“ไอซ์ อามีนา” ซวยต่อเนื่อง ถึงขั้นร้องไห้ เจ็บตัวไม่หยุด แต่คุ้มเพราะงานรุ่งมาก หวั่นใจคนทักระวังอุบัติเหตุที่ใบหน้า ไม่รู้เบญจเพสไหมเพราะเป็นคนซุ่มซ่ามอยู่แล้ว ถือว่าฟาดเคราะห์เลือดสาด ปากแตก หวิดเสียโฉม จากนี้จะระวังตัวให้มากขึ้น
คงจะเป็นความซวย บวกกับความซุ่มซ่ามของตัวเองด้วย ที่ทำให้ชีวิตของสาว “ไอซ์ อามีนา กูล” ในช่วงนี้ ต้องเจ็บตัวอยู่บ่อยครั้ง ถึงจะเล็กๆ น้อยๆ แต่รวมกันแล้วก็ทำเอาช้ำไปทั้งตัว แถมล่าสุดก็ยังมีอุบัติเหตุตกบันไดในกองถ่าย จนได้แผลที่ส้นเท้ามาแบบเลือดสาด ซึ่งเจ้าตัวเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า
“เรียกว่าฟาดเคราะห์ค่ะ หลังจากที่เรามีเรื่องดี เราก็ต้องโดนบ้าง เหตุที่เกิดขึ้นกับหนู มันอาจจะเกิดจากความซุ่มซ่ามของเราด้วย โทษดวงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องโทษตัวเราเองด้วย เราเป็นคนซุ่มซ่าม ตอนนี้ทำงานทุกวัน เวลาที่โฟกัสก็จะโฟกัสอยู่แค่อย่างเดียว อย่างอ่านบทก็จะอ่านบทอย่างเดียว ไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง พอเราตัดทุกอย่างไป มันก็เลยลืมดูแลตัวเอง
มีคนเพิ่งทักมาว่าระวังอุบัติเหตุที่ใบหน้า หนูก็ระวังแค่ใบหน้า พวกไฟ เวลาถ่ายละครให้ระวังนะ เราก็โอเคจะระวังเรื่องใบหน้า แล้วหนูก็ลืม ระวังแค่ใบหน้า ตอนนี้ที่ขาก็มีแต่รอยขูดยาว ที่เท้าด้วย ที่เท้านี่ทำเองตกบันได แต่ที่ขูดนี่เกิดขึ้นในกอง เวลาใส่เสื้อผ้าที่กอง หนูลืมแกะคลิปออก มันก็ขูดยาว แล้วตอนนี้ก็เป็นแผลเป็นเรียบร้อย ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นแผลเป็น”
ถึงขั้นร้องไห้ เหนื่อยมากที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้
“ถ้าโมเมนต์ที่เราเหนื่อยๆ มันก็ร้องไห้นะ มันรู้สึกว่าทำไมต้องเจออะไรแบบนี้ด้วย เหมือนบ่นกับตัวเอง วันนั้นกลับไป หนูก็ร้องไห้กับตัวเอง คือมันแอบเซ็ง ก็โทร.ไปหาแม่ มันแค่เหนื่อย ความรู้สึกมันปนกันหลายอย่าง
มีคนบอกว่า อาจจะเป็นเบญจเพสก็ได้นะ เพราะตอนเราอายุ 25 ไม่ได้เจออะไรมา ตอนนี้ย่างเข้า 27 อาจจะเกี่ยวด้วย เพราะว่ามันไม่ใช่ที่เท้า มีปากแตกด้วย ถ่ายละครเหมือนกัน แล้วก็ปากบวมมากอง แล้วก็หัวไปฟาด มันก็จะโนๆ อุบัติเหตุในกอง ตอนแรกก็ไม่ได้เอะใจ แต่พอพี่เขามาถามว่านั่งคำนวณมันก็เยอะเหมือนกันนะ มีหัว ปาก เท้า ขา ยังไม่รวมพวกรอยช้ำต่างๆ ซึ่งรอยช้ำแป๊บเดียวมันก็หาย”
เผยอีกใจแอบคิด หรือไม่ใช่เรื่องเบญจเพส เพราะชีวิตต้องเจอทั้งดีและไม่ดีอยู่แล้ว
“อายุเข้า 27 ปีแล้วค่ะ ไม่น่าจะเป็นเบญจเพส ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ (ปีชงหรือราหูเข้าหรือเปล่า?) ราหูเราต้องดีสิ ไปทำบุญมาเขาบอกว่าดี แค่นี้เราก็โอเคแล้วค่ะ”
เวลารู้สึกดาวน์ วิธีระบายคือร้องไห้ออกมา ชีวิตไม่ได้แย่ แค่เจอกับเรื่องที่ต้องสะดุด คิดบวกถือว่าฟาดเคราะห์ ไม่เจอเรื่องที่หนักกว่า
“มันจะมีโมเมนต์ที่บางคนกินแล้วจะหาย บางคนที่รู้สึกดาวน์ๆ แล้วจะหาย แต่หนูเวลาดาวน์ หนูจะร้องไห้ มันเป็นวิธีการระบายของเรา พอได้ร้องไห้ หนูก็จะรู้สึกว่าโล่ง มันไม่ได้รู้สึกเจ็บแผล เพราะว่ามันชามากกว่า ไม่ได้คิดว่าทำไมเราซวยขนาดนี้ มันแค่ดาวน์ซะมากกว่า
หนูไม่อยากคิดว่าชีวิตมันแย่ เพราะชีวิตหนูมันไม่ได้แย่ หนูแฮปปี้มากเรื่องงาน มันอาจจะเป็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ มันเป็นอะไรที่สะดุดนิดหน่อย หนูกลับคิดในทางที่ดี ถ้าไม่มีเรื่องนี้ มันอาจจะมีเรื่องที่ใหญ่กว่านี้เกิดขึ้นก็ได้ เพราะว่ามันมีเรื่องนี้เกิดขึ้น แล้วมันก็เสียเลือดไปแล้ว ฟาดเคราะห์ เหมือนกับที่เขาบอกว่าให้ไปบริจาคเลือด เพื่อเอาสิ่งไม่ดีออก นี่หนูก็บริจาค เพราะเลือดที่เท้าออกเยอะมาก เวลาเดินเลือดก็หยด”
ไม่ใช่คนกลัวเลือด แต่ในบทต้องกลัว เลยแอบกังวลต้องทำยังไง แต่พอได้แผลที่เท้า ก็กลัวเองโดยอัตโนมัติ
“ตอนแรกเป็นคนไม่กลัวเลือด ตอนแรกที่มาถ่ายละครเรื่องบังเกิดเกล้า พี่ผู้กำกับบอกว่าในเรื่องต้องเป็นคนที่กลัวเลือด เราก็คิดว่ากลัวเลือดมันจะต้องเล่นยังไง หลังจากที่หนูเป็นแผลตรงเท้า หนูรู้สึกกลัวเลือดมาก มันเห็นแล้วไม่อยากทำแผลให้ตัวเอง มันรู้สึกแหยะๆ ด้วยว่าแผลมันใหญ่ แล้วก็มีไขมันให้เราเห็น มันลึก เขาถึงไม่เย็บให้ เขาก็ทำความสะอาด ให้แผลสมานเอง ตอนนี้แผลก็ตื้นขึ้นมา แต่พอไปโดนมัน มันก็จะแตก ก็พยายามไม่ชนกับอะไร”
ในละครต้องใส่รองเท้าส้นสูง เลยพยายามขอเลี่ยงเป็นรองเท้าเปิดส้น แต่บางครั้งก็เกรงใจผู้กำกับ ฝืนเล่นจนแผลอักเสบเป็นไข้
“ทุกวันนี้เวลาถ่ายละคร ถ้าเลี่ยงใส่รองเท้าได้ ก็จะพยายามเลี่ยง เกรงใจผู้กำกับ เกรงใจคนอื่นเหมือนกัน เพราะเขาจะถ่ายรับเราแค่ครึ่งเดียว แต่มีบางฉากที่ต้องใส่รองเท้าส้นสูง เราก็ขอเขาว่าขอเป็นรองเท้าที่เปิดส้นได้ไหม โชคดีว่าหลังจากที่เป็นแผล วันถัดมาเป็นฉากที่ต้องใส่รองเท้าแตะวิ่งร้องไห้บนสะพาน ยังโชคดีที่เป็นรองเท้าแตะ แต่ก็ต้องวิ่งบนสะพาน อีกวันหนึ่งเป็นไข้ อาจจะด้วยว่าแผลมันอักเสบแต่ว่าไปฉีดยาแล้วมันก็ดีขึ้น”
ไม่ได้ไปเช็กดวงอีกรอบ เพราะได้แผลที่เท้ามาแล้ว
“เขาบอกว่าระวังอุบัติเหตุที่หน้า แต่พอดีหนูอาจจะดวงดีไง เลยไม่เกิดขึ้นที่หน้า มันก็เลยผ่านไปแล้วตอนนี้”
งานดีขึ้นหลังเป็นนักแสดงอิสระ แต่กลับต้องแลกมาด้วยการเจ็บตัว ทำใจไม่มีอะไรเพอร์เฟกต์ไปทุกอย่าง
“พอเราออกมาเป็นนักแสดงอิสระ งานเราก็ดี แต่เราต้องมาเจ็บตัวกับเรื่องพวกนี้ หนูว่ามันต้องแลกกัน คือหนูเชื่อว่าชีวิตคนเราไม่มีอะไรทุกอย่างที่เพอร์เฟกต์ มันต้องมีดีบ้าง ไม่ดีบ้างมันถึงจะสมบูรณ์ ถ้าเราเพอร์เฟกต์ไปเสียทุกอย่างอันนั้นน่ากลัว มันต้องมีดีบ้าง ไม่ดีบ้าง มันสนุกดี แบบนั้นมันไม่มีอะไรที่น่ากลัวรออยู่ข้างหน้า ชีวิตเป็นแบบนี้ต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆ มันถึงจะดี (เรียกว่ามันคุ้มกับการแลก?) คุ้มค่ะ งานโอเคแลกมากับการเจ็บตัว หนูโอเค”
ยังระแวงห่วงใบหน้าอยู่ ทำงานต้องคอยมองไฟตลอด เพราะรอดมาแล้วอีกเหตุการณ์ ไม้หล่นเกือบฟาดหน้า โชคดีถอยหลังมาก่อน
“ยังห่วงอยู่ค่ะ ทุกวันนี้เวลาถ่ายละครหนูยังต้องมองไฟ แต่โชคดีมากเลยนะ แต่อันนี้มันเป็นเหตุการณ์อีกกองหนึ่ง หนูยังพูดเล่นๆ กับผู้กำกับ กับผู้จัดว่า เจ้าที่อาจจะช่วย เพราะว่ามันมีขอบเตียงหล่นลงมา คือหนูนั่งอยู่ที่พื้น พอนับ 5 4 3 มันเป็นจังหวะที่หนูถอยไปข้างหลังพอดี ไม้อันนี้ก็หล่นฟาดลงมาที่พื้น คือจังหวะนั้นหนูยกมือไหว้เลย เพราะว่าถ้าหนูไม่ได้ถอยไปถอยไปข้างหลังด้วยธรรมชาติ ไม้อันนั้นคงฟาดหน้าไปแล้ว ซึ่งขอบเตียงนั้น ก็มีเหล็กที่เป็นสนิมอยู่ด้วย ถ้าโดนหัว หัวแตกแน่นอน วันนั้นถือว่าโชคดีมากๆ”
ไม่รู้วิธีสะเดาะเคราะห์ แต่ก่อนอื่นควรระวังที่ตัวเองก่อน เพราะเป็นคนซุ่มซ่าม
“หนูว่าต้องระวังที่ตัวเอง เพราะว่าเป็นคนซุ่มซ่าม เป็นคนไม่ระวัง เวลาเล่นก็ชอบเล่นจริง เวลาเล่นฉากแอ็กชั่น กั๊กไม่เป็น หลายๆ คนที่เล่นคิวบู๊กับหนู เขาบอกว่าหนูต้องไปฝึกเพิ่มนะเรื่องวิธีการกั๊ก เพราะว่าเราทำไม่เป็น ถ้าทำเป็นสกิลอาจจะดีกว่านี้นิดหนึ่งค่ะ หลังจากนี้จะเพิ่มความระวังแล้วค่ะ แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาที่จะคิดว่าเพิ่ม กลับไปบ้านก็นอน”