“ณวัฒน์” รับปีนี้นางงามแนะนำตัวไม่พีกเพราะกลัวกระแสดรามา หลังนางงามนครนายกแนะนำตัวพร้อมชู 3 นิ้ว ลั่นเป็นเวทีนางงามที่ให้เสรีทางความคิดแต่ก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวการเมือง ปิดโอกาสร่วมเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ บอกช่วยกันทำงานดีกว่า มีอะไรก็ช่วยเตือน โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด
ถือเป็นเอกลักษณ์ประจำเวที “มิสแกรนด์ ไทยแลนด์” เลยก็ว่าได้ สำหรับการแนะนำตัวของสาวงามตัวแทนแต่ละจังหวัด ซึ่งในปีนี้หลายคนตั้งตารอคอยชมเหมือนเช่นทุกปี แต่เนื่องจากเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเข้ากองฯวันแรก ได้มีมิสแกรนด์ นครนายก “แสตมป์ ลลิตา สิงห์สกุล” ขึ้นเวทีแนะนำตัว พร้อมชู 3 นิ้ว จึงเกิดเป็นกระแสดรามาในเหล่าแฟนนางงาม ซึ่ง “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ผู้อำนวยการกองประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ ยอมรับทำให้มีผลกับการแนะนำเปิดตัวนางงาม ที่นางงามมาแบบเบาๆ ไม่พีกเหมือนทุกปี
“น้องๆ ก็คงจะเกรงใจเพราะคราวที่แล้วแนะนำตัวกันเล่นๆ ก็โดนกระแสนิดๆ หน่อยๆ โดยเฉพาะจะวกไปการเมือง น้องก็เลยรู้สึกระวังตัวกันมากขึ้น ก็ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวจะคุยกัน เพราะเราไม่เคยกำหนดให้ใคร แล้วแต่น้องจะแนะนำตัวกันเลย น้องอาจจะรู้สึกกลัวอะไรบางอย่างรึเปล่า ก็ไม่แน่ใจ
มันก็มีกระแสอยู่ อย่างนครนายก ก็มีกระแสพวกนี้อยู่ เราก็คุยกัน อย่างที่บอกผมไม่ได้มีข้อกำหนดว่าต้องพูด หรือไม่ต้องพูด เพียงแต่ว่าน้องเขาอ่านฟีดแบ็กกัน ก็มีความรู้สึกว่า ก็อย่าประมาทมากอย่าพลาด แต่จริงๆ แล้วทุกคนมีสิทธิ์จะพูดนะครับ”
ลั่นเป็นเวทีนางงามที่เสรีสามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่ก็ไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง
“ไม่คุยก็ไม่เป็นไรครับ ผมบอกแล้วแล้วแต่น้องครับ เวทีผมเป็นเวทีที่ค่อนข้างจะเปิด ฟีดแบ็กมันก็มีทั้ง 2 ด้าน มีทั้งถล่ม มีทั้งชอบ แต่เราก็ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งขณะการประกวดเยอะเกินไปมันจะทำให้เสียสติ จะทำให้ถูกกล่าวถึง ถูกพูดถึงโดยไม่เป็นเรื่อง
ก็เป็นธรรมชาติครับ อย่าวกไปการเมืองเลยครับ คนชอบก็ชอบ คนไม่ชอบก็ด่ากันเป็นเรื่องปกติ น้องเขาก็ขำๆ ตัวผมเฉยๆ ผมไม่ได้ซีเรียสอะไรมากมาย แล้วแต่ เวทีเราค่อนข้างจะปล่อยเสรีทางความคิดอยู่แล้ว แต่วันนี้ยอมรับว่าเงียบไปนิดนึงสำหรับการประกาศชื่อจังหวัดตัวเอง ก็เดี๋ยวรอรอบต่อไปแล้วกันครับ เดี๋ยวคงจะได้เห็นอะไรดีๆ”
โวปีนี้ผู้เข้าประกวดหลากหลายกว่าทุกปีที่ผ่านมา
“ปีนี้ผมว่าเป็นอะไรที่หลากหลายกว่าปีก่อนๆ เช่น มีคนสวยเป็นดาราเยอะ มีผิวคล้ำ มีผิวสีที่เหมือนคนต่างชาติก็เยอะ เป็นคนสวยแบบนางงามองค์ลงก็มี ฉะนั้นปีนี้เราจะต้องเลือกให้ดีว่าปีนี้เราจะต้องอยู่กับใครและสามารถสร้างมูลค่ากันได้ ซึ่งก่อนจะเลือกว่าใคร ต้องเลือกประเภทก่อน ซึ่งหนักใจ ถ้าเราชอบแบบสวยโหด ก็ต้องทิ้งสวยหวาน เราชอบสวยแบบนางงาม แล้วเราทิ้งนางแบบ แล้วถ้าเราชอบนางแบบเราก็ต้องทิ้งนางงาม ก็ไม่รู้จะทิ้งใคร เอาไว้อีกซักพักก่อน เอานิสัย เอาความสามารถเป็นที่ตั้งครับ”
แย้มสาวงามที่สวยพอประมาณ มีคุณค่า ทำงานได้ตอบโจทย์เวทีตนที่สุด ย้ำไม่มีล็อกมง
“ต้องเป็นคนทำงานได้ มีสมองดี สัมภาษณ์สื่อ ออกงานได้ สามารถที่จะเป็นนักแสดง พิธีกร ถ้าดูใครไม่ออกก็ดูอย่างแพม (เปรมิกา ปาสิเนตตี้) ก็ได้ครับ คือต้องสวยครบ แล้วไปได้เรื่อยๆ
เรามีการเก็บคะแนนกันตั้งแต่ตอนเก็บตัว เราอยู่กัน 23 วัน ทำไมเราต้องลงทุนเยอะขนาดนี้ เพราะเราต้องการรู้จักเขาจริงๆ ที่ได้มา ไม่เคยผิดหวัง ทุกคนทำงานอยู่กับเรา มีความสามารถตลอดเวลา ใครที่เข้าข่ายแบบนี้ ได้มงกุฎโดยเฉพาะมงกุฎใหญ่สุด เป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้ว เราไม่มีเส้น ไม่มีล็อก เราไม่ได้ชอบนางง๊ามนางงาม เราชอบคนที่สวยพอประมาณและมีคุณค่า สามารถทำงานได้”
ลั่นมงกุฎสำหรับปีนี้มูลค่า 1.2 ล้านบาท และของรางวัลอื่นๆ อีกเพียบ
“เป็นไปตามปี เป็นสีประจำปี ทุกอย่างก็เรียบร้อย เสร็จสิ้น มงกุฎผู้ชนะก็แค่ 1.2 ล้านมีพลอยแท้เม็ดกลาง ทุกอันจะมีของแท้หนึ่งอันสามารถไปเอกซ์เรย์ได้ เอาไปให้ร้านจิวเวลรี่ดูได้ เพราะเราต้องการให้ไว้เป็นที่ระลึก ส่วนที่เหลือมันไม่ใช่ของแท้ เราก็พูดตรงไปตรงมา มันจะเป็นคริสตัล เป็นเพชรเลียนแบบเพชรเทียมอันกลางช่อเดียว ทุกอันจะเป็นของแท้หมด เราก็จะมีแบบใหม่ทุกปี รางวัลก็ยังเหมือนเดิม มีบ้าน มีรถ 5 คัน มีเงินเท่าเดิม ยังมีตำแหน่งเป็นนักแสดงเหมือนเดิม เราพยายามทำให้ไม่ต่ำกว่าเดิม ก็ถือว่าเต็มที่นะครับสำหรับปีโควิด-19 เราก็ได้สปอนเซอร์มาช่วยค่อนข้างจะดี”
เผยวันนี้ “ณะ ณรงค์ เลิศกิตศิริ - ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก” เจ้าของลิขสิทธิ์มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์มาร่วมงานเพราะสนิทกัน ยันสองเวทีนี้ไม่มีดรามาเพราะช่วยกันทำงาน
“สนิทกันครับ มาทุกงาน เขาก็ชวนอยู่แต่เรามีเก็บตัวแล้วก็โชว์สำคัญด้วย เขาบอกจะให้ไปช่วยสัมภาษณ์ ผมก็ไม่แน่ใจว่ารอบอะไร ก็ช่วยๆ กัน จากนี้ต่อไปทั้งสองเวทีก็เป็นมิตรกันอยู่แล้ว เราเคยไปมาหาสู่กัน แต่ไม่มีใครรู้ ฉะนั้นดรามาระหว่างสองเวทีนี้ไม่มี สบายใจได้ ไปดรามาเวทีอื่น
สองเวทีนี้ไม่มีดรามายกเว้นแฟนนางงามจะตั้งกระทู้ดรามากันเอง อันนี้ผมก็ช่วยไม่ได้ แต่เจ้าของเวทีไม่มีปัญหากัน ตั้งกระทู้ยังไงก็ไม่มีผลเพราะสองเวทีนี้คุยกันทุกเรื่องครับ”
ปิดโอกาสร่วมเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ บอกช่วยกันทำงานดีกว่าตามประสาเพื่อนช่วยเพื่อน ช่วยเตือนเรื่องยาเสพติด สิ่งล่อแหลมผิดกฎหมาย
“ไม่หรอกครับ ช่วยเพื่อนดีกว่า เราก็สบายอกสบายใจด้วย ถ้าเราอยู่ข้างหลังแล้วเราสามารถจะบอกได้ว่าคนนี้เป็นยังไง คนนั้นเป็นยังไง ให้ระวังคนนี้เพราะเหตุผลอะไร เราบอกได้เพราะว่าเราผ่านมาเยอะ ทุกคนมีประวัติหมดแหละ ฉะนั้นก็ค่อนข้างจะขีดเส้นใต้หนักๆ ว่าอะไรบ้างที่ต้องระวัง เช่น พวกเรื่องยาเสพติด เรื่องอะไรที่มันล่อแหลม ผิดกฎหมายเราต้องคอยเตือนกัน เพราะเราอยู่ด้วยกันเหมือนเป็นคนสนิทกันแล้ว
อย่าไปเรียกว่าผมเป็นที่ปรึกษาให้เขา เรียกว่าคุยไปเรื่อยเปื่อย มีอะไรก็แลกเปลี่ยนความเห็นกัน น้องๆ ที่จะไปประกวดเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร หมดสัญญาก็ไปได้ไม่ว่ากัน”