“คิทตี้” กลัวคำพูดคล้องคอตัวเอง ไม่ขอตอบดรามาเชตหลุด 79 หน้าใครเป็นคนปล่อย ลั่นตนมีเหตุผลที่เลือกไม่อธิบาย บอกคนที่ควรจะรู้เรื่องนี้ก็ได้รู้เรียบร้อยแล้ว เฉไฉไม่พูดถึง “เฌอเอม” ทุกกรณี
ก่อนหน้านี้ “คิทตี้ ชิชา อมาตยกุล”ถูกคนโยงว่าอาจจะเป็นมือดีที่ปล่อยแชตหลุด 79 หน้า หลังที่มีเรื่องดรามาวงการนางงามกับ “เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์” ที่เอาผู้จัดการส่วนตัวมาแฝงตัวอยู่ในกองประกวด และมีการพูดพาดพิงถึงผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 รายอื่น โดยคิตตี้เป็นคนส่งเฌอเอมเข้าประกวดในครั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามเรื่องนี้กับคิตนี้ เจ้าตัวก็เฉไฉไม่ขอตอบ หรืออธิบายถึงเรื่องที่เป็นประเด็นที่ผ่านมา
“ขอบคุณสำหรับคำถามนะคะ คิทคงจะไม่ตอบอะไรค่ะ ขอบคุณมากค่ะ คิทเชื่อว่าเมื่อคำพูดออกมาจากปากเราแล้ว ก็เป็นสิ่งที่คล้องคอเราไว้ การกระทำต่างๆ ก็จะเป็นสิ่งที่คล้องคอเราเอาไว้ วันนี้คิทก็เลยเลือกที่จะไม่ถาม แล้วก็ไม่พูดอะไรแล้วกัน คิทอาจจะพูดก็ได้นะ ไม่แน่หรอกพรุ่งนี้อาจจะพูด แต่วันนี้ไม่พูดแล้วกัน
คิทว่าคิททำในสิ่งที่รู้ตัวเองดีว่าทำอะไรไปบ้าง คิทไม่จำเป็นต้องแก้ตัวกับใคร ไม่ต้องจำเป็นต้องอธิบายกับใคร ว่าคิทรู้สึกยังไงบ้าง (พอเราไม่เคลื่อนไหวหลายคนก็มองเราเป็นจำเลย?) จับเลยค่ะ (ยื่นมือให้จับ)”
เผยเหตุผลของตัวเองที่เลือกไม่อธิบาย บอกคนที่ควรจะรู้แล้วก็ได้รู้เรียบร้อยแล้ว
“จริงๆ คิทมีเหตุผลของคิทเอง ซึ่งไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องนำออกมาอธิบายให้ใครฟัง คนที่สำคัญในเรื่องนี้รับรู้กันหมดแล้ว (คือรู้แค่ในกลุ่มวงนั้นก็คือจบ?) อาจจะไม่มีคนในกลุ่มวงนั้นเลยก็ได้นะคะอาจจะเป็นผีพราย แม่ซื้ออะไรก็ได้ค่ะ (คนที่ควรจะรู้แล้วก็ได้รู้เรียบร้อยแล้ว?) คนที่มีความจำเป็น เจ้าที่เจ้าทางก็รับรู้กันไปเรียบร้อยแล้ว”
เชื่อความลับไม่มีในโลก อาจจะมีคนนึงที่รู้เผลอหลุดพูดความจริงออกมา บอกที่เข้าไปปรึกษาทนายเพราะมีสื่อเขียนข่าวว่าตนเป็นคนปล่อยแชต ซึ่งไม่เป็นความจริง
“คือความลับบนโลกใบนี้ ไม่มีอยู่หรอกค่ะ ถ้ามีคนรู้มากกว่าหนึ่งคนเพราะฉะนั้นในวันนึงทุกอย่าง ก็อาจจะแบบ อุ้ย! เผลอทิ้งไว้ในที่ต่างๆ หรืออาจจะหลุดปากออกมาก็ได้แต่ที่เราเข้าไปปรึกษาทนายอย่างแรกเลยมีสำนักข่าวหนึ่งที่ใช้คำว่าคิทเป็นคนปล่อยแชต คือคิทสามารถพูดตรงนี้เลยว่าคิทไม่ได้เป็นคนส่งแชตให้พี่นักข่าวคนใดคนหนึ่งเลยทั้งนั้น และคิทรู้สึกว่าการนำเสนอข่าวแบบนี้มันทำให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องจริง”
ตอนนี้ปรับความเข้าใจกับสื่อได้แล้ว
“คือคิทว่าเราสามารถปรับความเข้าใจกันได้ ทางสำนักข่าวนั้นก็มีการแก้พาดหัวข่าวให้ ก็แค่นั้นเลยค่ะ (เรื่องอื่นก็ไม่มีติดใจ ถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล?) หรือเราไปศาลกันไหมคะพี่ๆ เสียหน่อย (หัวเราะ)”
เฉไฉไม่ขอพูดถึงคู่กรณี “เฌอเอม”
“พี่พูดถึงใครเหรอคะ ใครคือคู่กรณีใคร ไม่รู้เลย คู่กรณี พี่แมงมุมเหรอคะ (คนที่โลโก้เป็นรูปงู?) เทย์เลอร์ สวิฟต์ เปล่า สเน็ก สเน็กฟิตฟิต ไม่รู้เลยค่ะว่าเป็นใคร คิทไม่รู้เลยว่าคิทมีกรณีกับใครที่คุยกันมาทั้งหมดนี่มันเรื่องอะไรกัน (คนที่เป็นสัญลักษณ์ไอคอนรูปงู?) เทย์เลอร์ สวิฟต์ ไม่รู้เลยสรุปเราคุยกันเรื่องอะไรคะที่ผ่านมา (แสดงว่าข่าวที่ผ่านมามันไม่กระทบกระเทือนต่อเรา?) ข่าวไหนพี่ ข่าวไหน ดรามาเรื่องอะไร คิทยังงงอยู่เลย นี่คุยเรื่องอะไรกับคิทเนี่ย”
ถึงกับน้ำตาไหลที่ “เสียดาย” ผลงานเรื่องแรกของตนจะได้ออนแอร์แล้ว
“คือมีทั้งความเจ็บปวด หมายถึงว่า 5 ปีที่ผ่านมา มีวันที่ถ่ายทำเสร็จแล้วก็อยากให้ได้ฉาย พอไม่ได้ฉายก็เหมือนโดนหักอกว่าทำไมไม่ได้ฉาย ความเหนื่อยความทุ่มเททุกอย่างกลับไม่ได้ฉาย พอเราก็ทำใจได้เราว่าไม่ฉายก็ไม่ฉาย แต่ก็เหมือนอยู่ดีๆ วันนึงเขากลับมาขอแต่งงาน จะฉายแล้วนะ เราก็มีความกลัวว่าครั้งนี้จะโดนหลอกอีกไหม เราจะดีใจเก้อไหม แล้วพอวันนี้ ก็พูดได้เต็มปากว่าได้ฉายจริงๆ แล้ว ก็พูดไม่ถูกเหมือนกันค่ะ (ยิ้ม)
คุณแม่ก็เสียใจที่รู้ว่าคือที่ผ่านมาคิทโชคดีมากๆ กับการได้เจอพี่แมงมุม ที่กลายเป็นคุณแม่คนหนึ่ง และเพื่อนๆ นักแสดงในเสียดายทุกคน ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีการเจอกัน ทานข้าวกันมาเรื่อยๆ เราไม่ได้จบกันแค่ความสัมพันธ์ในหน้าที่ของการงาน แต่กลายเป็นคนรู้จักกันในชีวิตจริง ที่ผ่านมาที่พี่แมงมุม ป่วยก็มีโอกาสได้ไปเยี่ยมพี่แมงมุมทั้งที่กรุงเทพฯ และที่สมุย”
เล่าผลงานเรื่องนี้เป็นงานที่ยากและท้าทายตนมากๆ
“ในกลุ่มทุกคนถามว่าหลอกหรือเปล่า เป็นเรื่องโกหกหรือเปล่า น้องฟลุ๊คมั้ง หรือน้องพลอยไม่รู้ บอกว่าไม่รู้แหละ ลงแล้ว กดดันด้วยการโพสต์ก่อน เผื่อจะช่วยได้บ้าง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตอนนี้ แฮชแท็ก #เสียดายไม่ได้ฉาย ก็ไม่ได้ใช้แล้ว เสียดายจะได้ฉายแล้วค่ะ
ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ด้วยความที่เป็นเรื่องแรกของเรา มันยากมากๆ ท้าทายมากๆ และการถ่ายทำค่อนข้างนาน แล้วก็ถ้าถามคิทรู้สึกว่าที่ผ่านมาทั้งหมดคิทแทบจะไม่เห็นซีรีส์หรือภาพยนตร์เรื่องไหน ที่พานักแสดงขึ้นรถไฟ ดำดิ่งไปกับความรู้สึกกันขนาดนี้ ทุกตัวละครมีทั้งความสุข ความเศร้าความเสียใจ ต้องเล่นเป็นคนติดยามีคนตาย ชีวิตพังทลายจนไม่รู้จบไม่รู้สิ้น แล้วเราก็ต้องเวิร์กชอปหลายเรื่องมากๆ เช่น เรื่องของพวกยาเสพติดต่างๆ ที่พบว่าในยุคนั้นเขาเล่นอะไรกัน เป็นยังไง
คิทใช้คำว่าโกงความตายแล้วกัน เราต้องแกล้งตาย แกล้งเมายา แกล้งเจ็บปวด ทุกตัวละคร มีจากเรื่องราวชีวิตบุคคลที่เคยมีตัวตนจริงๆ เพราะฉะนั้นเรื่องราวของเขาเข้มข้น เราเลยพยายามให้เกียรติเรื่องราวของเขามากๆ ว่าเขาต้องเจอกับอะไร ต้องผ่านอะไรมา อย่างตัวละครของคิทเองก็ถูกพ่อเลี้ยงข่มขืน แล้วคุณแม่ก็ไล่ออกจากบ้าน แทนที่จะไปต่อว่าพ่อเลี้ยงหรืออะไร”
ให้ไปลุ้นกันว่าซีรีส์มีเซ็นเซอร์หรือปล่อยเต็มที่
“ที่เราถ่ายกันไว้ ถ้าโดนเซ็นเซอร์ก็อาจจะไม่มีฟุตให้ฉายเลยก็ได้ (หัวเราะ) คืออาจจะถูกตัดทุกฉากเลยก็ได้ ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเมื่อออนแอร์บนแพลตฟอร์มออนไลน์แล้วทางอ้ายฉี่อี้จะทำยังไงกับมันบ้างจะถูกเซ็นเซอร์ยังไง แต่จริงๆ ก็อยากให้คนได้ดู มันเจ๋งมากนะ ทีมงานที่ทำเอฟเฟกต์ต่างๆ ก็ทำได้แบบดูแล้วเสียวแทน เหมือนอย่างพวกช็อตที่มีการแทงเข็มก็แบบทำจริงรึเปล่านะ เสมือนจริงหรือเปล่า ก็ไม่เฉลยแล้วกัน มันเป็นความลับของนักมายากล”