นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์เชิงนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพราะสถานการณ์โควิด-19 นั้นและจากการลงพื้นที่จังหวัดลำพูนและภาคเหนือหลายจังหวัดเพื่อรับฟังปัญหาและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเกษตรกรชาวสวนลำไยตั้งแต่ต้นฤดูกาลแล้วสั่งการทางนโยบายอย่างใกล้ชิด จึงขอรายงานสรุปผลการดำเนินกิจกรรมจับคู่ธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์สินค้าลำใหญ่และผลิตภัณฑ์จากลำไยด้วยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกระทรวงพาณิชย์จัดขึ้น มีมูลค่าซื้อขายโดยคาดการณ์ภายในหนึ่งปีหลังเดือน ก.ค.2563 เป็นมูลค่ากว่า 5,152 ล้านบาทแบ่งเป็นลำไยสดกว่า 70,000 ตันมูลค่า 4,300 ล้านบาท ลำไยอบแห้ง 820 ตู้คอนเทนเนอร์เป็นมูลค่ากว่า 765 ล้านบาท โดยมีตลาดส่งออกสำคัญคือตลาดจีนร้อยละ 85 ที่เหลือเป็นตลาดเวียดนาม ซึ่งก็เป็นผู้ประกอบการส่งออกไปจีน และอื่นๆ
สำหรับการจับคู่ธุรกิจออนไลน์สินค้าลำใหญ่และผลิตภัณฑ์จากลำไยดำเนินการเมื่อกลางเดือนกรกฎาคม 2563 ผ่านไปนั้นเป็นตัวอย่างหนึ่งของทุกผลิตภัณฑ์และสินค้าเกษตรที่กระทรวงพาณิชย์ต้องปรับตัวตามยุทธศาสตร์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปีนี้มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วม 27 รายจาก9จังหวัด ทั้งลำพูน เชียงใหม่เชียงราย พะเยา น่าน ลำปาง พิจิตร ปทุมธานีและกรุงเทพ โดยจัดเจรจาจากการค้ากับผู้นำเข้าจำนวน 63 รายจาก 8 ประเทศ ทั้งจีน ฮ่องกง อินเดีย บังกลาเทศ สิงคโปร์สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรนและฝรั่งเศส รวมทั้งสิ้น 289 คู่เจรจาการค้า
"สิ่งที่จะต้องปรับปรุงเนื่องจากยังพบว่าผู้ประกอบการในภูมิภาคบางรายยังขาดทักษะในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศและบางรายยังขาดการตรงต่อเวลาซึ่งอาจสร้างภาพลักษณ์เชิงลบต่อผู้ซื้อในต่างประเทศได้ ทราบแล้วทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จึงมอบให้สำนักปลัดกระทรวงพาณิชย์และกรมการค้าระหว่างประเทศ ได้ให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่เตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ก่อนการเข้าร่วมเจรจาการค้าที่จะมีขึ้นในอนาคตอีกหลายรายการสินค้าและนายจุรินทร์ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจัดจับคู่ธุรกิจผ่านทางออนไลน์อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งล่าสุดให้เตรียมจัดจับคู่ธุรกิจสินค้ายางพาราและผลิตภัณฑ์ยางพารา ไปทั่วโลก ด้วย" นางมัลลิกา กล่าว
