มีรายงานว่า Netflix พร้อมจ่ายเงิน 200 ล้านเหรียญฯ เพื่อซื้อหนังฟอร์มใหญ่ Godzilla vs. Kong มาเผยแพร่ในระบบสตรีมมิงของตัวเอง แต่สุดท้าย Warner Bros หุ้นส่วนของหนังได้คัดค้านเรื่องนี้ และนำหนังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ตามเดิม
The Hollywood Reporter รายงานว่า Netflix ได้ยื่นข้อเสนอระดับมากกว่า 200 ล้านเหรียญฯ หรือ 6,000 ล้านบาท เพื่อซื้อหนังฟอร์มใหญ่เรื่อง Godzilla vs. Kong ที่ Warner Bros และ Legendary ร่วมกันสร้าง
โดย Legendary มีส่วนลงทุนใน 75% ของหนัง ส่วน Warners หุ้นอยู่ 75% ซึ่งข่าวบอกว่าตามข้อเสนอ Netflix จะได้สิทธิ์ฉาย Godzilla vs. Kong เรื่องนี้ผ่านระบบสตรีมมิงทั่วโลก และหนังจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ เฉพาะที่จีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น
แต่สุดท้าย Warners ก็ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวไป เพราะทาง Warners ก็มีสตรีมมิงของตัวเองคือ HBO Max อยู่แล้ว ทาง Warners จึงน่าจะใช้รูปแบบการเผยแพร่หนังในลักษณะเดียวกับ Wonder Woman 1984มากกว่า คือ ฉายหนังในบางประเทศ และเผยแพร่ผ่านทาง HBO Max ในบางประเทศ ที่ COVID-19 ยังระบาดหนักอยู่
"เราวางแผนที่จะปล่อย Godzilla vs. Kong ในโรงภาพยนตร์ปีหน้าตามกำหนดเดิม" โฆษกของ Warner Bros ให้ข่าวหลังมีข่าวกรณี Netflix ยื่นข้อเสนอขอซื้อหนัง โดยกำหนดฉายของ Godzilla vs. Kong คือวันที่ 21 พ.ค. 2021 ซึ่งเป็นสัปดาห์ก่อนวันหยุดยาว Memorial Day
อย่างไรก็ตามการตัดสินใจของ Warners ถือว่าสุ่มเสี่ยงพอสมควร เพราะวงการภาพยนตร์ยังไม่สามารถหาทางออกจาก COVID-19 ได้อย่างชัดเจน ไม่เท่านั้นตัวของหนัง Godzilla vs. Kong กระแสตกลงพอสมควร แถมการทดลองนำหนัง Tenet ฉายโรงในบางประเทศ ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก
Godzilla vs. Kong คือหนังในชุดจักรวาลสัตว์ประหลาดหรือ Monsterverse ที่ Warners จับเอาโลกของสองสัตว์ประหลาดยักษ์ คิงคอง และ ก็อตซิลล่า มาเจอกัน
โดยหนังเรื่องแรกในแฟรนไชน์คือ Godzilla ทำเงินไป 524.9 ล้านเหรียญฯ ส่วนเรื่องที่สอง Kong: Skull Island รายได้คงตัวอยู่ที่ 566.6 ล้านฯ
แต่พอมาถึง Godzilla: King of the Monsters รายได้ของหนังกลับลดลงเหลือแค่ 386.6 ล้านเหรียญฯ เท่านั้น รวมแล้วหนัง 3 เรื่องที่ผ่านมาทำเงินไปทั้งหมด 1,478 ล้านเหรียญฯ และรายได้มาจากจีนแผ่นดินใหญ่สูงถึง 26%
