กรณี “ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล” ยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ขอสิทธิการเป็นพ่อตามกฎหมาย และอำนาจในการปกครองบุตร ร่วมกับ “ซาร่า คาซิงกินี” ก่อนที่ต่อมาจะมีการเผยถึง 6 ข้อเรียกร้อง ที่ซาร่า ยื่นถึงไมค์ ทั้งขอให้ไมค์จ่ายเงินเล่าเรียนของลูกที่ตนเองได้จ่ายไปแล้วที่โรงเรียนนานาชาติภูเก็ต ให้จ่ายคืนตนเอง และจ่ายค่าเทอมต่อไปในอนาคตลูก จนจบปริญญาเอก, จ่ายค่าคนขับรถและพี่เลี้ยง จนกว่าบุตรจะช่วยเหลือตัวเองได้, ให้จ่ายเงินเดือนให้กับ ซาร่า จากเดือนละ 3 หมื่น เป็น 5 หมื่น จนกว่าลูกจะมีรายได้หาเลี้ยงตัวเองได้, ขอให้ซื้อบ้านหรือคอนโดในกรุงเทพฯ ให้ลูก, ห้ามนำบุตรไปหารายได้เพื่อประโยชน์ของไมค์ และ หากผู้ร้องนำบุตรไปหารายได้ ถือว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้ค้านร้ายแรง ผู้ค้านมีสิทธิ์กีดกัน จนกว่าจะสำนึกในการกระทำเท่านั้น จนทำให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ยับว่าเป็นข้อเรียกร้องที่โหดเกินไป เป็นข้อเรียกร้องเรียกหรือรีดไถกันแน่
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (6 ต.ค.) ซาร่าและทนายได้ออกมาเปิดใจสัมภาษณ์ พร้อมเผยตอนนี้ยกเลิก 6 ข้อเรียกร้องเดิมไปแล้ว พร้อมเผยข้อเรียกร้องใหม่ 4 ข้อ ซึ่ง “นางสาวศิรินทรา หรือ ศิริญญญ์รดา เลืองวัฒนะวณิช” ทนายผู้คัดค้านของสาวซาร่า ซึ่งยื่นคำร้องขอคัดค้านไปเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ได้เผยว่า
“ข้อ 1 ที่เราเรียกร้องไป คือ เราเลี้ยงลูกมาโดยตลอด และก็ให้โอกาสฝ่ายชายมาเยี่ยมตลอด โดยเวลาอบรมสั่งสอนควรจะเป็นอำนาจในการปกครองของเรา ข้อ 2 คือ ทางฝั่งฝ่ายชายทำงานที่จีนเป็นหลัก 3-4 เดือน ก็กลับมาเมืองไทยทีนึง หรืออยู่เมืองไทย 1-2 สัปดาห์ เจอลูกนิดๆ หน่อยๆ เพราะทุกครั้งที่เขากลับมา เราก็ไม่เคยกีดกัน มันลำบาก ถ้ามีอะไรที่ต้องใช้อำนาจปกครองร่วมกัน หรือว่าเร่งด่วน ต้องเข้าโรงพยาบาล และฝ่ายชายอยู่ทางเมืองจีนมันจะลำบาก
ข้อ 3 เมื่อเขากลับมาเมืองไทย เขาเป็นนักแสดง งานค่อนข้างรัดตัว ลักษณะการทำงานเขาอาจจะไม่ค่อยมีเวลา ไม่มีเวลาเลี้ยงเด็ก สมมติถ้าเขามีอำนาจปกครอง และเอาลูกที่ยังเล็กอยู่ไปเลี้ยงเอง เด็กอาจจะต้องอยู่กับพี่เลี้ยงเป็นหลัก ซึ่งดีกว่าไหมถ้าให้อยู่กับแม่ที่เป็นคนให้กำเนิด
ข้อ 4 ทั้งคู่ไม่ได้แต่งงานกัน ไม่ได้อยู่ร่วมกันฉันท์สามี ไม่ได้อาศัยอยู่บ้านเดียวกัน ซึ่งเวลาใช้อำนาจการปกครอง ซึ่งคนที่ใช้อำนาจปกครองสามารถกำหนดได้ ให้ลูกอยู่ที่ไหน กำหนดถิ่นที่อยู่ และถ้าทั้งคู่ใช้อำนาจปกครองร่วมกันล่ะ ทั้งคู่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจร่วมกัน และใครล่ะจะมีอำนาจในการตัดสินใจหลัก เพราะในเมื่อทั้งคู่มีคนละ 50 : 50 มันมีปัญหาแน่นอน เวลาหลักๆ พ่อแม่เลิกกัน ลูกต้องอยู่ฝ่ายไหน และต้องยินยอมให้อีกฝ่ายมาเยี่ยมตามสมควรนะ
และในส่วนของคำคัดค้าน เราไม่ได้เขียนลงรายละเอียดชัดเจน แต่หลักๆ เราจะคุยกันตอนไกล่เกลี่ย เราต้องแยกกันบิดาชอบโดยกฎหมายกับอำนาจปกครองบุตร 2 สิ่งนี้ที่ต้องแยกกัน เขาเป็นพ่อที่แท้จริง เขาเป็นพ่อตามสายเลือด ที่นี้การใช้อำนาจการปกครองตามกฎหมาย มันมีปัญหาตามที่เรียกร้องไป 4 ข้อ ที่ไม่ควรใช้อำนาจปกครองร่วม โดยที่ผ่านมาไม่ได้กำหนดขนาดนั้น ซึ่งต่อไปนี้การกำหนดหลังจากนี้จะดีต่อทั้งคู่ไหม แต่เท่าที่คุยกับฝ่ายหญิง ฝ่ายหญิงก็พร้อมที่ให้ฝ่ายชายเจอลูกได้เหมือนเดิม”
โอเพ่นไกล่เกลี่ย ไม่อยากให้เป็นเรื่องราว ที่ผ่านมา เกิดจากการคุยกันไม่รู้เรื่อง
“ถามว่าที่จะไม่เหมือนเดิม เพราะยังใช้อารมณ์ในการตัดสินใจไหม ก็ต้องไปคุยตอนไกล่เกลี่ย ว่า อารมณ์ตอนนั้นทั้งคู่เป็นยังไง ทางฝ่ายหญิงพร้อมที่จะให้ฝ่ายชายเจอเหมือนเดิมแหละ แต่ต้องไปดูว่าคุยแล้วลงตัวยังไงบ้าง ถ้ามันลงตัวไม่ได้ ก็ต้องกำหนดไปเลย เราโอเพ่นในการไกล่เกลี่ย คือ ทางฝ่ายหญิงไม่อยากให้มันเป็นเรื่องเป็นราว เพราะมันเกิดจากการที่คุยกันไม่รู้เรื่อง แค่ไม่ได้สื่อสารกัน และเราอาจจะติดต่อเขาไปก่อนก็ได้ หรือถ้าทางนั้นพร้อม เราก็โอเค อยากให้เสร็จก่อนถึงวันที่ศาลนัด เราต้องคุยกับทนายฝ่ายนั้น เราก็ต้องเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยด้วย และ 6 ข้อที่เกิดมาก่อนหน้านี้ ยกเลิกไปหมดเลย”