จาก “สาวหล่อ” กลายมาเป็น “สาวสวย” คว้ามงกุฎมิสแกรนด์สุพรรณบุรี 2020 อย่างสาว “สุปรางค์ กัญญณรัชต์ หมุนลี” จากการประกวดที่ผ่านมา ณ อุทยานมังกรสวรรค์ โดย “คุณศรันย์กฤตย์ ณัฏฐ์วรมงคล” ผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์สุพรรณบุรี จัดงานขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการ โดยภายในงานมี “ท่านรองภูสิต สมจิตต์” (รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี) ได้ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานในครั้งนี้ด้วย
ซึ่งงานนี้จาก “ทอม” ต้องเปลี่ยนตัวเองมาเป็นสาวสวยเพราะที่บ้านยอมรับไม่ได้ เป็นความกดดันจนต้องยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทั้งยังเป็นแรงผลักดันที่ก้าวเข้าสู่เวทีนางงามได้อย่างดี จนหลายคนยกให้เป็นหมอเจี๊ยบคนที่ 2 ของวงการนางงาม
เมื่อก่อนเป็นสาวหล่อ?
สุปรางค์ : ตอนเด็กเราเป็นคนที่แก่นๆ จนขึ้นมัธยมเราตัดผมสั้นจริงๆเพราะตอนเด็กเราเรียนเอกชน เรารู้สึกว่าเวลาเจอผู้หญิงเราชอบมอง เราก็ไม่รู้ตัวว่าเราชอบผู้หญิงหรอ จนมีผู้หญิงเข้ามาชอบเรา เวลาเราคุยกับผู้หญิงเรารู้สึกมีความสุช สบายใจ อบอุ่น มันคงเป็นความเข้าใจของผู้หญิงกับผู้หญิงด้วยกันส่วนนึง จะบอกว่าเราเป็นทอมมันก็ไม่ 100 เปอร์เซนต์ด้วยความลุคเราเป็นผู้หญิงเท่ห์ ตัดผมรองทรงต่ำ เราเป็นนักกีฬา เราไม่ชอบหน้าอกก็รัดหน้าอกจนแบน เรามีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอด จนถึงอายุ 18-19 เข้ามหาลัย
มีปัญหากับที่บ้าน?
สุปรางค์ : มันเริ่มมีมาตั้งแต่ตอน 16 ที่บ้านรับไม่ได้ ร้องไห้ คือพ่อแม่หนูเสียแล้ว ยายเป็นคนเลี้ยงหนูมาด้วยความเป็นคนจีน เค้ารับไม่ได้ ร้องไห้ไม่คุยกับเราเลย แต่เราชอบแบบนี้แล้วเราก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ จนพอม.ปลาย เค้าพูดว่า “ขอร้องได้ไหมกลับมาไว้ผมยาวเหมือนเดิมได้ไหม” เค้าเป็นคนเลี้ยงเรามา เราก็ไม่อยากให้เค้าเสียใจ ก็ตัดสินใจไว้ผมยาว แล้วเค้าก็บอกว่านอกจากไว้ผมยาวแล้วกลับมาเป็นผู้หญิงปกติได้ไหม เอาจริงๆเราอึดอัดมากเพราะเค้ายอมรับในสิ่งที่เราเป็นไม่ได้เลย มันเหมือนเราฝืนตัวเองกับเค้าแล้วฝืนตัวเองกับตัวเราเองด้วย
(ไว้ผมยาวเพื่อให้ที่บ้านสบายใจ?)
สุปรางค์ : ใช่ค่ะ แต่ก็ยังคุยกับผู้หญิงแต่ไม่ได้บอกเค้า พอเราไว้ผมยาวก็มีผู้ชายเข้ามาหาเรา เราเลยคิดว่าในเมื่อเราเป็นผู้หญิงไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเป็นทอมดี้หรือเลสเบี้ยน เราก็เลยกลายเป็น Bisexual ผู้หญิงก็ได้ผู้ชายก็ได้ พอได้คุยกับผู้ชายก็ดีแต่ความรู้สึกเรายังแข็งกระด้างอยู่ เวลาไปเดทกับผู้ชายเราไม่ให้เค้าจับมือเลย น้อยมากกว่าเราจะเปิดใจให้ผู้ชายที่มาชอบเรา
(ที่บ้านไม่เห็นด้วยกับเพศของเรา?)
สุปรางค์ : คุณยายคะ ยกเว้นป้า แม้แต่ประชุมผู้ปกครองยายก็ยังไม่เคยมาเลย เค้าคงอายกับสิ่งที่หนูเป็น ป้ามาประชุมผู้ปกครองแทนตลอด เคยมีพ่อแม่ผู้ปกครองที่มาประชุมพูดกับป้าเราว่าทำไมเด็กคนนี้ตัดผมสั้นแบบนี้ดูไม่น่าเรียนดีเลย ซึ่งเค้านินทากับป้าเราและคนที่เค้าพูดถึงคือเราพอดี ป้าเลยบอกนี่หลานเอง บอกว่าจะแต่งตัวหรือตัดผมยังไงก็ของเรื่องของเค้าแต่การเรียนเค้าไม่เสียหรอก การเรียนเค้าก็ไม่แย่นะแค่ 3.5 เอง ป้าก็บลัฟไป ซึ่งลูกของคนนั้นแค่2 กว่าๆ เราตั้งใจเรียนตลอด เราอยากได้ตัวตนของเรา เราอยากให้ทุกคนยอมรับในสิ่งที่หนูเป็นแบบนี้ แต่พอเราเป็นแบบนี้มันทำให้คนในครอบครัวของเราร้องไห้ เรารู้สึกเหมือนอกตัญญู เพราะในครอบครัวเหลือแค่ยายกับป้า เราเลยยอมเพราะเค้าก็เสียคนสำคัญไปแล้วคือแม่น้องสาวของเค้า เค้าก็เสียใจพอแล้ว
(จากสาวหล่อสู่เวทีนางงาม?)
สุปรางค์ : เอาจริงๆเราไม่คิดจะเข้าวงการนี้เลยด้วยซ้ำ พี่ที่สนิทเค้าเป็น LGBT คนนึงที่ชื่นชอบนางงาม เค้าไม่สามารถประกวดได้ ได้แต่เชียร์คนอื่น สนับสนุนคนอื่น เค้าอยากให้เราลองประกวดดู หนูก็บอกไม่เอาบ่ายเบี่ยงเยอะมาก จนเค้าบอกให้ลองไม่ได้ก็ไม่เป็นไรขำๆ ไปปุ๊ปแล้วเราก็ติดพอดี แล้วพี่เค้าไม่สามารถแต่งหน้าหรือหาอะไรมาซัพพอร์ตเราได้ ตอนนั้นเราต้องทำเองทุกอย่าง ส่งตัวเองแทนทั้งหมด ปะทะกับพวกเดินสาย เราก็เลยดึงซิกเนอเจอร์ของเรา
(ความเป็นผู้หญิงห้าวแต่ไม่ได้แข็งกระด้าง
เวทีแรก?)
สุปรางค์ : ปี 2019 รองอันดับ 1 มิสแกรนด์นครปฐมค่ะ ไม่ได้มีพี่เลี้ยง ถึงเราไม่เคยประกวดมาก่อนแต่ไม่ได้หมายความว่าเราเดินไม่ได้ เราชอบนางแบบตั้งแต่เด็ก แต่เราก็เป็นทอมด้วย อาจดูย้อนแย้ง แต่ความชอบของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เป็นทอมไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ชอบสิ่งที่สวยงามมันก็มีหลายคนที่เป็นทอมด้วยเป็นนางแบบด้วย ซึ่งนางแบบมันไม่ได้จำกัดเพศอยู่แล้ว จนถึงทุกวันนี้เรามีพี่เลี้ยงเป็นนางงามที่มงมาแล้วคือมิสแกรนด์สุพรรณบุรี 2020 ที่หนูชนะส่วนนึงคือยายคะ เค้าบังคับเราอีกเช่นเคย ถ้าไม่ชนะก็กลับบ้าน แล้วจะมีคนมาขอแต่งงานเราก็แบบจะให้ไปแบบนั้นมันไม่ได้ ยายหัวโบราณ ชนบทเลยในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งในจังหวะนั้นคำว่าชนะต้องมาเท่านั้น เราไม่อยากกลับไปแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ เราไม่อยากโดนบังคับ เราโดนบังคับเปลี่ยนเพศแล้ว มันเลยมีความกดดันมาตลอด ถือเป็นแรงกดดันที่คอยผลักดันแบบแรงมาก เราไฟท์เต็มที่ไม่ยอมพลาดเลย
(ตอนนี้นิยามเพศตัวเองคืออะไร?)
สุปรางค์ : สำหรับเราความรักไม่จำกัดเพศ มันอยู่ที่ใจเราจะยอมรับหรือปล่าว เราไม่ปิดบังตัวเองว่าเป็น Bisexual ไม่รู้ว่าคนอื่นจะกลัวเราไหม แต่เราคิดว่าความรักเป็นสิ่งสวยงามไม่จำเป็นต้องจำกัดเพศ คนในสังคมสมัยนี้ยอมรับอยู่แล้ว พวกแต่คนรุ่นเก่าเราอยากให้ยอมรับกับสิ่งที่ลูกหลานเป็นด้วย เพราะความกดดันทุกอย่างมาจากครอบครัวด้วย เพราะถ้าครอบครัวยอมรับมันจะทำให้ลูกหลานของคุณมีความสุขเหมือนกัน
(คนที่รู้ว่าเป็นทอมมาก่อนประกวดว่ายังไงบ้าง?)
สุปรางค์ : เค้าก็ตกใจทำเปลี่ยนไปเยอะขนาดนี้ จริตเราถึงเยอะขนาดนี้ การเป็นทอมไม่ได้ถูกจำกัดความว่าคุณต้องเป็นทอมที่ทำตัวหล่อไปวันๆแมนๆ ทอมมันคือเพศแต่การกระทำคือสิ่งที่เราชอบ ทอมที่เป็นนางแบบหรือนางแบบก็มีมาแล้ว
(อยากตัดผมสั้นอีกไหม?)
สุปรางค์ : ตลอดเวลาค่ะ (หัวเราะ) แต่ว่ามันมีผลกระทบต่อการประกวดเราก็ต้องไว้ผมยาว แต่พอเราโตขึ้นมุมมองเรื่องงานมันก็เยอะขึ้น ถ้าเราตัดผมสั้นแล้วงานเราไม่มีเราก็ไว้ผมยาวดีกว่า ถ้ามีโอกาสก็อยากตัดเหมือนกัน หมอเจี๊ยบพอมงเสร็จเค้าก็ผมสั้นเลย แต่เราคือผมสั้นมาก่อนมง
(ฝากถึงครอบครัวที่มีลูกหลาน LGBT?)
สุปรางค์ : "มีคนเคยพูดว่าพลังลบผลักดันคน แต่อยากให้รู้ว่าพลังรักมันผลักดันได้ดีกว่า" ต้องตั้งคำถามก่อนว่า รักพวกเขาไหม ตอนที่ยังไม่รู้รักเขาแบบไหน รักให้ได้เหมือนตอนที่ยังไม่รู้ แค่ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น พวกเขาไม่ได้ทำอะไรไม่ดี พวกเขาแค่แตกต่าง สิ่งที่สำคัญของการเป็นคนไม่ใช่แค่ว่าเพศอะไร แต่สิ่งที่สำคัญของการเป็นคนคือหน้าที่และความดี ถ้าลูกหลานของพวกคุณเป็นคนที่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งเป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิต ไม่บกพร่องในหน้าที่ แปลว่าลูกหลานของคุณคือคนดี ถ้าลูกหลานของคุณเป็นคนดีก็คุ้มค่าแล้วไม่ใช่หรอที่จะภูมิใจในตัวพวกเขา เป็นอะไรก็ได้ขอแค่เป็นคนดีก็พอ ประโยคฮิตที่ได้ยินบ่อยแต่คือความจริง อย่าเอาเรื่องเพศมาจำกัดความรักของครอบครัว แค่เปิดใจยอมรับแล้วคุณจะรู้ว่าความรักนั้นก็คือความรักของคนปกติทั่วไปนั่นเอง