“ณวัฒน์” วัดดวงฉาย “รักข้ามคาน” บอกผลลัพธ์ออกมาเป็นยังไงพร้อมรับสภาพ แต่ยอมรับ “พชร์ อานนท์” โทร.เตือนให้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งฉายตอนนี้ ขณะที่ “เอกชัย” บอกให้รีบๆ เอาลงโรง เผยพึ่งมูเตลู บนไอ้ไข่ ไม่หวัง 100 ล้าน ขอแค่ 30 ล้าน ก็พอใจ ชี้ทุกอย่างต้องเดินหน้าต่อไป
จัดงานเปิดตัวและร่วมชมภาพยนตร์ “รักข้ามคาน” ที่เมเจอร์ รัชโยธิน งานนี้ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” บอสมิสแกรนด์ฯ ได้เปิดใจต่อสื่อมวลชน โดยเผยว่า เป็นฤกษ์ดีของตนเอง และชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ตนพร้อมรับสภาพ ขณะเดียวกัน ก็ยอมรับว่า ถูก “พชร์ อานนท์” ที่เป็นหน่วยกล้าตายนำภาพยนตร์ “พจมาน สว่างคาตา” เข้าฉายหลังเกิดวิกฤตโควิด โทรศัพท์มาเตือนให้ใจเย็นๆ
“ก็ถือว่าฤกษ์ดีนะครับ เพราะว่าเราได้ทำงานเราจนเสร็จสิ้น กระบวนการโปรดักชันก็เข้าสู่กระบวนการฉาย รักข้ามคาน ความยากลำบาก ความพยายาม ทุกสิ่งทุกอย่างกว่าจะมาเป็นวันนี้มันเหนื่อยมาก สู้กับภาวะเศรษฐกิจแล้วก็เรื่องที่เกิดขึ้นโควิด-19 ด้วยครับ”
“จริงๆ กำหนดฉายวันที่ 4 เมษายน คือ งานที่เรากำหนดไว้ตั้งแต่แรก หลังจากนั้นเราก็รอจนทุกอย่างมันเริ่มคลี่คลาย ซึ่ง พชร์ อานนท์ ก็โทร.มาบอกว่า ณวัฒน์ ใจเย็นๆ รอก่อนไหม ปลายปีเลย ผมก็รู้สึกว่าถ้าเกิดเรารอ งานก็ไม่เสร็จสักทีหนึ่ง เพราะผมว่าเราทำมาเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร ก็รับสภาพมันครับ”
“พี่พชร์ก็ทั้งแมสเสจ ทั้งโทร.มาเตือน ก็ตัดสินใจไม่นาน ไปฟังพี่เอกชัย (เอกชัย ศรีวิชัย) พี่เขาบอกว่าไปเลย รีบๆ เลย ผักบุ้งเขาก็ได้ดีใช่ไหมครับ ส่วนคุณพชร์ เขาอาจจะรู้สึกว่าเหนื่อยหน่อย ก็ยืนหลักเหมือนเดิมครับรักข้ามคานจะเป็นภาพยนตร์ ไม่มีการแย่งผัวแย่งเมีย ไม่มีการแย่งสมบัติ ไม่มีการตบตี แต่อยากจะทำภาพยนตร์ แนวคลีนให้ผู้ชมได้รับฟังกันบ้าง”
พึ่งมูเตลู บนไอ้ไข่
“มูเตลูไปเรียบร้อยครับ พี่ไข่ (หัวเราะ) (ที่เดียวกับพี่พชร์) โถ ลำบากนะ เอาเป็นว่าหนังเราไม่เลื่อนดีกว่าครับ เราอยากจะทดลองเหมือนกันว่าอุปสรรคมันจะเยอะแค่ไหน กำลังใจจะมาสักแค่ไหนก็เลยวัดดวงกันเลยครับ”
หวังแค่คุ้มทุน 30 ล้านก็พอใจ
“เอาจริงๆ นะครับประมาณสัก 30 ล้าน ขอคุ้มทุนก็ประมาณซัก 30-40 ล้านก็โอเคแล้ว ก็อยากจะคาดหวังประมาณนั้น แต่ไม่ได้คิดว่า เป็น 100 ล้านก็คงยาก ตอนนี้ภาวะเศรษฐกิจมันลำบาก เราเข้าใจหลายคนก็ไม่มั่นใจว่ามันนั่งอยู่รวมด้วยกัน มันจะสะดวกสบายไหม ก็ฝากประชาสัมพันธ์ด้วยว่าทุกโรงภาพยนตร์ของเมเจอร์ เรามีระบบดูแลความปลอดภัยดี อยากจะฝากทุกคนไปที่ไหนยังไงมันก็อันตรายเหมือนกันถ้าคิดว่ามันอันตราย ไปห้าง ไปร้านอาหารก็อันตราย เพราะฉะนั้นอยากให้แบ่งใจมาสนับสนุนหนังไทยบ้าง รักข้ามคานก็เป็นเรื่องแรกของมิสแกรนด์ฯที่ทำ เมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้มันเรียบร้อยอย่าให้ใครมาตำหนิติเตียนได้ ก็อยากให้ทุกคนให้กำลังใจว่าพลังที่เราส่งไป มันมีการตอบรับกลับมาครับ”
กังวลไหมกับสถานการณ์โควิด-19 รอบ 2 หนังเรามาฉายเอาช่วงนี้?
“รอบ 2 ในใจจริงๆ ผมว่าคงจะไม่ถึงกับรอบสองถึงแม้จะมีกระแสอียิปต์ มีทั้งซูดาน ก็ต้องโทษผู้ใหญ่ในการดูแลความปลอดภัยเราก็พูดกันตรงๆ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เหมือนผม เจ้าของมิสแกรนด์ฯต่อให้พนักงานของผมทำผิด จะบอกว่าเป็นเรื่องของพนักงานคงเป็นไปไม่ได้ ต่อให้คนดูแล้วตกลงไปขาหัก จะบอกว่าเป็นเรื่องของคนๆ นั้น ที่ลงไปขาหักเอง คงเป็นไปไม่ได้”
แก้ตัวไม่เวิร์ก ต้องแก้ไข
“อย่างแรกอยากให้ผู้ใหญ่ใช้มาตรฐานเดียวกันและออกมารับผิดชอบ ออกมายอมรับว่านี่คือความบกพร่อง คนเราถ้าเกิดการปฏิเสธ มันต้องแก้ไข ไม่อยากจะต่อสโลแกน คือ ผิดก็ต้องแก้ไข เพราะถ้าแก้ตัวมันไม่เวิร์ก ผมว่าตอนนี้ คนไทยเข้าใจนะว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เราต้องช่วยกันทำมาหากินต่อไป หาความสุขและความปลอดภัยด้วยตัวเอง โฆษกก็บอกการ์ดอย่าตก เราก็ไม่เคยตกกันนะ แล้วก็ตามสเต็ป คนที่ตกคือผู้ที่ควบคุม เพราะฉะนั้นต้องบอกไปอย่างผู้ควบคุมว่าการ์ดอย่าตก แล้วก็น้อมรับในความผิดพลาด ไม่อยากให้ปฏิเสธ”
“ถ้าปฏิเสธแล้วทำอย่างนี้ ครั้งต่อไปก็ปฏิเสธได้ กลายเป็นว่ามีซ้ำซ้อนมันจะยิ่งแย่ไปใหญ่ ครั้งนี้เป็นบทเรียนต้องยอมรับและจัดการกับมัน และต้องหน้าชื่นตาบานว่ามันเป็นความรับผิดชอบของผู้ใหญ่สูงสุดที่ดูแลบริหารด้านนี้อย่าปฏิเสธ”
ทุกอย่างต้องเดินหน้า ใจสู้อยู่แล้ว
“ถามว่ากระทบการจัดประกวดมิสแกรนด์ไหม ตอนนี้ทุกอาทิตย์ก็มีการจัดไฟนอลอยู่แล้ว ตอนนี้สำหรับใจผม ผมสู้อยู่แล้ว เฉยๆ ทุกอย่างมันต้องเดินหน้าแล้วพวกเราทำดีอยู่แล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมารัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบด้วยนะครับ พูดตรงๆ ปัจจุบันเราก็ไม่มีรายได้มานาน เศรษฐกิจถดถอย ถ้าสมมติดูแลเราไม่ดีอย่างนี้ มันก็ถือเป็นความไม่เหมาะสมเพราะพวกเราช่วยกันดูแลอยู่แล้ว ก็อยากให้เข้มงวดมากขึ้นไม่อยากให้มีข้อยกเว้น เพราะการยกเว้นมันสร้างความเหลื่อมล้ำ สร้างช่องว่างทำให้เราลำบากได้”
ลงทุนวัดดวง ไม่หยุดอะไรทั้งนั้น
“วัดดวงอยู่แล้วครับ ไม่หยุดอะไรทั้งสิ้น แต่รัฐบาลประกาศยังไง เราก็ปฏิบัติตามนะครับเพราะเราไม่สามารถฝ่าฝืนกฎหมายได้ แต่อย่างไรก็แล้วแต่ในใจไม่เคยถอยครับ เพราะว่าถ้าเราถอย ทุกอย่างก็ถอยทุกคนก็ถอย ถอยกันอยู่ทุกวันแล้วทุกวันนี้ ใครรับผิดชอบครับ ไม่เห็นมีใครรับผิดชอบเพราะต่างคนต่างถอยไปกันเรื่อยๆ มันก็ไม่ไหว”
เผยถ้าระบาดรอบสอง แย่ที่สุดคือมิสแกรนด์
“แย่สุดคือมิสแกรนด์นะครับ คือ ปิดฮอลล์หนึ่งไปเป็นสตูดิโอ แล้วไม่ให้คนเข้าก็ยังคงประกวดอยู่ในสตูดิโอ นี่คือสุดยอดแล้วถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ประกวดเป็นสตูดิโอ คือ มีการเว้นระยะ อาจจะต้องใส่เฟซชิลด์แล้วเดินห่างกัน เต้นกันไกลๆ เสร็จเรียบร้อยก็ประกาศผลกันไกลๆ ออกอากาศช่องวันตามปกติ 21.15 น. วันที่ 19 กันยายน”
“ไม่หยุดไม่มีวันถอยหลัง เพราะผมบอกสัญญาณแห่งการถอยหลังคือสัญญาณแห่งความล่มสลาย เพราะฉะนั้นเราทุกคนทุกอาชีพ มันมีแต่เรื่องความถอยหลัง เรื่องของคนตกงาน ตอนนี้สิ่งที่น่าหวั่นใจก็คือมีการยื่นล้มละลายเยอะมากในประเทศไทยเดี๋ยวหลังวันที่ 31 สิงหาคม ผมว่าน่าจะมีเยอะเพราะเป็นหลังช่วงการปลดล็อก ระหว่างนโยบายการช่วยเหลือหนี้”
“ทุกคนต้องไม่ประมาท อยู่กับบ้านไม่ได้นะทุกคนต้องออกมาทำมาหากิน สร้างเม็ดเงินสร้างเงินให้มันหมุนไปครับ ต้องช่วยกัน ก็เห็นใจครับ ก็อยากให้มันเคลียร์ถ้าเกิดมันไม่ได้จริงๆ มันเป็นเรื่องของการปกครองเราไม่สามารถฝืนได้ คาดว่าเหตุการณ์นั้นคงไม่เกิด ตอนนี้ผมอยากให้ผู้ใหญ่ยุติกฎในกรณีพิเศษ ผมว่าน่าจะล็อกดาวน์ได้อีก ล็อกดาวน์ตรงนั้นทิ้งไปแล้วทุกอย่างมันจะดี นิ่ง สิ่งที่มีอยู่ตอนนี้ก็ไล่บี้มันให้จบแค่นี้เองครับ ถ้าเกิดมันไม่แก้ตรงนี้เราไม่รู้ว่ามันจะแลนด์ดิ้งตรงไหนอีก เพราะฉะนั้นมันก็เป็นปัญหา”