ผ่านพ้นไปเรียบร้อย สำหรับงาน "Thai Feaw By Kanchanaburi" ซึ่งได้ (ททท.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นผู้สนับสนุนการจัดงานร่วมกับ จังหวัดกาญจนบุรี โดยภายในงานเต็มไปด้วยการแต่งชุดไทยแบบเฟี้ยวๆ หนุนสร้างรายได้สู่ชุมชนทั่วประเทศ พลิกฟื้นเศรษฐกิจฐานรากหลังภัยโควิด-19 ให้กลับมาแข็งแกร่ง ณ ลานตะคร้ำเอน ตำบลท่าเรือ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันก่อน
โดยภายในงานทั้ง 3 วันได้รับผลตอบรับจากการจัดกิจกรรมในรูปแบบของการมีส่วนร่วมในชุมชนวิถีชีวิตท้องถิ่นแบบไทย ที่มีความน่าสนใจ โดดเด่น ดึงดูดให้แก่นักท่องเที่ยวเข้าร่วมงาน สร้างการรับรู้ถึงกิจกรรมและส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรีในด้านต่างๆภายในบรรยากาศตลาดนัดฟินมาเก็ต ให้ทุกท่านได้ถ่ายรูปเช็คอินเก๋ๆ กันมากมายหลากหลายร้านค้า นอกจากนี้ภายในงานยังมีร้านอาหารอร่อยรสเด็ดที่ยกรวบรวมมาให้ได้เลือกชิมกันตามใจชอบ
และขาดไม่ได้กับอาหารท้องถิ่นเจ้าดังเจ้าอร่อยอีกมากมาย รวมกว่า 100 ร้านค้า ซึ่งได้รับการตอบรับจากคนในพื้นที่ คนในจังหวัดกาญจนบุรี และคนในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงเป็นอย่างดี ทำให้ร้านค้าต่างๆปลื้มกับยอดขาย หนุนสร้างรายได้สู่ชุมชนทั่วประเทศ พลิกฟื้นเศรษฐกิจฐานรากหลังภัยโควิด-19 ให้กลับมาแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน โดยในแต่ละวันมีกิจกรรมแตกต่างกันออกไป
ในวันแรกมีโชว์จาก “ยศวัฒน์ มาไพศาลสิน” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาญจนบุรี และเชฟ “บอส พัฒนพงษ์ วงศ์วรรณ” คิดและปรุงเมนู “มัจฉาท่าเรือ (ปลาคังอบวุ้นเส้น)” เมนูใหม่ประจำจังหวัดกาญจนบุรี โดยจะมอบสูตรเมนู มัจฉาท่าเรือ (ปลาคังอบวุ้นเส้น) ให้เป็นอาหารทางเลือกประจำจังหวัดกาญจนบุรี
ส่วนวันที่ 2 เป็นวันพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการของงาน "Thai Feaw By Kanchanaburi" ณ ลานตะคร้ำเอน ตำบลท่าเรือ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ที่เราเรียกว่าเป็นการเติมเชื้อไฟเติมพลังไทยเฟี้ยว เพราะเตาไฟคือหัวใจสำคัญในการปรุงอาหารไทยที่ดำรงอยู่มาอย่างช้านาน โดยมี “นภินทร ศรีสรรพางค์” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มาร่วมเป็นประธานในพิธีเปิด และมีโชว์การแสดงวงดนตรี การแสดงพื้นบ้าน ที่พิเศษสุดๆ รับชมการแสดงมินิคอนเสิร์ตจาก “เอ๊ะ จิรากร”
วันสุดท้ายมีกิจกรรมพิเศษสำหรับผู้ที่เข้าร่วมงานให้ได้สนุกได้มีส่วนร่วมในการแข่งขันการกินอาหาร “แข่งกินชิ้นดุ” เพื่อชิงรางวัลชนะเลิศที่จะได้รับโล่รางวัล และ Gift Voucher ห้องพักหรูที่ The Scenery Vintage Farm มูลค่า 6,500 บาท และเงินสดมูลค่า 1,000 บาท และรางวัลรองชนะเลิศ 1 ท่าน จะได้รับเงินสดมูลค่า 1,000 บาท
อีกทั้งยังมีการประกวดประกวด “เต้นบาสะโลบ รุ่นใหม่ ปะทะ รุ่นใหญ่” ทั้ง 4 ทีม เพื่อชิงรางวัลชนะเลิศจะได้รับเงินสดมูลค่า 10,000 บาท และรางวัลรองชนะเลิศจะได้รับเงินสดมูลค่า 3,000 บาท รางวัลอันดับ 3 จะได้รับเงินสดมูลค่า 1,000 บาท ได้รับชมและรับฟังการแสดงดนตรีสดที่มาขับกล่อมผู้เข้าร่วมงาน
และที่พิเศษไปกว่านั่นยังได้รับชมมินิคอนเสิร์ตจาก “ผิงผิง สรวีย์ ธนพูนหิรัญ” หรือ “ผิงผิง Golden Song” ทำให้ทั้ง 3 วันมีผู้สนใจเข้าร่วมงาน และมีการตอบรับที่ดีตลอดงาน พร้อมทั้งให้ความร่วมมือในการเว้นระยะห่าง และสวมหน้ากากอนามัยตลอดทั้งงานเป็นอย่างดี