“ป๋อ ณัฐวุฒิ” ยอมรับคนหลงเมีย 2020 หึงหนักตามสืบภรรยา ปล่อยตัวไม่ได้เพราะ “เอ๋ พรทิพย์” สวยมาก รับสะใจยิ่งแอ๊วภรรยา คนยิ่งกระทืบไลก์ เสียวลูกคนที่ 3 โผล่มาก เพราะยังตกลงกันไม่ได้ใครจะทำหมัน ไม่อยากทำเพราะห่วงเรื่องกำลังวังชา
ภรรยาสวยวันสวยคืน ทำเอาคุณสามี “ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ” ทนไม่ไหว ต้องตามแอ๊ว “เอ๋ พรทิพย์ สกิดใจ” ทุกรูป เจอตัวป๋อล่าสุดผอมซูบไปมาก เจ้าตัวก็ยอมรับว่าเป็นเพราะภรรยาสวยมากเลยต้องดูแลตัวเองออกกำลังกาย จะปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่ได้ และยอมรับว่าเป็นคนหลงเมีย 2020
“มันเป็นลุคใหม่ของละคร ก็พยายามจะออกกำลังกาย แล้วก็ตั้งใจดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากโรคภัยไข้เจ็บด้วย ตอนนี้มีเพื่อนๆ เจ็บป่วยกันเยอะมากเลย บางคนเป็นเส้นเลือดแตก บางคนเป็นเบาหวาน ความดัน ช่วงโควิด-19 คนสุขภาพไม่ค่อยดีกันเยอะ เราก็ต้องหันมาดูแลตัวเอง เพราะลูกยังเล็ก
ตัวผมยังแข็งแรงดี แต่คนใกล้ตัวเราก็จะเริ่มเจ็บป่วย ก็พยายามจะบอกคนอื่นว่าให้กินน้ำเยอะๆ การดื่มน้ำเยอะๆ สำคัญมาก แล้วก็ออกกำลังกายให้ได้ 45 นาที ต่อวัน จริงๆ เป้าหมายไม่ได้ต้องการมีซิกแพ็กนะ มองว่าเอาที่เรามีความสุขแล้วร่างกายเราแข็งแรง คือค่าเลือดเราต้องดี ค่าต่างๆ ในร่างกายเราต้องดี สองต้องออกกำลังกายให้หัวใจเราดี พอหัวใจเราดีร่างกายเราก็ดีตามไปด้วย
ผมตรวจสุขภาพเป็นประจำอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เหมือนว่าจะเป็นโรคไต แต่จริงๆ ไม่ได้เป็น แต่มันจะมีค่าค่านึงเพิ่มขึ้นมาเยอะกว่าปกติ เพราะว่าเราดันไปออกกำลังกายมากเกินไป ทำให้มีค่าค่าหนึ่งเพิ่มขึ้น เคยได้ยินว่าวิ่งแล้วไตจะวายไหม อย่างนั้นเลย เวลาออกกำลังกายเยอะๆ หนักๆ ค่านี้มันจะขึ้น พอผมกลับมาดูแลตัวเองใหม่ ไปเช็กก็ปกติ ฉะนั้นจะออกกำลังกายก็ต้องเอาที่พอดี ทานพอดีๆ พักผ่อนพอดีๆ ถ้าร่างกายเราพร้อม เราก็ออกกำลังกายได้หนักขึ้น แต่ถ้าร่างกายเราไม่พร้อม เราไปออกกำลังกายหนัก มันก็จะส่งผลเสียกลับมาเยอะกว่าเดิม”
เมียสวยจนเริ่มหึงถึงขั้นตามสืบ ปล่อยตัวไม่ได้เพราะภรรยาสวยมาก
“เอ๋เขาสวยมากเลย มันเลยทำให้ผมต้องออกกำลังกาย ดูแลตัวเองบ้าง ปล่อยตัวเองไม่ได้เลย รู้สึกกดดันมาก เมื่อก่อนไม่เคยหึงเอ๋เลยนะ เดี๋ยวนี้เริ่มหึง ทำไมไปนานจัง ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก แต่ยังไม่ถึงขั้นโทรเช็ก เพราะการเช็กแบบนั้นมันเป็นการไม่ให้เกียรติเขา ก็จะคิดในใจว่าทำไมช่วงนี้รู้สึกหึงเอ๋ ลูกก็สองแล้ว
ก็บอกเขาตลอด เขาไปกินข้าวกับเพื่อนตอนกลางคืน 4-5ทุ่ม ผมเริ่มกระวนกระวายแล้ว มีถามไปกับใคร นั่งร้านไหน เมื่อไหร่จะกลับ เคยมีถึงขั้นว่าไปดูว่าเขาไปกินร้านไหน ดูที่แฮชแท็กร้าน มันก็จะขึ้นเลยว่าวันนั้นใครไปกินที่ร้านบ้าง ผมก็เข้าไปเห็นเอ๋ มานั้งตรงนี้จริงๆ ก็แล้วไป มีสืบ ผมน่าจะเป็นหลงเมีย2020 แล้วมั้งครับ”
ก่อนแต่งไม่เป็นแบบนี้ รับแอ๊วถี่ๆ จะได้คึกต่อเนื่อง ยิ่งแอ๊วยิ่งถูกใจ คนกดไลก์ตรึม
“ไม่มีเลย เมื่อก่อนไม่เป็น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร เขาอาจจะสวยขึ้นรึเปล่าก็ไม่รู้ หรือว่าเราอาจจะเคลิ้มเขามากขึ้น เห็นเขาลงรูปไอจีเราต้องแอ๊วเขาตลอดเลย อยู่บ้านก็แอ๊ว ข้างนอกก็แอ๊ว เอาจริงๆ นะ เรามองว่าสถาบันครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญ เราอย่าไปสร้างภาพว่าผู้ชายต้องมีผู้หญิงเยอะๆ แล้วจะเท่ ถ้าเรามีคู่ของตัวเองก็เป็นเรื่องที่ดี ไม่ได้น่าเกลียดอะไร เพราะเราก็แต่งงานแล้ว สถาบันครอบครัวจะแข็งแรงพ่อแม่ก็ต้องรักกันมากๆ มันมีผลกับลูกด้วย เราก็พยายามทำภาพแบบนี้ให้มันดี ยิ่งอยู่กันไปนานๆ ความรักมันจะยิ่งจืดจางไป เราก็ยิ่งต้องแอ๊วมากขึ้น เราจะได้คึกต่อเนื่องกันไป
เราจะบอกเสมอว่าอย่าทำให้ชิน ของบางอย่างพอชินเราจะรักน้อยลง รู้สึกกับเขาน้อยลง มันก็จะไม่ดี พอเราไปเจอคนอื่นที่สวยกว่า เด็กกว่า น่ารักกว่าเราก็จะรู้สึกว่ามันดีกว่าที่บ้าน ซึ่งมันไม่ใช่ ผมกับเอ๋เราผ่านช่วงเวลาร่วมทุกข์ร่วมสุข ช่วงที่ยากที่สุดกันมาแล้ว เราควรที่จะส่งเสริมให้เขาเป็นคนที่มีคุณค่าต่อไป
การแอ๊วมันก็เป็นความสุขอย่างนึงของผมด้วย ยิ่งแอ๊วคนยิ่งกดไลก์ ผมชอบมาก ผมสะใจ ผมลงรูปแอ๊วมีไรยอดไลก์มาเพียบทุกที ก็เลยสนุกมาก ยิ่งรักหนัก”
แพลนเรื่องทำหมันเป็นชาติแล้ว เชียร์เมียทำเอง เพราะกลัวเจ็บ
“เป็นชาติแล้ว คุยกันเรื่องนี้ใครจะทำ ก็เชียร์เอ๋ทำอยู่ ผมกลัวเจ็บ มีคนกระซิบมา เราก็ไม่รู้ว่าผู้ชายมันจะลดน้อยถอยลงรึเปล่า เราก็กลัวตรงนี้ ผู้ชายมันก็ต้องกังวลเรื่องนี้เป็นธรรมดา ไม่ได้หมายความว่าจะไปอะไรกับคนอื่นนะ แต่กำลังวังชามันก็เป็นเรื่องสำคัญ เอ๋ก็อยากให้ผมทำ ผมก็อยากให้เอ๋ทำ สุดท้ายเลยไม่มีใครทำเลย ยังไม่มีบทสรุปเลยตอนนี้”
เสียวคนที่ 3 โผล่มาก
“เสียวมากเลย ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีนะ แต่เรารู้สึกว่าเราพอกันแล้ว มันเหนื่อย เราเลยจุดที่จะต้องมาเริ่มต้นกันใหม่แล้ว เราสบายแล้ว ลูกๆ ดูแลตัวเองกันได้แล้ว พอนึกว่าจะต้องกลับไปตรงนั้นอีกก็รู้สึกทรมาน มีก็ได้แต่อย่าเพิ่งมีแล้วกัน ตอนนี้เป็นช่วงที่สบายมาก แอ๊วไปเรื่อยๆ รู้สึกสบายใจ”
รับไม่ได้ข่าวครูทำร้ายนักเรียน เช็กร่างกายลูกเองทุกครั้งหลังกลับจากโรงเรียน ห่วงเรื่องความรุนแรง
“จริงๆ ต้องสำรวจร่างกายลูกทุกวันนะ อาบน้ำลูกนี่สำคัญนะ อย่าเพิ่งให้พี่เลี้ยงอาบน้ำให้ลูกนะ พ่อแม่ต้องอาบให้ เราจะได้รู้ บางทีเขาโดนทำร้ายมาเด็กไม่พูดนะ เพราะเขากลัว บางทีเขาอาจจะโดนทำร้ายแต่เขาก็ไม่รู้ว่าเขาโดนทำร้าย เหมือนโดนผลักหัว เด็กก็ไม่รู้ว่าคืออะไร เขาไม่รู้ว่าเป็นการกระทำที่รุนแรง เขาเลยไม่มาเล่าให้ฟัง เด็กเขาบริสุทธิ์ เขาไม่มาฟ้องหรอก ก็น่าจะเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะต้องเช็กร่างกาย เช็กสภาพจิตใจลูกของเราตลอด
เรื่องกล้องวงจรปิดที่โรงเรียนสำคัญมากเลย ผมว่าต้องมีนะ ดูสิพอเกิดเหตุการณ์อย่างนี้มันกระทบกระเทือนจิตใจ สถานการณ์ไปใหญ่ คิดว่ามันอยู่ที่เราสนิทสนมกับลูกขนาดไหน ถ้าพ่อแม่ที่สนิทสนมกับลูกมากๆ ลูกก็จะเล่าให้ฟังหมด คราวนี้ต้องอยู่ที่พ่อแม่แล้วที่ต้องใช้เวลากับลูกมากๆ ขนาดเราถามลูกว่าที่ห้องเรียนไม่ชอบใครบ้างไหม เขายังไม่เล่าเลย เพราะว่าเด็กเขาไม่รู้แบบเรา เขารู้ว่าคนนี้เป็นเพื่อนเขา บางครั้งก็ดี บางครั้งก็ไม่ดีกับเขา แต่เขาก็ไม่กล้าเล่า ต้องค่อยๆ ตะล่อม ไปถามครูผู้ช่วยที่อยู่ในห้อง
ส่วนตัวผมเช็คตลอด คุยกับลูกทุกคืนว่ามีใครมาต่อยบ้างไหม ถ้ามีให้วิ่งหนีนะ วิ่งไปฟ้องครู ลูกผมมีอะไรวิ่งไปฟ้องครูหมด บอกเขาว่าอย่าไปสู้กลับนะ แต่จะสอนการป้องกันตัวไว้ เช่น ถ้าโดนทำยังไม่ให้กระทบกระเทือนหู หัว หน้าตา ล้มยังไง ต้องล้มให้ถูกต้อง คือจะฝึกเรื่องการป้องกันตัวเองมากกว่า แล้วจะสอนไม่ให้ทำร้ายใครกลับ”