xs
xsm
sm
md
lg

อย่าไปเลยฮอลลีวูด! เมื่อ 3 เทพหนังฮ่องกงขอกลับบ้าน

เผยแพร่:   โดย: ฟ้าธานี



ในยุคสมัยหนึ่ง ฮอลลีวูดเหมือนเป็นจุดหมายปลายทางของดาราฮ่องกง อาจจะเพราะตอนนั้นฮ่องกงจะต้องส่งมอบการปกครองคืนสู่จีนแผ่นดินใหญ่ก็ได้ ดาราดัง ๆ ก็เลยพยายามมองหาโอกาสในต่างประเทศเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

ซึ่งดาราที่ถือว่าได้ไปเล่นหนังฮอลลีวูดแบบเป็นจริงเป็นจัง รับบทนำของเรื่อง ไม่ได้แค่ไปเป็นตัวประกอบ ก็คือ 3 เทพแห่งวงการหนังฮ่องกงในยุคนั้นนั่นเอง

ประกอบไปด้วยพี่ใหญ่อย่าง เฉินหลง ที่พยายามบุกฮอลลีวูดมานาน กว่าจะประสบจะประสบความสำเร็จก็กินเวลานานเป็นสิบปีเลย

ส่วน เจ็ท ลี ก็เป็นอีกคนที่ได้เล่นหนังฮอลลีวูดอย่างเป็นล่ำเป็นสัน แต่กว่าะจได้เป็นพระเอก ก็ต้องไปเริ่มต้นด้วยบทตัวร้ายในหนัง Leather Weapon 4 ก่อน


และคนสุดท้าย โจวเหวินฟะ ที่ได้มีโอกาสไปลองรับงานในอเมริกาอยู่นานหลายปีเหมือนกัน แต่เมื่อไปถึงฮอลลีวูดแล้วกลายเป็นว่าผลงานของดาราเหล่านี้กลับแทบไม่มีอะไรน่าประทับใจเลย แต่ละคนต้องเจอกับปัญหาหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะเรื่องภาษาที่เป็นข้อจำกัดทำให้ไม่สามารถรับบทได้หลากหลาย

อย่าง โจวเหวินฟะ ที่สมัยอยู่ฮ่องกง ถือว่าเป็นดาราเจ้าบทบาทเล่นหนังได้ทุกแนว แต่พอไปอยู่ฮอลลีวูดก็กลับต้องรับบทคล้าย ๆ เดิม

ที่ลำบากที่สุดก็คือ โจวเหวินฟะ เป็นดาราสายนักแสดง ไม่ได้เป็นนักบู๊โดยธรรมชาติ เหมือนดาราฮ่องกงที่ไปดังฮอลลีวูดคนอื่น ๆ แต่สุดท้ายก็ต้องจำใจเล่นหนังกังฟูอย่าง Bulletproof Monk แทน เจ็ท ลี ที่ปฏิเสธบทนี้ไป ทั้ง ๆ ที่ โจวเหวินฟะ ก็ไม่ได้ความสามารถเรื่องกังฟูอะไรเลย

โจวเหวินฟะ ทำงานอยู่ในฮอลลีวูดประมาณ 10 ปี รับมาแล้วทั้งบทประหลาด ๆ อย่าง ผู้เฒ่าเต่าในหนัง Dragon Ball Evolution จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของหายนะทางภาพยนตร์ในหนังเรื่องนี้ไปได้


โผล่มาตายอย่างรวดเร็วในหนังฟอร์มใหญ่ Pirates of the Caribbean: At World's End ที่ทำคนดู โดยเฉพาะแฟนหนังจีนเหวอไปตาม ๆ กัน ที่ตัวละครของ โจวเหวินฟะ มาเร็วไปเร็วแบบนั้น

สำหรับ เจ็ท ลี อาชีพในฮอลลีวูดของแชมวูซูจากจีนแผ่นดินใหญ่คนนี้ ถือว่าพอไปวัดไปวา มีหนังที่น่าสนใจอยู่บ้าง ส่วนหนึ่งก็เพราะ เจ็ท ลี ได้มีโอกาสทำงานกับคนทำหนังที่เข้าใจธรรมชาติของดาราบู๊เอเซียอย่างผู้กำกับชาวฝรั่งเศสที่ชื่อว่า ลุค แบซง นั่นเอง

งานอย่าง Kiss of the Dragon ที่เล่าเรื่องของตำรวจที่ต้องหนีการตามล่าของตำรวจชั่วฝรั่งเศสในกรุงปารีส เป็นหนังที่ไม่ได้มีเนื้อหาอะไรเลย แต่คิวบู๊ทำออกมาได้มันดีจริง ๆ


ส่วน Unleashed หรือ Danny the Dog เจ็ท ลี ก็เล่นอะไรที่ท้าทายอย่างการแสดงเป็นนักสู้ในเวทีประลองใต้ดิน ที่ถูกเลี้ยงมาเหมือนหมาตัวหนึ่ง หนังพวกนี้ยังพยายามช่วยแก้ปัญหาพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยคล่องของ เจ็ท ลี ด้วยการเขียนบทให้ออกมาเป็นคนที่พูดน้อยสุด ๆ ไปเลย งานก็เลยออกมาน่าประทับใจพอสมควร

สำหรับพี่ใหญ่อย่าง เฉินหลง ไปฮอลลีวูดตอนที่กำลังดังสุด ๆ อำนาจต่อรองเพียบแล้วในตอนนั้น เฉินหลง ก็เลยค่อนข้างจะมีสิทธิ์เลือกโปรเจ็คต่าง ๆ พอสมควร และหนังแต่ละเรื่อง เฉินหลง ก็ยังมีส่วนในการดูแลฉากแอ็กชั่นด้วยตัวเอง ขนทีม JC Stunt team ไปทำงานด้วยเพียบ

แต่ เฉินหลง ก็บอกตรง ๆ ว่าหนังพวกนี้ไม่ว่าจะเป็นชุด Rush Hour หรือ Shanghai Noon, Shanghai Knight เขาไม่ได้ประทับ หรือรู้สึกว่าท้าทายอะไรเลย แต่ตอนนี้กลับมีข่าวว่า เฉินหลง ยังพยายายามปั้นโครงการหนังภาคต่อของทั้งสองชุด เหตุผลก็คือเรื่องของเงินล้วน ๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น