“เบิ้ล ปทุมราช” โพสต์ระบายลงเฟซฯ น้อยใจเห็นคอมเมนต์ด่า ลืมตัว ลืมกำพรืด ก้าวร้าว ไร้มารยาท ลามไปถึงบุพากรี อยากให้มารู้จักตัวจริง ไหว้ตั้งแต่ยามยันชั้นผู้ใหญ่
หลังนักร้องหนุ่มลูกอีสาน “เบิ้ล ปทุมราช อาร์สยาม” หรือ “เบิ้ล อาทิตย์ สมน้อย” ออกมาโพสต์ร่ายยาวระบายความในใจลงในเฟซบุ๊ก น้อยใจที่ถูกคอมเมนต์ด่า ดูถูก ลืมตัว ลืมกำพรืด ก้าวร้าว ไร้มารยาท ลามไปถึงบุพกรี ก่อนจะลบไปในที่สุด ทำเอาบรรดาแฟนคลับอดจะห่วงไม่ได้ วันนี้ได้เจอหนุ่มเบิ้ล ในงานแถลงข่าวรอบสื่อมวลชนของภาพยนตร์เรื่อง หลวงพี่กะอีปอป ณ เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์รัชโยธิน เจ้าตัวก็เลยได้เปิดใจถึงโพสต์ดังกล่าวว่า
“จริงๆ แล้วเราเป็นคนสาธารณะไม่ควรโพสต์หรอกครับ ก็ไม่อยากให้แฟนคลับเป็นห่วง เดี๋ยวเขาจะหาว่าสร้างภาพ แต่ผมแค่อยากอธิบายว่า การเป็นนักแสดงหรือว่าเป็นนักร้องก็มีหัวใจ ผมก็เป็นคนธรรมดาเดินดินคนหนึ่ง ไม่ได้ร่ำรวยหรือมาจากดาว คือมันอาจจะเป็นเพราะว่าเราไปใส่ใจกับคอมเมนต์ต่างๆ หรือว่าเรื่องที่คอมเมนต์มาถึงเราอื่นๆ ที่เราเก็บไว้ในใจมาตลอด เป็นเรื่องที่เราไม่ได้ทำ ก็มันอาจจะเป็นอารมณ์น้อยใจ แล้วก็อยากอธิบายให้เขาได้รับรู้มากกว่า”
“คือถ้าถามว่าที่ผ่านมาข่าวต่างๆ ไร้มารยาท ก้าวร้าว ก็คืออยากให้รู้จักผม แล้วค่อยด่าผม คอมเมนต์ผมได้ไหม แต่ก็มีเฉพาะกลุ่มแหละครับ คนที่เขารู้จักเรา เขาก็ซับพอร์ตเรา แต่เราก็ไม่อยากให้มองว่า ต้องมีติ่งปกป้อง คือไม่อยากให้คิดแบบนั้นนะครับ ผมอยากให้คนรู้จักผมในสิ่งที่ผมเป็นจริงๆ แล้วสักวันหนึ่งผมก็เชื่อว่าเราจะได้รู้จักกัน”
“แล้วเรื่องมารยาท เรื่องการไหว้ของผม ถามแค่คนที่อยู่ในบริษัทผมแล้วกัน ผมไหว้ตั้งแต่ยาม สวัสดิการ ไปจนถึงชั้นผู้ใหญ่ ผมไม่เคยวัดว่าใครต้องสูง ใครต้องต่ำ เพราะผมก็คือคนธรรมดาคนหนึ่ง ถ้าเราให้เกียรติ เราก็ย่อมได้เกียรตินั้นกลับคืนมา การไหว้มันทำให้คนที่อยู่ตรงหน้ารู้สึกดีด้วย”
“สิ่งแรกที่ต้องเปลี่ยนคือเราต้องใจเย็นมากขึ้นครับ อะไรไม่ควรโต้ตอบ หรือไม่ควรไปสุมฟืนใส่ไฟเพิ่มเติม เราก็นิ่งขึ้น แต่ถามว่าในส่วนที่เรานิ่งขึ้นเนี่ย เราก็มีสิทธิ์ที่จะปรับปรุงแก้ไขตัวเอง ในการพูดการโพสต์ผมว่ามันไม่ผิดหรอกครับ แต่ผมแค่อยากอธิบายให้รู้ว่า เวลาอวตารมาคอมเมนต์มาด่ามาว่าถึงบุพการี ถ้าคนคุณเป็นคนโดนเอง คุณก็คงรู้สึกไม่ดีเหมือนกัน”
“แต่ถามว่าในเส้นทางนักร้องมันก็ต้องเจออีก ถึงวันนี้ผมอธิบายก็ต้องมีคอมเมนต์ออกมาอีกว่า ก็มึงไร้มารยาท ยังไงผมก็ขอพูดตรงนี้นะครับ ก็ขอถ้ามันผิดพลาดในอดีต ถ้าผมเป็นคนที่ขี้เก๊ก ทำให้รู้สึกไม่ดีเวลามอง (หัวเราะ) ผมก็พร้อมที่จะปรับปรุงตัวเอง”
“ถึงวันนี้คุณจะด่าจะว่าผม แต่ถ้าวันหนึ่งผมมีโอกาสเจอคุณในขณะที่คุณลำบาก ผมก็พร้อมที่จะยื่นมาช่วยเหมือนเดิม ผมเชื่อว่าการแก้แค้นที่ดีที่สุดคือการให้อภัย การสร้างมิตรภาพ สร้างความสุขให้กันและกันมากกว่า ในขณะที่บ้านเมืองเราก็เป็นแบบนี้ในปัจจุบัน”
ชีวิตเปลี่ยนหลังเป็นคนดัง ต่อไปนี้จะทำงานเพื่อช่วยสังคม
“ผมว่าเปลี่ยนเยอะพอสมควรครับ ยิ่งตอนที่ได้เป็นทหาร แล้วก็ได้มาเป็น The Mask Singer มันทำให้ผมรู้สึกว่า ช่วงที่ผมใส่หน้ากาก ผมไปอีกโลกหนึ่งเลย ผมเหมือนได้ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยได้ทำ แล้วผมก็ได้ทดสอบตัวเองในการทำสยามเมืองยิ้ม มันเป็นสิ่งที่ทำให้รู้ ตอนที่ผมปล่อยเพลงนี้ไป มีคนคอมเมนต์ว่าเบิ้ลทำให้คนไทยมีรอยยิ้ม ร้องไห้เลย มันรู้สึกว่าเราต้องทำอะไรเพื่อตัวเอง และเพื่อประเทศมากขึ้น วันที่เราไม่ดัง เราถามตัวเองว่า ทำยังไงเพลงถึงจะดัง แต่วันที่เรามีชื่อเสียงแล้ว ทำยังไงให้ดังแล้วช่วยสังคมบ้าง”
“เราก็เลยเลือกที่จะไปอยู่กับพี่บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ไปมูลนิธิ หรือเวลาไปคอนเสิร์ตที่ใกล้สถานที่หมาป่วย แมวป่วย ผมก็จะรวบรวมเงินจากบ้านแฟนคลับที่เขาอยากทำ มาช่วยน้องหมาน้องแมว แต่ไม่ได้โพสต์ลงโซเชียลนะครับ เพราะผมไม่อยากเสี่ยงเรื่องการโอนเงิน ได้น้อยได้หลักพัน เราก็ทำหลักพัน ได้หลักหมื่นก็ทำหลักหมื่น”
“ทุกวันนี้ก็เลือกที่จะอยู่กลับความสุข แล้วก็การที่เราทำดีดีกว่า อะไรที่มันเข้ามาในชีวิตแล้วเราไม่ได้ทำ เราก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ แต่ถ้าสิ่งไหนที่เราทำแล้วมันผิดจริงๆ ก็ควรจะปรับปรุงแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัว ผมเชื่อว่าตรงนี้จะทำให้ผมอยู่ได้แบบมีความสุขจริงๆ”
ตอบโพสต์เองทั้งเฟซบุ๊ก ไอจี แฟนเพจ เห็นทุกคอมเมนต์ทั้งดีและร้ายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำได้แค่ปล่อยวาง เก็บมาแต่สิ่งที่เป็นกำลังใจ
“คอมเมนต์หลังจากนี้ก็พยายามไม่อ่านดีกว่า จริงๆ ผมก็ไม่ค่อยอ่านนะครับ แต่มันก็อาจจะมีบางคำที่มันสะดุดหัวใจเกินไป มันรู้สึกว่ามันจี้ความรู้สึก เราเล่นเองทุกอย่างครับ ทั้งไอจี แฟนเพจ เฟซบุ๊ก ทุกอย่างเวลาที่เราคุยกับแฟนคลับ เวลาที่เราโพสต์เราตอบด้วยตัวของเราเอง แอดมินจะช่วยโพสต์แค่แชร์งาน ถ้าเป็นภาพ เป็นแชต กลุ่มแฟนคลับที่ผมตั้งขึ้นมา จะเป็นผมตัวจริงเสียงจริง มันก็เลยไม่สามารถที่จะเลี่ยงการเห็นคำพวกนี้ได้ ก็ต้องเห็นบ้าง แต่ก็ต้องปล่อยวาง มองแต่สิ่งที่มันเป็นกำลังใจ ถ้าเราผิดจริงๆ เขาพูดมันก็ถูก ก็ต้องเอากลับไปปรับปรุงตัวเอง ให้ดีและมีคุณภาพมากขึ้น”
เรื่องไหนผิดจริงก็ยอมรับและพร้อมปรับปรุง
“คือถ้าเป็นเรื่องผิดจริงก็ยอมรับนะครับ แต่ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ผมยังไม่เห็นมีอะไรที่เป็นเรื่องจริงเลย ก็อยากให้ทุกคนไปสืบหาความจริงครับ”