“หญิง-ตุลย์” แฮปปี้ ครบรอบ 3 ปี รักหวานเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหาฤกษ์แต่งงาน ไม่ต้องคุกเข่าเซอร์ไพรส์ แค่มีครอบครัวอยู่ด้วยก็อบอุ่นแล้ว ผู้ใหญ่ไฟเขียว รับรู้แล้วทั้งสองฝ่าย พร้อมเลื่อนสถานะเป็นคู่ชีวิต หัดทำอาหาร ทำงานบ้าน เป็นแม่ศรีเรือน ตุลย์พร้อมช่วยทำงานบ้าน ซักผ้าให้ เรื่องทายาทยังไม่มี แพลนฝากไข่เอาไว้ก่อน
ไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อยกันอีกต่อไปแล้วจ้า เพราะในที่สุด คู่รักนักวิ่ง “หญิง รฐา โพธิ์งาม” และ “ตุลย์ ตุลยเทพ เอื้อวิทยา” ก็ตกลงปลงใจหาฤกษ์วิวาห์เรียบร้อยแล้ว หลังจากเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา ทั้งคู่ได้บอกกล่าวเรื่องนี้กับทางผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายให้ได้รับรู้ วันนี้ได้มีโอกาสเจอตัวว่าที่บ่าวสาว ในงานแถลงข่าว “กระบี่ฮาล์ฟมาราธอน 2020” ณ ห้องบอลลูม ชั้น 3 โรงแรมเดอะ แกรนด์ โฟร์วิงส์ คอนเวนชั่น ก็เลยขออัปเดตถึงเรื่องนี้สักหน่อยว่าเดินหน้าเตรียมงานไปถึงไหนแล้ว ครบรอบ 3 ปี มีโมเมนต์อะไรพิเศษๆ ให้กันบ้างหรือเปล่า
ตุลย์ : “ครบรอบ 3 ปีแล้ว ก็ดีครับ ราบรื่น ไม่มีทะเลาะกันเลยครับ เป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น เสมอต้นเสมอปลาย”
หญิง : “เป็นคู่ที่เหมือนเป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนกันไปแล้ว คือ ไม่ได้เป็นมุมที่แบบ ถ้าเป็นแฟนก็คงมีลักษณะของความหึงหวงกัน แต่อันนี้เราอยู่ในจุดที่มันก็มีจังหวะช่วงแรกๆ ที่มีหึงหวงกัน แต่มันผ่านจุดนั้นมาแล้ว ผ่านมาในจุดของความเข้าใจซึ่งกันและแล้ว ตอนนี้ก็เหมือนเราอยู่กันไปแบบประคับประคอง แล้วก็ทำความเข้าใจกันไปทุกวัน ไม่ได้หวือหวาอะไร เป็นคู่ที่รู้สึกว่าไปได้เรื่อยๆ ผ่านมา 3 ปีแล้ว เราอายุมากแล้ว (หัวเราะ) อะไรๆ ก็เร็วไปหมดแล้วค่ะ”
เรื่องการแต่งงาน ได้บอกให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หญิง : “ให้พี่ตุลย์พูดค่ะ (หัวเราะ)”
ตุลย์ : “ก็มีคุยกันครับ แต่ยังไม่มีฤกษ์ เพียงแต่ว่าจากที่ผมให้สัมภาษณ์ไปคราวที่แล้ว คือ บอกจะให้ผู้ใหญ่คุยกัน ก็มีที่ไปทานข้าวด้วยกัน คุณพ่อคุณแม่ผมไปเจอคุณแม่น้อย ตอนวันแม่ แล้วก็มีแจ้งทางคุณพ่อคุณแม่ทั้งสองฝ่ายครับ ว่าเรามีความคิดนะ ว่าอยากจะมีพิธีการอะไรกันในอนาคต แต่ว่ายังไม่ได้บอกวัน ยังไม่ได้กำหนดอะไรเลย แต่ก็คือเรียกว่าผู้ใหญ่รับรู้แล้วครับ”
ส่วนเรื่องฤกษ์จะจัดการกันเอง ไม่เป็นธุระผู้ใหญ่ แพลนไว้น่าจะเป็นปีหน้า เพราะอยากให้เพื่อนๆ มาครบ เลยต้องดูสถานการณ์โควิด ให้ปลอดภัยก่อน
ตุลย์ : “เรื่องฤกษ์ เราน่าจะจัดการกัน”
หญิง : “ใครมีพระที่เลื่อมใส ก็ลองเอามาได้ค่ะ แต่ว่าตอนนี้หลักๆ เลย สำหรับตัวหญิงเอง หญิงรู้สึกว่าอย่างเพื่อนที่เราสนิทมาก อย่าง เจนนี่ (เจนนิเฟอร์ โปลิตานนท์) ก็อยากให้เขาอยู่ในงานด้วย ก็ต้องดูในเรื่องของโควิด-19 ด้วย ว่าที่สุดแล้วจะบินกันมาได้เมื่อไหร่ ก็ต้องดูความปลอดภัย เพราะเจนและลูก 3 คน มีเพิ่งคลอดคนหนึ่งด้วย มันเป็นองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ก็แพลนว่าอาจจะเป็นปีหน้า แต่จะเป็นช่วงไหนต้องลองดู”
ตุลย์ : “ถามว่าพร้อมไหม ผมว่าการแต่งงานมันเป็นอะไร จุดเริ่มต้นเหรอ”
หญิง : “จุดจบ (หัวเราะ) จุดเริ่มต้นๆ อินละครๆ”
ตุลย์ : “มันต้องค่อยๆ ปรับ แล้วก็เปลี่ยนกันไป ถามว่ามีใครพร้อมจะแต่งงานไหม ผมว่าคงไม่มีใครตอบได้ว่าพร้อมแล้วล่ะ”
จะมีซีนเซอร์ไพรส์ไหมต้องรอลุ้นกัน ส่วนหญิงอยากได้แบบบรรยากาศอบอุ่น มีครอบครัวพร้อมหน้ามากกว่า เพราะเลยวัยอยากโดนคุกเข่าขอแต่งงานแล้ว
ตุลย์ : “เก็บไว้เซอร์ไพรส์ครับ”
หญิง : “ที่เซอร์ไพรส์ คือ ไม่มีเซอร์ไพรส์ (หัวเราะ) ถามว่าแต่งหน้ารอไหม ก็แต่งหน้าทุกวันเลย (หัวเราะ) ไม่รู้มันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ไม่ๆ แต่ว่าด้วยนิสัยพี่ตุลย์ เขาไม่ใช่คนที่แบบว่า โอ้โห เตรียมจัดการเพื่ออะไรขนาดนั้น เขาเป็นผู้ชายมากๆ แล้วก็เป็นนักกีฬา เขาอาจจะไปวิ่งสักร้อยกิโล แล้วกลับมาทรุดเข่าขอพอดีเลย แบบนั้นอาจจะเป็นไปได้”
ตุลย์ : “ทรุดแล้วก็เอาแหวนจากมือพี่ (หัวเราะ)”
หญิง : “จริงๆ ถ้าถามหญิงนะ ด้วยความที่เราก็อายุเท่านี้แล้ว คือ เราคิดว่าให้เป็นความอบอุ่นของครอบครัว น่าจะรู้สึกเติมเต็มสำหรับหญิงมากกว่า เพราะว่าตัวหญิงเอง ก็อยู่กับคุณแม่มาตลอด อาจจะเป็นภาพที่อยู่ด้วยกันทั้งครอบครัว ทั้งครอบครัวพี่เขากับเรา หญิงว่าแบบนั้นอบอุ่นกว่า ไอ้ประเภทคุกเข่า ถ้าตอนอายุ 20 ปลายๆ ก็คิด แต่ตอนนี้ 30 ปลายๆ แล้ว ไม่ต้องคิดเยอะค่ะ”
แสดงว่าปีหน้าแต่งชัวร์
หญิง : “ถามพี่ตุลย์ (หัวเราะ)”
ตุลย์ : “ก็คิดว่าครับ น่าจะ เพราะปีหน้าเราก็ยาวอยู่ อาจจะเป็นธันวาคมก็ได้ (ยิ้ม)”
วันนี้ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา สองครอบครัวได้ไปเจอกัน อะไรๆ ก็เป็นรูปธรรมมากขึ้น
หญิง : “คุณแม่ก็บอกว่า ก็เป็นรูปธรรมมากขึ้น เราพร้อมหรือยัง เป็นแม่บ้านกับเขาเป็นไหม ทำอะไรเป็นบ้างหรือเปล่า เป็นลักษณะนั้นมากกว่า
หญิงทำกับข้าวได้แล้วนะ แต่อุปกรณ์ไฟฟ้าบางทีมันคาดเดาไม่ได้ แต่เราตั้งเตาใส่กระทะ เราทำข้าวหน้าเนื้ออร่อย เป็นเมนูแรกและเมนูเดียว (หัวเราะ)”
ตุลย์ : “ถามว่ากินได้ไหม ถ้าข้าวหน้าเนื้อโอเคครับ มันเกือบสำเร็จรูปแล้ว มาถึงฉีกกล่องอุ่นใส่ซอส”
หญิง : “ไม่ใช่ ผสมซอสเองนะ จริงๆ พี่ตุลย์จะทำกับข้าวเยอะกว่า”
เรื่องการทำงานบ้านก็จัดเต็ม ไม่มีตกหล่น
หญิง : “ทำได้ พับผ้าได้ จัดกระเป๋าเก่งด้วย”
ตุลย์ : “ถามว่าเห็นแววแม่ศรีเรือนในตัวเขาไหม ก็คงมีแหละครับ เขาก็มีความตั้งใจในการทำกับข้าวนะ เอาจริงๆ ไม่ได้ต้องการความเป็นแม่ศรีเรือนในตัวเขาเท่าไหร่ เพราะตัวเราเองตอนอยู่อเมริกาก็ทำอะไรเองหมดเลย นี่คงจะช่วยทำให้เขาด้วยซ้ำ หุงข้าว ซักผ้าให้”
หญิง : “แต่เราพับผ้าได้”
ตุลย์ : “พี่ซัก เราพับ”
หญิง : “คือเรามีข้อแม้กันว่า ถ้าใครทำกับข้าว อีกคนจะล้างจาน ถามว่าสแตนบายที่อ่างล้างจานตลอดไหม เนี่ยซื้อน้ำยาล้างจานอะไรไว้หมดแล้ว (หัวเราะ) เดี๋ยวนี้มีเครื่องล้างจานแต่เดี๋ยวมันจะดูไม่เหนื่อยไง เราต้องทำเอง เขาจะได้เห็นใจ”
เรือนหอคงไม่สร้างใหม่แล้ว เพราะมีคอนโด และมีบ้านกันทั้งสองคน เลยจะสลับไปอยู่ให้ครบทุกที่ วันไหนสะดวกนอนที่ไหน ก็นอนได้หมด
หญิง : “ตอนนี้มีคอนโดอยู่ค่ะ”
ตุลย์ : “แต่ด้วยความที่เราต่างคนต่างมีบ้านใช่ไหมครับ ก็อาจจะสลับกันไปนอนคนละบ้าน และยังมีคอนโดที่ซื้อไว้ด้วยกันอยู่แล้วครับ”
หญิง : “คือคิดว่าถ้าแต่งแล้ว หญิงก็คงไปอยู่บ้านพี่ตุลย์ แต่ด้วยความที่หญิงกับคุณแม่อยู่กัน 2 คน คุณแม่ก็จะมีพี่สาวอีกคนที่เป็นพี่บุญธรรมและลูกสาว ถือว่าเป็นหลานสาว ก็มาอยู่บ้านเดียวกัน บ้านหญิงก็จะมีผู้หญิงอยู่ด้วยกัน 4 คน เลยคิดว่าถ้า จันทร์-ศุกร์ ก็จะไปอยู้บ้านพี่ตุลย์ ส่วน ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ก็จะมาอยู่กับคุณแม่ แต่ถ้าคอนโดเสร็จและด้วยความที่ข้างหลังสามารถวิ่งไปสวนเบญฯ ได้ เลยคิดว่าถ้าวันไหนที่เราอยากจะไปวิ่ง หรือไปออกกำลังกายตอนเช้าก็ค่อยไปนอนที่นั่น หรือถ้าวันไหนที่หญิงทำงานในเมืองและรถติดมากก็ค่อยไปนอนคอนโด”
ตุลย์ : “วันไหนทะเลาะก็ค่อยแยกไปนอน (หัวเราะ)”
ถึงแม้กำลังจะก้าวสเต็ปจากคำว่าแฟน มาเป็นคู่ชีวิต แต่ก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรแตกต่างกัน เพราะไม่ว่าจะสถานะไหน ความเข้าใจคือสิ่งสำคัญที่สุด
หญิง : “หญิงไม่รู้เลย หญิงรู้สึกว่าคงไม่ต่างมั้ง คือ คนเราอยู่ด้วยความเข้าใจค่ะ ถึงสเตตัสมันจะเปลี่ยนจากแฟนเป็นสามีภรรยายังไง แต่หญิงเชื่อว่าที่สุดแล้วความเข้าใจของคนสองคนมันสำคัญที่สุด หญิงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรืออะไร ในมุมของเราที่เป็นผู้หญิงอ่ะเนอะ ก็จะพยายามทำตัวเป็นแม่ศรีเรือนที่ดี จะพยายามเพราะไม่เคยมีพาร์ตนี้ในชีวิตมาก่อนเลย แต่ว่าจะพยายามค่ะ”
ตุลย์ : “เรียกว่าอยู่ดูแลด้วยกันดีกว่า ช่วยๆ กัน ผมว่ายุคนี้ไม่ใช่ยุคที่ผู้หญิงต้องอยู่บ้านทำกับข้าวอะไรแล้ว ถ้าใครทำอะไรก็ช่วยกันดีกว่าครับ”
เรื่องมีลูกยังไม่ได้คิด แต่แพลนไว้ว่าอาจจะไปฝากไข่ไว้ก่อน
หญิง : “ยังไม่ได้คิดค่ะ แต่แม่น้อยอยากให้หญิงฝากไข่ไว้ก่อน ก็อาจจะมีฝากไข่ไว้ก่อน ด้วยเราสองคนไม่ได้มีความเชื่อเรื่องบุตรอะไรขนาดนั้น ไม่เชิงไม่มีความเชื่อ แต่เรายังเอ็นจอยกับชีวิตแบบนี้ และด้วยเศรษฐกิจ สังคม และอะไรหลายๆ อย่างที่มันเกิดขึ้นในโลกใบนี้ จึงไม่ได้คิดถึงขั้นสเต็ปจะมีลูกค่ะ”