“กิก ดนัย” ฉลองวันเกิดแค่เค้กก้อนเดียว กับลูกและภรรยา หยุดซื้อรถเก่าเก็บเงินเพื่อครอบครัว แพลนมีลูกเพิ่ม 2-3 คน ไม่ตั้งเป้าว่าลูกต้องเรียนอินเตอร์ หวั่นส่งไม่ไหวแล้วจะเครียด เล็งโรงเรียนทางเลือก ไม่หรูหรา
หลังจากที่ขึ้นแท่นเป็นพ่อลูกอ่อน ชีวิตก็เปลี่ยนไป สำหรับ “กิก ดนัย จารุจินดา” ที่การฉลองวันเกิดปีนี้เป็นไปอย่างเรียบง่ายสุดๆ ไม่มีปาร์ตี้ใหญ่โต มีแต่เค้กหนึ่งก้อนที่ฉลองร่วมกับภรรยา และ “น้องเก้า จิระดนัย” ลูกชายวัย 10 เดือนเท่านั้น ซึ่งหนุ่มกิกเผยถึงเรื่องนี้ในงาน Bangkok Hospital x Shopee 11.11 Big Sale ณ ล็อบบี้ชั้น 1 อาคาร BGH โซน D โรงพยาบาลกรุงเทพฯ ซอยศูนย์วิจัย บอกว่าไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ไม่มีแม้กระทั่งของขวัญ เพราะคิดว่าสิ้นเปลือง อยากจะเก็บเงินให้ลูกมากกว่า
“วันเกิดที่ผ่านมาก็มีแค่ฉลองในครอบครัวครับ 3 คนพ่อแม่ลูก จริงๆ แล้วผมเป็นคนไม่ค่อยอะไรมากมายกับการฉลองวันเกิดตัวเองเท่าไหร่ แค่เค้กก้อนเดียวมีผม ภรรยา แล้วก็ลูกแค่นั้นเอง ผมบอกภรรยาไปว่าไม่ต้องซื้ออะไรให้ ผมเป็นคนที่ไม่ชอบเซอร์ไพรส์อะไรขนาดนั้น เราเป็นฝ่ายทำให้เขาดีกว่า เรามองว่าบางทีมันสิ้นเปลืองด้วย และปีนี้ก็ไม่ได้ซื้ออะไรให้ตัวเอง เพราะด้วยภาวะต่างๆ ก็อยากจะสบายๆ เรียบง่ายที่สุด อีกอย่างคือเพิ่งมีลูกเล็ก มีครอบครัวแล้วก็เลยไม่อยากฟุ่มเฟือยเท่าไหร่
ก็เซฟเงินด้วยครับ คือสถานะผมเปลี่ยนไป มีครอบครัวแล้ว มีความรับผิดชอบมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ก็เลยทำให้รู้สึกว่าเราต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี ที่ตัดแน่ๆ คือการซื้อรถครับ (หัวเราะ) จริงๆ ผมเป็นคนที่ชอบรถเก่าอยู่แล้ว ตอนนี้ก็น้อยลง คืออยากให้อะไรมันเข้าที่ก่อน เราไม่อยากจะประมาท ด้วยเราเพิ่งฟื้นจากโควิดมา ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องระวังด้วย รถที่มีอยู่ก็บอกภรรยาไว้ว่าจะเก็บไว้ให้ลูก”
บอกวางแพลนปั๊มลูกคนที่สองต้นปีหน้า
“ก่อนหน้านี้ที่เพื่อนแซวว่าเงินที่ซื้อรถนี่ซื้อบ้านได้หลายหลัง (หัวเราะ) คือเรารู้สึกว่ามันมีทั้งมูลค่าและคุณค่า ซึ่งมันก็เป็นการเก็บเงินอย่างนึง เป็นการลงทุนอย่างนึง ด้วยรถเก่ามูลค่ามันเพิ่มขึ้นทุกปี แต่รถใหม่มันมีค่าความเสื่อม มันสวนทางกันครับ แต่ตอนนี้หยุดซื้อครับ พยายามเก็บตังค์เพื่ออนาคตของลูก และเรามีแพลนว่าเราอยากจะมีลูกสัก 2-3 คน ดังนั้นก็ต้องมีการวางแผนที่เข้มงวดมากขึ้น
แพลนไว้ว่าต้นปีหน้าจะเริ่มปล่อยแล้วครับ ตอนนี้อยากให้สุขภาพของภรรยาสมบูรณ์ก่อน เพราะเพิ่งคลอดลูก ตอนนี้น้องก็ 10 เดือนแล้วครับ พัฒนาการก็เป็นเด็กที่มีความสุข ไปไหนก็ยิ้มแย้ม ไม่กลัวคน เพราะผมเลี้ยงแบบธรรมชาติ ง่ายๆ พาเขาไปเที่ยวตามธรรมชาติ เจอคน เจอสัตว์ เจอธรรมชาติต่างๆ เขาก็เลยไม่กลัวอะไร ซึ่งมันก็เป็นพัฒนาการที่เราอยากให้ลูกเป็นแบบนั้น”
บอกไม่เน้นว่าลูกต้องเรียนอินเตอร์ เพราะถ้ามีหลายคนแล้วส่งไม่ไหวก็คงเครียด
“เรื่องโรงเรียนก็มีคุยกับภรรยาครับว่าจะให้ลูกเราเรียนทางไหน ถ้าเรียนนานาชาติแล้วเราไม่ไหว แน่นอนเราไม่มีความสุข ลูกเราก็จะไม่มีความสุขด้วย เพราะภาวะความเครียดมันส่งต่อ ดังนั้นผมก็มองว่าผมจะเก็บเงินได้มากน้อยแค่ไหน หน้าที่การงานเราเป็นยังไง คือไม่ได้ปิดกั้นว่าจะไม่ให้เรียนนานาชาติหรือโรงเรียนธรรมดา คือเราดูความพร้อมของเรามากกว่า เพราะผมไม่ได้คิดว่าจะมีแค่คนเดียว และถ้าคนแรกเราเริ่มที่นานาชาติไปแล้ว คนที่ 2-3 แน่นอนอาจจะทำให้เรามีภาระหนักขึ้น แล้วเราก็จะเครียด
ก็อาจจะเป็นโรงเรียนทางเลือกในเรื่องของการบูรณาการ ซึ่งเราก็ดูไว้หลายที่ครับ คือผมเน้นในเรื่องของความใกล้ชิดมากกว่า เพราะผมเลี้ยงลูกเอง ไม่มีพี่เลี้ยง ก็อยู่กัน 3 คน เราคิดว่านอกจากสถาบันโรงเรียนแล้ว ความใกล้ชิดของครอบครัวมันก็สามารถที่จะส่งเสริมหรือสอนลูกเราได้เหมือนกัน เน้นให้ลูกมีความสุข อยู่ในโรงเรียนที่ดี และสิ่งแวดล้อมดี ไม่ได้โฟกัสว่าจะต้องหรูหราหรือว่าแพงครับ”