBO Max ของทาง Warner Bros. เองไปพร้อม ๆ กัน
หลัง Warner Bros. ประกาศข่าวใหญ่ออกไป หุ้นของเครือโรงหนังอย่าง AMC (AMC) และ Cinemark (CNK) ก็ร่วงลงมาถึง 15% ทันที
การตัดสินใจครั้งสำคัญของ Warner Bros. เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่เชื้อไวรัส COVID-19 ในสหรัฐฯ และอีกหลายประเทศยังคงระบาดหนัก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ยังรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และไม่มีทีท่าว่าอะไรจะดีขึ้นเลย แม้จะมีข่าวการพัฒนาวัคซีน แต่ก็เชื่อว่าต้องรอจนถึงกลางปีหน้า กว่าที่อเมริกันชนส่วนใหญ่จะได้รับวัคซีนแล้ว และก็ยังไม่มีอะไรการันตีว่าหลังจากนั้นสถานการณ์ของวงการภาพยนตร์จะดีขึ้นหรือไม่
ก่อนหน้านี้ Warner Bros. และสตูดิโอทุกแห่งในสหรัฐฯ ต้องเลื่อนฉายหนังฟอร์มใหญ่ออกไปเรื่อย ๆ ซึ่งทางบริษัทได้พยายามลองส่งหนังอย่าง Tenet เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เท่าที่เปิดให้บริการได้ แต่ผลของรายได้ก็ค่อนข้างน่าผิดหวัง
จนในปลายปีนี้ Warner Bros. ได้ตัดสินใจที่จะส่ง Wonder Woman 1984 ออกเผยแพรทาง HBO Max แทน พร้อม ๆ กับการเข้าฉายในต่างประเทศที่สถานการณ์ COVID-19 เริ่มทุเลา
ขณะที่ Disney เลือกที่จะขายหนังฟอร์มใหญ่ของตัวเองอย่าง Mulan ทาง Disney+ ในราคา 29 เหรียญฯ ส่วน Universal Studios ก็เลือกที่จะขาย Trolls: World Tour ในช่องทางออนไลน์เช่นเดียวกัน แม้จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขรายได้อย่างเป็นทางการ แต่ก็เชื่อว่าทั้งสองสตูดิโอเองก็พอใจในระดับหนึ่ง กับผลงานการทดลองปล่อยหนังขายออนไลน์ครั้งนี้
สำหรับกรณีของ Warner Bros. ทางบริษัทจะไม่คิดเงินเพิ่มใด ๆ กับสมาชิกของ HBO Max ทำให้คนที่ซับสไคร HBO Max ทุกคนจะได้ชมทั้ง Wonder Woman 1984 และหนังทุกเรื่องของบริษัทโดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่ม นอกจากค่าสมาชิกราย 14.99 เหรียญฯ ต่อเดือนเท่านั้น
ซึ่งผู้บริหารของ WarnerMedia Studios อย่าง แอน ซาร์นอฟ ได้กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่าคงไม่มีใครที่ไม่อยากฉายหนังพวกนี้ในโรงภาพยนตร์ และทาง Warner ก็ทราบดีว่าตามปกติแล้วต้องให้เวลาหนังแต่ละเรื่องฉายในโรงภาพยนตร์ก่อนที่จะมาเอาไปลงสตรีมมิง "แต่เราเองก็ต้องสร้างสมดุลกับความเป็นจริง ณ ขณะนี้ ที่โรงภาพยนตร์ส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ ยังไม่สามารถเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในตลอดปี 2021 ด้วย"
เช่นเดียวกับ เจสัน คิลล่า ซีอีโอของ WarnerMedia ที่กล่าวว่า "หนังของเรามีคุณค่าสูงมากเกินกว่าที่จะปล่อยเอาไว้บนหิ้งเฉย ๆ และไม่มีใครได้ชม เราเชื่อว่าการตัดสินใจครั้งนี้ เป็นไปเพื่อแฟน ๆ, และยังเป็นการสนับสนุนโรงภาพยนตร์กับคนทำหนังด้วย"
แน่นอนว่าแผนการดังกล่าวจะครอบคลุมเฉพาะในตลาดหนังสหรัฐฯ เท่านั้น และหนังส่วนใหญ่ของ Warner Bros. น่าจะยังได้ฉายโรงภาพยนตร์ของหลาย ๆ ประเทศ
