นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนําของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ สำนักงาน ป.ป.ส. ในฐานะหน่วยนโยบายและยุทธศาสตร์ในการบูรณาการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ร่วมกับ 28 หน่วยงานภาคี ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายรัฐบาล ตลอดระยะเวลา 1 ปี ส่งผลให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดมีประสิทธิภาพ และปรากฏผลเป็นที่ประจักษื ดังนี้
ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศเชิงรุก ภายใต้แผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัยเพื่อการควบคุมยาเสพติด 6 ประเทศ ส่งผลให้ทำลายแหล่งผลิตได้ 29 แห่ง ยึดยาบ้า 349.7 ล้านเม็ด ไอซ์ 18.5 ตัน เฮโรอีน 2.2 ตัน และยึดสารตั้งต้น 15.5 ตัน สามารถหยุดการผลิตยาบ้าได้มากถึง 12,375 ล้านเม็ด หรือ ไอซ์ 262.2 ตัน หรือ เฮโรอีน 198 กก. กาเฟอีน 10.9 ตัน และเคมีภัณฑ์ 1,046.3 ตัน
ด้านการปราบปรามยาเสพติดและบังคับใช้กฎหมาย สามารถจับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศได้ 396,495 คดี ผู้ต้องหา 412,779 คน ของกลางยาบ้า 337.82 ล้านเม็ด ไอซ์ 26.17 ตัน ขยายผลใช้มาตรการสมคบ 4,026 ราย และตรวจสอบทรัพย์สิน 2,055 ราย ยึดและอายัดทรัพย์สินมูลค่า 2,107.75 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน สามารถดำเนินการตามข้อร้องเรียนได้ 16,308 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 83.20 รวมถึงดำเนินการลดปัญหายาเสพติดในพื้นที่รุนแรง จำนวน 23,140 หมู่บ้าน/ชุมชน ดำเนินการแล้ว 21,963 หมู่บ้าน/ชุมชน คิดเป็นร้อยละ 94.9
ด้านการป้องกันยาเสพติด โดยสร้างการรับรู้และเพิ่มภูมิคุ้มกันในกลุ่มประชากรทั่วไป 47.8 ล้านราย จากเป้าหมาย 33.5 ล้านราย และสร้างภูมิคุ้มกันในกลุ่มวัยเสี่ยงสูง 15-24 ปี โดยความร่วมมือจากหน่วยงานภาคี ดำเนินการได้ 4.78 ล้านราย จากเป้าหมาย 4.85 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 98.64 นอกจากนี้สามารถสร้างพื้นที่ปลอดภัย โดยการดูแลช่วยเหลือกลุ่มเสี่ยง เพิ่มปัจจัยบวกและควบคุมปัจจัยเสี่ยงครอบคลุม 5,116 ตำบล/48 เขต คิดเป็นร้อยละ 70.69 จากเป้าหมายร้อยละ 50 ของ 7,255 ตำบล/50 เขต ทั่วประเทศ
ด้านการบำบัดรักษายาเสพติด นำผู้เสพ/ผู้ติดเข้าบัดรักษาในทุกระบบ 199,175 รายให้บริการเพื่อลดอันตรายจากยาเสพติด 38,364 ราย ติดตามดูแลผู้ผ่านการบำบัด 208,801 ราย และให้ความช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัด 3,475 ราย และสามารถดูแลผู้เสพยาเสพติดที่เข้ารับการบำบัดไม่ให้กลับไปเสพซ้ำ ภายใน 3 เดือน หลังสิ้นสุดการบำบัด ได้ถึงร้อยละ 97.67
ด้านการขับเคลื่อนนโยบายพืชเสพติด โดยพัฒนาพืชกระท่อมให้เป็นพืชเศรษฐกิจ เปิดโอกาสให้ศึกษาวิจัยเพื่อใช้ทางการแพทย์และใช้ตามวิถีชาวบ้านกำหนดพื้นที่นำร่องแล้ว135 หมู่บ้าน/ชุมชน ใน 10 จังหวัด ด้านนโยบาย กัญชงปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งขณะนี้เปิดโอกาสให้ใช้ตามวิถีชาวบ้านมีพื้นที่ขออนุญาตปลูกแล้ว 601 ไร่ ใน 4จังหวัด และสำหรับกัญชาเน้นพัฒนาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์การวิจัย เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ป่วย
ด้านการแก้ไขปัญหาในพื้นที่เฉพาะ ได้แก่ 1) การแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือแบบเบ็ดเสร็จเน้นแก้ไขเชิงโครงสร้างในพื้นที่เป้าหมาย เพื่อแก้ไขปัญหาในทุกมิติดำเนินการแล้ว 43 แห่ง จากเป้าหมาย 47 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 91.5 2) การสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง เน้นสกัดกั้นจากพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและพื้นที่ชายแดนเข้าสู่พื้นที่ตอนใน และสร้างความเข้มแข็งหมู่บ้านตามแนวชายแดนดำเนินการครบทั้ง 40 หมู่บ้านชายแดน 55 หมู่บ้านรอบด่าน คิดเป็นร้อยละ 100 และ 3) เสริมสร้างหมู่บ้าน/ชุมชนเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยใน 5,995 หมู่บ้าน/ชุมชน
นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเพิ่มเติมว่า ความสำเร็จของการแก้ไขปัญหายาเสพติดนั้น ประชาชนในพื้นที่ถือเป็นกำลังสำคัญยิ่ง รัฐบาลยังคงเน้นเรื่องการมีส่วนร่วม โดยบูรณาการทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อลดความเดือดร้อนและผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเพื่อให้สังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติดอย่างยั่งยืน
_____________________________
ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย “สมัครใจบำบัด ไม่เสียประวัติ ไม่มีความผิด”
แจ้งเบาะแสยาเสพติด สายด่วน ป.ป.ส. โทร.1386
SAVE ZONE, NO NEW FACE พื้นที่ปลอดภัย ไม่มีคนหน้าใหม่ เพราะคนรุ่นใหม่ ไม่ใช้ยาเสพติด