“เอกชัย” แจงโผล่เล่นคอนเสิร์ตงานบวช 100 ล้าน "จีจี้ปีโป้" ใครจ้างก็ไป แต่ยอมรับเซอร์ไพรส์เป็นงานใหญ่ ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่รู้เคยถูกกล่าวหาหลอกขายทอง เจ้าภาพจ้างก็ไปหมด บอกอีกฝ่ายมีตังค์ก็ทำไปเถอะเพื่อความสบายใจ ฟุ้งดันลูกบุญธรรมสุดตัวให้เป็น “จา พนม” ภาคใต้
จัดงานบวงสรวงและเปิดกล้องภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ เรื่อง “รักนี้วัวชน” ที่เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน งานนี้ “เอกชัย ศรีวิชัย” เผยพร้อมดันลูกบุญธรรมทั้งทีมให้เล่นหนัง โดยเฉพาะ "พลตรี แสงมณี" ที่เอกชัยหมายมั่นปั้นมือจะให้เป็น “จา พนม ยีรัมย์” ภาคใต้
“ก็ดันทั้งทีมครับ คู่หนึ่งก็เล่นหนังเรื่องสีดา กำลังจะเข้าฉายวันที่ 10 ธันวาคม ก็มีน้องแน็ค (ธเนศพิพัฒ สุทธิหิรัญดำรง) และน้องนีโน่ (กฤษฎิ์สพล สุทธิหิรัญดำรง) และเรื่องที่แล้วจะเป็นน้องพลตรี แสงมณี แล้วเอาต่อยอดในเรื่องรักนี้วัวชน แต่รอบนี้ท่านจะได้เห็นแอ็กชั่นของพลตรีที่ไปเรียนมวยไชยามา
ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้เราจะมีแอ็กชั่นฉากใหญ่มาก ซึ่งจะได้เห็นคิวบู๊ ผมอยากจะให้พลตรีเป็นพระเอกนักบู๊ของประเทศไทยให้ได้ ตอนนี้เขาเป็นมวยไชยาจริงๆ แล้ว หนึ่งต่อสามเขาสู้ได้คือไม่ได้ฝึกคิวบู๊แต่ฝึกต่อยจริง ฝึกเป็นมวยไชยาจริงๆ และเรียนรู้มวยไชยาจริงๆ จากครูดำ ตอนนี้เราถือว่าเขาไปประมาณ 90% แล้วสำหรับมวยไชยา สำหรับน้องพลตรีได้เห็นในหนังเรื่องรักนี้วัวชนแน่นอนครับ”
ดัน "พลตรี" เป็นพระเอกนักบู๊ ตามรอยพ่อ
“พ่อเขาเป็นพระเอกนักบู๊มาก่อน น้องอ้น มนตรี แสงมณี เขาเป็นพระเอกนักบู๊ของหนังแอ็กชั่นไทย เขาเล่นกับใครมาเยอะมากเลย และแม่เขาเป็นนางแบบเซ็กซี่ หลายคนอาจจะไม่รู้จักเพราะฉะนั้นภาพของพลตรีเขาก็จะเซ็กซี่ด้วย ถอดเสื้อเล่นแอ็กชั่น
ถามว่าอยากจะดันอีกเยอะไหมลูกบุญธรรม ก็จะมีผู้หญิงอีกสองคน ซึ่งเร็วๆ นี้จะได้เปิดตัว ก็จะมาเล่นเรื่องสะพานรักสารสิน เป็นนางเอกน้องใหม่ป้ายแดงเลย มาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ชื่อน้องฟ้าครับ สวยมาก”
ไม่ใช่ป๋าดันแต่สร้างเมล็ดพันธุ์ในวงการบันเทิงใหม่ๆ
“จริงๆ เราไม่เชิงเรียกว่าป๋าดันดีกว่า เราใช้คำว่าเราสร้างเมล็ดบันเทิงเมล็ดใหม่ๆ เราปลูกพันธุ์ใหม่ๆ เพราะว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาคนที่จะได้เปรียบที่สุดก็คือคนดู เราจะได้มีตัวเลือกบันเทิงต่างๆ ให้เลือกมากกว่าที่ตลาดมีอยู่ แต่สิ่งที่สำคัญของผมส่วนมากจะเป็นเด็กใต้สัก 90% ครับ”
สาธุ ปั้นแล้วดังทุกคน
“สาธุ เด็กเขามีความสามารถของเขาเองด้วยแหละ บางทีคนเราเก่งขนาดไหน มวยต่อยเก่งขนาดไหน ถ้าไม่มีเวทีขึ้นต่อยมันก็คือแค่อันธพาลถ้าอยู่ข้างล่างนะ ถ้าต่อยแบบไม่มีกติกามันก็คือเป็นอันธพาล แต่เด็กพวกนี้ที่เราสร้างขึ้นมาเราปลูกให้เขาอยู่ในกรอบด้วย อย่างพลตรีเขาไปไหนไม่ได้เลย เขาจะต้องฝึกมวย ฝึกวันนึงไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง เพราะเรามีความรู้สึกว่า เราอยากเห็นนักบู๊ที่หล่อและเป็นของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมวยไชยา เป็นมวยประจำภาคใต้ คือเขาจะต้องเป็นอัตลักษณ์ เขาจะต้องเป็น จา พนม ภาคใต้”
อุปถัมภ์พลตรีตั้งแต่ผ่าคลอด รักเหมือนลูก
“ตั้งแต่ผ่าท้อง ค่าผ่า 35,000 บาท ผ่าท้องแม่มัน เพราะว่าพ่อเขาเป็นคนขับรถให้ผม เราก็รักเหมือนลูกนั่นแหละ เพราะเป็นคนผ่าท้องแม่มันเอง เลี้ยงมาเอง ส่งเรียนหนังสือเองตั้งแต่เด็ก แล้วก็บอกแม่มันตั้งแต่แรกแล้วว่ากูจะปั้นให้เป็นพระเอก คือเหมือนพ่อเขามีความกดดันว่าไปไม่ถึงดวงดาว เขาก็เลยอยากจะสานฝันให้ลูกครับ”
ไม่คิดทำเป็นธุรกิจเลยไม่ได้เสนอค่ายอื่น
“ไม่ๆ ผมไม่ได้ทำธุรกิจ การที่จะไปให้กับค่ายหนังอื่นเราจะต้องทำของเราให้มันเพอร์เฟกต์ก่อน บางทีถ้าเราหยิบเด็กเข้าไปส่ง ถ้าเด็กมันไปแบบไม่มีโปรไฟล์มันก็ดูไม่น่าสนใจอะไร ของพลตรีคอยดูหนังเรื่องนี้ออกมา แล้วได้เห็นเขา ได้เห็นสรีระเขา เห็นเขามูฟเมนต์ เห็นเขาแอ็กชั่น ผมเชื่อว่าหลายคนจะต้องหันมามองเขาว่ามีแบบนี้
ถ้าคนสนใจเราก็พร้อมปล่อยให้น้องไปทำงานได้ ผมไม่ได้ไปเอาค่าตัวเด็กว่ากี่เปอร์เซ็นต์ หักกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นค่ายผมจะไม่มีปัญหา แต่ว่าเราจะห่วงอย่างเดียวคือห่วงเรื่องการเป็นอยู่ อุปนิสัยใจคอ คุณต้องอยู่แบบมีกฎมีระเบียบ คุณต้องพร้อมที่จะเป็นดาว คุณต้องพร้อมที่จะเป็นศิลปินแบบที่จะเป็นตัวอย่างให้กับเด็กคนอื่นได้
ผมไม่ได้พูดเพื่อยกยอตัวเองนะ ตั้งแต่ผมเข้าวงการมาผมก็ไม่เคยทำอะไรเสียหายเลย อาจจะเป็นคนพูดตรงโผงผางไปบ้าง แต่ทุกอย่างที่พูดพูดตามหลักของความเป็นจริง และไม่เคยยืนอยู่บนความเอาเปรียบของคนอื่น เพราะฉะนั้นสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะต้องปลูกฝังให้กับเด็ก
ไม่ใช่ว่าพอเป็นนักแสดงปัจจุบันแล้วไปนั่ง แล้วมองไม่เห็นหัวผู้หลักผู้ใหญ่ อย่างของผมนี่ไม่ได้เลยนะ อย่างไพศาล (ไพศาล ขุนหนู เป็นลูกบุญธรรมที่เอกชัยปั้นเข้าวงการ) มานั่งแต่งหน้าในรถตู้ ผมเดินไปด่าแล้วตบกบาลเลยนะ มึงอย่าคิดว่ามึงเป็นลูกกูแล้วมึงมานั่งแต่งหน้าในรถตู้ ไม่ได้นะ ต้องเหมือนคนอื่นเขาทั้งหมด ผมเล็งสันดานด้วย แต่ว่าการฝึก การทำงานทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบ อยู่ในระเบียบ ที่อโคจรห้ามไป”
ไม่ได้จับเซ็นสัญญา ได้เงินเท่าไหร่ก็ให้เท่านั้น
“ไม่ได้เซ็นเลย มีปัญหาตบแม่_เลย ผมถามหน่อยว่า จะเอาอะไรมาเป็นเรื่องของการขัดแย้งแตกแยกกัน นอกจากเรื่องเงิน อันนี้ได้มา 50,000 บาท ก็เอาไปทั้ง 50,000 นั่นแหละ ข้าวก็ยังกินบ้านผมอยู่เลยจะอะไรนักหนา แต่ขอแค่ว่าไปอยู่กองถ่ายคุณต้องตรงเวลา เข้ากับทุกคนได้ ไม่ใช่ใครตักข้าวมาเสิร์ฟให้คุณ กูด่านะ คุณต้องไปยืนเข้าคิวกับนักแสดงคนอื่น ไม่ว่าคุณจะดังขนาดไหน คุณต้องปฏิบัติตัวแบบนี้ มันก็มีกฎระเบียบพวกนี้ที่เราจะต้องฝึกเด็ก”
รับเซอร์ไพรส์เล่นคอนเสิร์ตในงานบวชร้อยล้าน "จีจี้ปีโป้" ไม่เคยเจองานใหญ่ขนาดนี้ ยันไม่มีผลกระทบอะไรกับตน
“ถามว่ารู้มั้ยเป็นงานแบบไหน ไม่รู้ เพราะผู้จัดการส่วนตัวเป็นคนรับงาน ไปแล้วก็รู้สึกว่างานสวยดี ยิ่งใหญ่ดี แต่มันก็ไม่ใช่หน้าที่อะไรของเรา
ถามว่าผมได้รับผลกระทบอะไรไหม ไม่มี ผมก็ไปร่วมงานของเขา ผมก็ได้รับค่าจ้างไปงานเท่านั้นเองครับ ไปถึงก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ร้องเพลงให้ดีที่สุด แต่ก็เซอร์ไพรส์ เอาจริงๆ ตั้งแต่ร้องเพลงมาก็ยังไม่เคยเจอนะ การบวชนาคไหนจะใหญ่ขนาดนี้ ผมว่าทุกอย่างมันเป็นสิทธิ์ของคนที่เขามี”
ไม่เลือกงาน เจ้าภาพจ้างก็ไปหมด ไม่รู้เรื่องเคยหลอกขายทอง
“ไม่เลือก งานไหนก็ไป ถ้าเจ้าภาพจ้างก็ไปหมดเลย เรามองว่าเป็นเรื่องของเขา แล้วเขาก็ไม่ได้ไปทำอะไรเสียหาย ผมก็มองว่ามันเป็นเรื่องปกติ ส่วนที่เขาเคยมีประวัติไลฟ์สดหลอกขายทองให้ประชาชน ผมไม่เคยรู้ ผมเป็นคนโลว์โซเชียลอยู่แล้ว ผมไม่ค่อยรู้เรื่อง”
ไม่เกี่ยวกับตน ไปในนามศิลปินที่ถูกจ้าง มีตังค์ก็ทำไปเถอะเพื่อความสบายใจ
“ไม่เกี่ยว ถึงคนเขาจะด่ามายังไง คนเขาก็มองออกนะว่าเราไปในนามของศิลปิน เป็นเรื่องปกติ เอาอย่างนี้เวลาเราไปทำอะไร สมมุติว่ามีอีกฝั่งจ้างไป และอีกฝั่งหนึ่งโกรธ ก็ไม่ได้สิ อยากให้เราอยู่เฉยๆ ก็ต้องเอาเงินมาให้เราใช้สิ เราไปร้องเพลงมันเป็นเรื่องปกติ เราเป็นศิลปิน เรารับจ้าง เราไปได้ทั้งหมด แล้วขอถามคำนึงว่าถ้าคุณไปงานขึ้นบ้านใหม่เขา หนูจะไปด่าเจ้าของบ้าน หรือว่าหนูจะไปอวยพรเขา วันนั้นก็มีโอกาสได้เจอเขา ตอนเขาไปมอบดอกไม้บนเวที ผมยังแซวเขาอยู่เลยว่ากูเหมือนนางงามมากเลยวันนั้น (หัวเราะ) ส่วนที่คนมองว่าเขาจัดงานไม่เหมาะสม สุดแท้แล้วแต่ ใครมีตังค์ก็ทำไปเถอะเพื่อความสบายใจ ใครอยากทำก็ทำ เรื่องของเขา”
