COPEL THALAND ภายใต้การนำของหัวเรือใหญ่ “กอบสุข แต่โสภาพงษ์” ขอปักธงลุยตลาดสถาบันพัฒนาสมองเด็กเล็กในไทย ตอบโจทย์พ่อแม่ที่ต้องการเน้นการเรียนการสอนแบบ Academic learning สร้างสมดุลสมองซ้าย-ขวา ให้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ฤกษ์ดีเปิดสาขาแรกที่ห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์
กอบสุข แต่โสภาพงษ์ CEO COPEL THAILAND จากธุรกิจครอบครัว หนึ่งในผู้นำด้านแพคเก็จจิ้งโลหะในอาเซียน สู่การขยายธุรกิจด้านการศึกษา เล่าถึงที่มาของการเป็นมาสเตอร์แฟรนไชน์สถาบันพัฒนาสมองเด็กเล็กแบรนด์ COPEL จากประเทศญี่ปุ่นว่าเป็นคุณแม่ลูก 2 ที่เคยพาลูกไปเรียนตามสถาบันพัฒนาสมองเด็กเล็กในไทยหลายแห่ง แต่ไม่ตรงกับความต้องการ จึงเกิดแนวคิดที่จะมองหาสถาบันพัฒนาสมองเด็กเล็กมาเปิดเอง โดยได้เดินทางไปดูสถาบันพัฒนาสมองเด็กเล็กในหลายๆ ประเทศ ทั้งอเมริกา อังกฤษ ฟินแลนด์ สวีเดน อิสราเอล และญี่ปุ่น ก็ค้นพบว่าสถาบันพัฒนาสมองเด็กเล็กที่ญี่ปุ่นมีความน่าสนใจมากที่สุด เพราะทฤษฎีของญี่ปุ่นตอบโจทย์คนเอเชียมากกว่า
ในเมืองไทยเรามีสถาบันพัฒนาสมองเด็กเล็กมีอยู่หลายแห่ง แต่ส่วนใหญ่มาจากทางฝั่งตะวันตก จะเน้นเรื่อง Play Based Learning หรือกระบวนการเรียนรู้ผ่านการเล่น สำหรับทางฝั่งเอเชียจะเป็น Academic Learning หรือการเรียนรู้เชิงวิชาการ เป็นการเรียนรู้เพื่อพัฒนาสมองโดยตรง
ซึ่งโดยทั่วไปมีความเชื่อในด้านการพัฒนาสมองว่า การพัฒนาสมองซีกซ้ายจะเป็นส่วนของการคิด ตรรกะ ตัวเลข และการสร้างอัจฉริยะจะเกิดจากการพัฒนาสมองซีกขวา ที่มีส่วนเรื่องของการจดจำและจินตนาการ แต่ศาสตราจารย์ Nobuyuki Otsubo CEO ของ COPEL World และเป็นอาจารย์กิตติมศักดิ์เกี่ยวกับสมองและการพัฒนาของเด็กเล็กให้กับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วประเทศญี่ปุ่น เป็นประธานสมาคมการศึกษาและอบรมด้านการศึกษาแห่งประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ให้กับสมาคมจิตวิทยาแห่งประเทศญี่ปุ่น (ในด้านจิตวิทยาเด็กเล็ก) เชื่อว่าเด็กทุกคนควรได้รับการพัฒนาสมองทั้งสองข้างไปพร้อม ๆ กันเพื่อให้เกิด Neuron (นิวรอน คือเซลล์ประสาท ที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้าย และซีกขวา) ยิ่ง Neuron มากเท่าใดยิ่งทำให้เด็กฉลาดมากเท่านั้น และงานวิจัยของญี่ปุ่นยังพบว่า อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ มีนิวรอนมากกว่าคนปกติ 1.5 เท่า การสร้างนิวรอนที่ดีในเด็กสามารถทำได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปี เพราะสมองจะเติบโตประมาณ 90% เมื่ออายุ 6 ปี และพฤติกรรมของเด็กก็จะถูกพัฒนาในช่วงอายุนี้ด้วย โดย COPEL มาจากคำว่า Copernicus Turn คือ การเปลี่ยนแนวความคิดเดิม 180 องศา จากสังคมที่ใช้ตรรกะการพัฒนาของสมองซีกขวาเป็นหลัก มาเป็นสังคมที่พัฒนาสมองแบบองค์รวม บวกความรู้สึกนึกคิดผ่านการศึกษา
คุณกอบสุข กล่าวต่อว่า ก่อนที่ COPEL จะตัดสินใจให้เปิดในประเทศไทย มีการรวบรวมข้อมูลการตลาดในไทยและการนำเสนอแผนและกลยุทธ์การตลาดกับ COPEL JAPAN ในขณะที่ COPEL JAPAN ต้องเข้ามาสำรวจการตลาดและดูศักยภาพในการเติบโตในประเทศไทยด้วย โดยทั้งหมดใช้เวลากว่า 9 เดือน โดย COPEL THAILAND สาขาแรกเปิดที่ห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์เป็นสาขาที่ 300 ของ COPEL ทั่วโลก โดยบริษัท COPEL CHINA ก่อตั้งเมื่อปี 2018 บริหารงานโดยบริษัท AI ทางด้านการศึกษาออนไลน์ยักษ์ใหญ่ในประเทศจีน COPEL CHINA ได้รับการโหวตจากนักรีวิวถึง 310 ล้านคนต่อเดือนให้เป็นอันดับหนึ่งของสถาบันพัฒนาสมองเด็กเล็กในจีนผ่าน Application Dianping
ด้านจุดเด่นที่ทำให้ COPEL THAILAND แตกต่างจากสถาบันพัฒนาสมองเด็กเล็กแบรนด์อื่น ๆ นั้น คือ การมีสื่อการเรียนการสอนที่ผ่านการพัฒนาและวิจัยแล้วมากกว่า 360,000 ชิ้น ทำให้เด็กไม่รู้สึกเบื่อ และเป็นการเรียนที่ไม่ยากหรือง่ายเกินไปสำหรับเด็กในแต่ละวัย โดยการเรียนในแต่ละครั้ง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง เด็ก ๆ จะได้ทำกิจกรรมมากถึง 25 กิจกรรม ๆ ละ 1-2 นาที และทุกอาทิตย์กิจกรรมจะไม่ซ้ำกัน เพราะ COPEL THAILAND มีสื่อการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาสมองเด็กเล็กมากที่สุดในโลกโดยได้รับการรับรองจาก Guinness World Book of Record โดยสื่อการสอนเหล่านี้จะถูกส่งมาจาก COPEL JAPAN อย่างเช่น Flashcard จะมาเป็นภาษาญี่ปุ่นก็จะนำมาแปลเป็นภาษาอังกฤษก่อน และมีการอัพเดทใหม่ทุกปี ในปัจจุบัน COPEL THAILAND มีทั้งหลักสูตรภาษาอังกฤษ และภาษาจีน
สำหรับการวัดผลเด็กที่มาเรียนที่ COPEL นั้น ที่ญี่ปุ่นจะมีการทดสอบไอคิว ผ่านการทดสอบ Japan National IQ Test ซึ่งเป็นสถาบันกลางการ test ไอคิวของประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับ Mensa ซึ่งเป็นสถาบัน Test ความเป็นอัจฉริยะของโลก พบว่าเด็กที่มาเรียนที่ COPEL มีไอคิวสูงถึง 133 แต่สำหรับในไทย ทาง COPEL THAILAND ใช้การบันทึกข้อมูลของเด็กผ่าน Application โดยในแต่ละครั้งที่เรียนครูจะดูว่าเด็กแต่ละคนมีด้านใดที่อ่อนหรือต้องการพัฒนาเพิ่มเติม และจะปรึกษากับผู้ปกครองพร้อมแนะนำให้ผู้ปกครองช่วยพัฒนาด้านนั้น ๆ ระหว่างที่เด็กอยู่บ้าน
“เราเชื่อว่า COPEL THAILAND เติบโต และตอบโจทย์การเรียนรู้และพัฒนาสมองเด็กเล็กได้รอบด้านอย่างแน่นอน” กอบสุข กล่าวทิ้งท้าย