xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) “เสรี” ร่ำไห้ โต้ละเมิดลิขสิทธิ์ “ครูชลธี” งัดหลักฐานซื้อขาย ยันเคยผ่านหูทุกเพลง ถามเดือดคิดอะไร!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เสรี ร่ำไห้ครูชลธี คิดอะไรอยู่ถึงฟ้อง ยันมีสัญญาซื้อขาย-ทำมานานแล้ว เคยผ่านหูครูทุกเพลง ไม่รู้เมียใหม่อยู่เบื้องหลัง ลั่นรู้จักแค่ 2 เมียเท่านั้น ไม่รู้เมียใหม่เป็นใคร แต่ต่อให้ใครยุอะไร ครูต้องรู้ว่าตนเป็นลูก ลั่นเสียใจมากกับเรื่องนี้ ยันไม่ไกล่เกลี่ย เพราะไม่ผิด ไม่จ่าย 20 ล้านเพราะไม่มีเงิน งงเป็นถึงศิลปินแห่งชาติแต่ฟ้องคนไปทั่ว รักเหมือนเดิม ไม่อยากเป็นศิษย์ล้างครู

ถึงกับต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวเป็นการด่วน สำหรับนักร้องลูกทุ่งในตำนานอย่าง “เสรี รุ่งสว่าง” เจ้าของเพลงฮิตติดปาก “เรียกพี่ได้ไหม” ที่วันนี้ (5 ส.ค.) เปิดสตูดิโอที่เจ้าตัวใช้จัดรายการ “สถานีแฟนคลับ เสรี รุ่งสว่าง” เปิดโอกาสให้น้องๆ ศิลปินลูกทุ่งได้มาโชว์ฝีมือกันอย่างฟรีๆ โดย live สดผ่านเพจแฟนคลับเสรี รุ่งสว่าง และหลังจากนั้นนักร้องชื่อดัง พร้อมทนายความ “สมภพ วะยาคำ” รวมไปถึงแอดมินยูทิวบ์เสรี รุ่งสว่าง “สุพิศ รัตนเมืองงาว” และ “เจษฎา ฟาร์มราชบุรี” หอบหลักฐานการเซ็นสัญญาซื้อขายเพลง โต้กลับ “ครูชลธี ธารทอง” หลังจากเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมาครูเพลงชื่อดังพร้อมทนายเข้าแจ้งความกับตำรวจที่ สภ.เมืองลพบุรี ให้ดำเนินการทางกฎหมายกับเสรี ระบุว่านำเพลงของตนเองไปดัดแปลง และทำซ้ำลงในช่องยูทิวบ์ของตัวเอง พร้อมเรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท

โดยในวันนี้นักร้องชื่อดัง “เสรี รุ่งสว่าง” ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ บางช่วงการสัมภาษณ์ เจ้าตัวน้ำตาคลอร่ำไห้ พร้อมยืนยันว่ายังงงกับสิ่งที่ “ครูชลธี” กำลังทำอยู่ตอนนี้ เจ้าตัวนับถือเสมือนพ่อคนที่สอง แต่ทำไมอยู่ดีๆ ถึงกับมาฟ้องตนเอง ยืนยันว่ามีลายเซ็นของครูในทุกเพลงที่ซื้อมา ด้านความสัมพันธ์ยังนับถือเหมือนเดิม ยึดคติเป็นศิษย์ไม่คิดล้างครู ปัดไม่ขอตอบว่าใครอยู่เบื้องหลังในครั้งนี้ ด้านทนายความเผยว่าต้องรอหมายเรียกจากตำรวจก่อน ถึงค่อยดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ในส่วนของแอดมินยูทิวบ์ที่เผยแผ่นั้น แจงต่อว่าจะไม่ทำการลบ เพราะซื้อมาอย่างถูกต้องและมีเอกสารยืนยัน พร้อมบอกว่ารายได้จากยูทิวบ์นั้นไม่ได้เยอะตามที่ครูเพลงเรียกร้องมา และหลังจากแถลงข่าวเสร็จ ทางทีมงานก็ได้เปิดคลิปวันเกิดที่ “ครูชลธี” มาอวยพร พร้อมบอกว่า “เสรี รุ่งสว่าง” จะเป็นเสาหลักของวงการลูกทุ่งต่อจากเจ้าตัว

เจษฎา ฟาร์มราชบุรี : “สวัสดีสื่อมวลชนทุกท่านนะครับ วันนี้ก็ให้เกียรติมาในการเปิดใจของคุณอาเสรี รุ่งสว่างในเรื่องของลิขสิทธิ์เพลงของคุณครูชลธี ธารทองที่เป็นข่าวที่ทุกสื่อให้ความสนใจ ทุกวันพุธนะครับเที่ยงตรงถึงบ่ายสามโมง สถานีแฟนคลับเสรีรุ่งสว่างคุณอาได้ตั้งช่องทางเฟซบุ๊กขึ้นมาเพื่อให้การสันทนาการเพลงและช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นข้าวสารอาหารแห้ง ที่ร่วมบริจาคทั้งหมดทั้งหลายนี้ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นแล้วก็ไม่มีการเรียกหรือการคล้องพวงมาลัยต่างๆ นานา เป็นรายการที่ทำเพื่อประชาชนจริงๆ วันนี้ก็ได้มีข่าวคราวในเรื่องของวงการเพลง เรื่องของลิขสิทธิ์ระหว่างครูกับศิษย์ผมเลยขอใช้ช่วยโอกาสนี้ให้สื่อได้เปิดใจกับคุณอาเสรี รุ่งสว่าง พร้อมกับท่านทนายสมภพ วะยาคำ แล้วก็แอดมินของช่องยูทูปเสรี Channel สุพิศ รัตนเมืองชาว”

เสรี : “เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.ที่เราได้รับข่าวว่าครูไปแจ้งความเรื่องลิขสิทธิ์เพลงที่ลพบุรีที่ผมละเมิดลิขสิทธิ์เพลง ผมเองก็ไม่เชื่อนะมีเพื่อนโทร.มาบอก ว่าครูชลธีแจ้งความเรื่องลิขสิทธิ์เพลง รวมผมด้วย ผมเองก็งงมากๆ งงจริงๆ ที่ได้รู้ข่าว ทีแรกก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ยังไง เพราะว่าครูเปรียบเสมือนพ่อ แล้วผมเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดมากที่สุด ไปมาหาสู่กันโดยตลอด ก็ไม่นึกไม่ฝันว่าครูจะมาฟ้องเรา จนมาดูในช่องทางไลฟ์ในโลกโซเชียลก็เอ๊ะ...มันเป็นจริงหรือนี่

ผมเองก็อยากจะถามครูว่าครูคิดยังไงคิดแบบไหนกับผม เพราะว่า 40 ปีที่ผมกับครูได้รู้จักกัน ได้เป็นลูกศิษย์เปรียบเสมือนพ่ออีกคนหนึ่งในวงการ พ่อผู้ให้กำเนิดให้ชีวิตก็คือพ่อยุ้ย แล้วพ่อที่ให้ชื่อเสียงในวงการก็คือครูชลธี ธารทอง ผมเองไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับครูทั้งสิ้นแต่ผมเองก็งงมากๆ ที่ครูมาฟ้องเรื่องลิขสิทธิ์ เพราะฉะนั้น 2 วันที่ผ่านมาเลยไม่ได้ให้ข่าวใคร ข่าวก็ไม่มีสำหรับผมเพราะผมก็ดูทีท่าว่าครูจะมายังไงต่อ

แต่ว่าที่พูดตรงนี้คือหมายความว่าเราอยากอธิบายให้ฟัง เป็นความในใจของเราว่าครูคิดยังไง แล้วที่ผมละเมิดลิขสิทธิ์ก็ดูในโลกโซเชียลนะครับ แกก็บอกว่าถ้าหากว่าเพลงก็ต้องไปซื้อกับเสรี รุ่งสว่าง ไม่ใช่ครับ ผมซื้อครูมา 1เพลง สมมติว่า 1 เพลงนะครับ เพลงที่ผมร้องนี่ก็คือเป็นเพลงไม่ใช่ต้นฉบับ ต้นฉบับก็คือผมร้อง แล้วที่มาซื้อใหม่ก็คือผมร้องอีก จริงๆ แล้วมันเป็นอย่างนี้ครับ คือลิขสิทธิ์เพลง สมมติว่าผมซื้อเพลงเทพธิดาผ้าซิ่นมา 1 เพลง ซึ่งเมื่อในอดีตผมก็ร้องไว้เมื่อปี 2529 และมาปัจจุบันนี้ผมก็มาทำใหม่ ก็คือซื้อเพลงของครูมาทำใหม่ คือการทำใหม่หมายความว่าดนตรีผมก็ต้องมาเปลี่ยนจากของเดิมนิดหน่อย แต่ว่าเนื้อร้องก็จะเป็นของเดิม

ทีนี้มันจะมีผลตรงที่คนประกวดร้องเพลง ถ้าเกิดเขาจะเอาเทพธิดาผ้าซิ่น มันจะมี 2 เวอร์ชั่น เวอร์ชั่นแรกก็ไปใช้ซาวด์ดนตรีเวอร์ชั่นแรก แต่ถ้าเกิดว่าจะเอาเวอร์ชั่นผม ที่ทันสมัยตรงนี้ ก็เอาเวอร์ชั่นผม จึงต้องแยกให้ได้ว่าเนื้อร้องต้องไปซื้อของครูชลธี ซาวด์ดนตรีต้องซื้อที่ผม ที่ผมลงยูทิวบ์ลงแบบนั้น แต่ผมไม่ได้บอกว่าเพลงซื้อขาดมา ไม่ใช่นะครับ ซื้อมาแค่ 1 เวอร์ชั่นเท่านั้น แล้วผมเชื่อเลยว่าที่เพลงที่ออกไปแต่ละเพลง ที่ครูเอามาแจ้งความผมเนี่ย ครูได้ฟังหมดแล้วทุกเพลง ผมเชื่อว่าครูได้ฟังหมดแล้ว เพราะว่ามันไม่ได้ออก ณ ปัจจุบันนี้นะครับ ออกมานานแล้วพอสมควร แล้วครูตอนช่วงที่ผมออกใหม่ๆ ตอนนั้นครูคงฟังแล้วก็เฉยๆ ไม่ได้มาแจ้งความผม

จนล่วงเลยมาวันที่ 3 ที่ผ่านมาเนี่ย แกก็ไม่แจ้งความจับผมที่ลพบุรีผมก็เลยงงครับ งงมากๆ แต่ผมพูดให้ฟังได้เลยนะ ว่าหลักฐานการที่ผมซื้อครู มีครบครับผม เป็นลูกศิษย์ท่านมา 40 กว่าปีผมไม่กล้าที่จะละเมิดไม่กล้าที่จะเอาเพลงมาทำส่งเดช ผมไม่ทำเช่นนั้นแน่นอนนะครับ ที่ผมมาบอกวันนี้มาเปิดใจวันนี้คืออยากจะให้พี่น้องประชาชนคนไทยทั่วประเทศ และสื่อมวลชนทุกแขนง ได้รับทราบว่าผมมีหนังสือสัญญามีการซื้อขาย มีแน่นอนครับ เพราะฉะนั้นอยากจะถามครูนิดหนึ่งว่าคิดอะไร


ซึ่ง...(น้ำตาคลอ) เราไม่เคยมีเรื่อง เจอผมทุกครั้งตั้งแต่ผมออกเพลงมานี่ เจอกันจะเป็นร้อยแล้วมั้งไม่ได้พูดอะไรกันเลยแต่ว่ามาฟ้องเราเนี่ยเขาคิดยังไง คือล่าสุดที่เจอกันนะครับ วันเกิดผมเจอกันเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ ท่านก็มางานผม ผมเองเคารพรักมากๆ ครูชลธี ธารทอง ที่พูดตรงนี้ก็คือเราเสียใจ จะบอกเราสักคำว่าไอ้หนู เอ็งเอาเพลงไปทำอย่างนี้มันไม่ดี มันไม่ได้ เราจะได้มีคำอธิบายได้ แต่ไม่เคยได้มีการคุยกัน ที่ท่านบอกว่าน่าจะยกหูโทร.หาแกสักนิดไม่มี ผมก็เลยไม่เข้าใจว่าเพลงมันออกมาตั้งนานแล้วครับ จะไปยกหูตอนนี้ได้ยังไง เพลงทุกเพลงที่ผมออก ครูก็ผ่านหูทั้งนั้น ครูก็เคยฟังทั้งนั้น ผมก็นึกไม่ถึงว่าครูจะคิดแบบนั้น เพราะเพลงมันออกมานานแล้วไม่ใช่เพิ่งออก

หลังจากที่ออกเพลงมาแล้วก็เจอกันบ่อยมากนะครับ งานที่จังหวัดนครสวรรค์ ผมก็ไปช่วย ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็สุดแล้วแต่ที่ครูได้บัญชา ผมก็ไปช่วยทุกที่ ถึงแม้ว่าจะได้มั่งไม่ได้มั่ง แต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้ ก็ไปเพราะเปรียบเสมือนผู้มีพระคุณ

วันนี้เลยมาบอกให้รู้ ว่าผมไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ ผมมีหนังสือสัญญานะครับ ไม่ใช่เฉพาะเพลงครูชลธีเจ้าเดียวนะครับ ที่ผมซื้อ ผมซื้อเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นของผู้หญิงหรือของผู้ชาย ก็สุดแล้วแต่ ซื้อถูกต้องตามกฎหมายหมด และทนายผมก็รู้ดีทนายสมภพก็ดูแลมาตลอด เพราะฉะนั้นผมไม่นึกเลยว่าครูคิดอะไรกับผม”

ไม่รู้มีใครอยู่เบื้องหลังการไปแจ้งความครั้งนี้ แต่ไม่ว่าใครจะยุแหย่อะไร ครูก็น่าจะเรียกตนมาคุยไม่ใช่ไปแจ้งความ
เสรี : “ตรงนี้ผมบอกให้ฟังได้เลยครับ ว่าผมไม่ทราบจริงๆ ว่าใครจะอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ว่าจริงๆ แล้วครูต้องรู้ตัว ท่านบอกว่าผมเป็นลูก ใครจะยุแหย่อะไรก็สุดแท้แต่ เขาต้องเฮ้ย...ไม่ได้ เสรี รุ่งสว่าง เป็นลูกฉัน ต้องเรียกมันมาคุยครับ ไม่ใช่ไปแจ้งจับผมซึ่งผมไม่รู้ตัว ที่ผ่านมาความสัมพันธ์เราดี ทุกสิ่งอย่างคุยกันดีเจอหน้าทุกครั้ง ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกันเลย ผมถึงได้เสียใจ”

บอกตนไม่ได้ผิดอะไรจะไปไกล่เกลี่ยได้ยังไง ตอนนี้รู้แค่ว่าครูชลธีไปลงบันทึกประจำวันละเมิดลิขสิทธิ์ไว้ที่ลพบุรี
เสรี : “ผมไม่ได้ผิดอะไรจะไปไกล่เกลี่ยได้ยังไง แล้วเขาไปลงบันทึกประจำวันครับ คือผมไม่ทราบว่าเขาแจ้งจับหรือไม่ เขาได้แต่ลงบันทึกประจำวันไว้ว่าได้มาแจ้งละเมิดลิขสิทธิ์ที่ลพบุรี ถามว่าเครียดไหมที่พ่อทำแบบนี้ (พยักหน้ารับ ส่วนจะโทร.ไปคุยไหมว่าทำไมทำแบบนี้ (ส่ายหัว)”

ทนายสมภพ : “ขออนุญาตเสริมนะครับ ในส่วนของเรื่องข้อเท็จจริงต่างๆ ทางพี่เสรีเองยังไม่เคยเห็นข้อมูลนะครับ ที่พูดมาทั้งหมดเนี่ย ที่ให้ข่าวกับสื่อ เป็นเพียงแค่สิ่งที่เราได้มาจากสื่อทางโซเชียลเท่านั้น ในส่วนของข้อมูลจริงว่าจะดำเนินคดียังไง หรือลักษณะการกล่าวโทษแบบไหน เรายังไม่เห็นเลย เพราะยังไม่มีหมายมาจากตำรวจ จนกว่าเราจะได้เห็นตรงนั้น เราถึงจะมีความชัดเจนให้กับพี่ๆ สื่ออีกครั้งหนึ่ง”

ลิขสิทธิ์ที่ซื้อมา เป็นลายเซ็นของครูชลธีทุกฉบับ การซื้อมาสเตอร์ 1 ครั้ง ได้รับการอนุญาตให้เอามาทำอะไรก็ได้ แต่จะได้แค่เวอร์ชั่นเดียวเท่านั้น
ทนายสมภพ : “ลิขสิทธิ์ที่ซื้อมาต้องบอกตรงๆ ว่าเราได้มาจากทางครูชลธีเลย เป็นลายเซ็นของท่านทุกฉบับครับ”

เสรี : “คือการซื้อ 1 มาสเตอร์ซื้อ 1 ครั้งก็คือเขาอนุญาตทำอะไรได้ทุกอย่างหมด จะทำอะไรก็สุดแล้วแต่ ได้หมดทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นหนังหรือละคร ได้หมดเป็น 1 เวอร์ชั่น ผมซื้อครั้งเดียว ก็จะได้ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วไอ้ครั้งเดียวเนี่ย ได้ตลอดชั่วลูกชั่วหลาน เป็นเวอร์ชั่นของเรา ไม่ว่าจะเป็นผมหรือใครที่เขาซื้อไป เขาก็ทำได้ 1 เวอร์ชั่น

แต่ถ้าจะทำใหม่ก็ต้องซื้อใหม่ คือให้เข้าใจตรงที่ว่าการทำเพลงผมไม่ได้มีอาชีพเป็นนายห้างการทำเพลง ผมคิดว่าในชีวิตของผมหนึ่งชีวิตที่ผ่านมา อย่างน้อยๆ เราก็อยากจะมีของตัวเองไว้ 1 มาสเตอร์ 1 เวอร์ชั่น เพราะว่าเราร้องเพลงมาทั้งชีวิต แต่ที่เราร้องไปไม่ใช่ของเราเลย มันเป็นของบริษัททั้งหมด เพราะฉะนั้นผมถึงบอกให้ฟัง ว่าผมอยากจะร้องไว้เพื่อวันข้างหน้า ก็คือเอาไว้ฟังเอง โลกปัจจุบันมันเปลี่ยนไปมาก อาจจะฟังกันไม่ได้เลย ผมก็เลยซื้อเอามาทำเป็นมาสเตอร์ไว้ เอาไว้ฟังแล้วก็เอาไว้ร้องเอง”

แจงเวอร์ชั่นที่ซื้อมาทำใหม่ ถ้าคนเข้ามาฟังเงินก็ต้องเป็นของตน
เสรี : “ถ้าเราไปทำการค้าไปลงยูทิวบ์ก็คือหมายความว่าเขาระบุว่าให้เราทำได้ทุกอย่าง แต่ว่าไม่ได้เป็นเจ้าของ ไม่ได้เป็นเจ้าของเนื้อร้อง แต่เป็นเจ้าของเฉพาะมาสเตอร์ที่เราร้องเท่านั้น เวอร์ชั่นเดียวของเรา เงินต้องเข้าเราคือมันไม่แปลกอะไรเลย ทุกบริษัทเขาก็ทำแบบนี้ หมายความว่าถ้าเกิด 1 เวอร์ชั่นที่เขาทำเนี่ย เขาจะไปทำอะไรไปขายไปลงยูทูปเอาไปทำไรได้หมด เพราะครูได้อนุญาตให้เราไปทำได้ทุกอย่างแค่ 1 เวอร์ชั่นเท่านั้น”

เพลงที่ซื้อมาจากครูชลธีมีเยอะมากไม่ต่ำกว่า 30 เพลงขึ้นไป
เสรี : “ก็เยอะอยู่นะเพลงที่เขาระบุมาที่เขาแจ้งความก็ซื้อมาแล้วทั้งนั้นน่าจะเป็น 30 กว่าเพลงขึ้นไป ถามว่ามูลค่าที่เราซื้อตอนนั้นเท่าไหร่ คือเพลงเดี๋ยวนี้นะ จะพูดให้ฟังว่าสมัยก่อนกับสมัยนี้มันต่างกัน สมัยก่อนมันยังขายซีดีได้ แต่ปัจจุบันมันขายไม่ได้ ถึงทำไปก็ขายไม่ได้ นอกจากว่าไปลงยูทิวบ์อย่างเดียว ขนาดยูทิวบ์ยังได้เงินมานิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ได้เยอะมากมาย ในเพลงปัจจุบันทุกวันนี้ไม่ได้ไปเดินขายตามท้องตลาดแล้ว ไม่ได้ปั๊มซีดีขายอย่างนั้นแล้วมันหมดสมัย เดี๋ยวนี้ลงยูทิวบ์ถึงจะได้เงิน ผมถามว่าการที่เราลงทุนไป 1 เพลงเราใช้เงินเท่าไหร่ สมัยก่อน 1 อัลบั้มเงินลงทุนเป็นล้านนะ แต่สมัยนี้มันง่ายนิดหนึ่ง แต่มันก็ได้น้อย เราลงทุนเพลงเดียว 2-3 หมื่น แล้วก็ลงยูทิวบ์ บางทีมันก็อาจจะไม่ได้คุ้มก็ได้”

เพลงที่ซื้อมาในเอกสารไม่ได้ระบุ ว่าถ้าออกเป็นซีดีต้องมีส่วนแบ่งให้ครูชลธี
เสรี : “ไม่ เพราะเราให้เงินไปแล้วไง คือไม่ได้ซื้อขาดซื้อแค่ 1 มาสเตอร์ ถ้าซื้อขาดลิขสิทธิ์ต้องอยู่กับเราเลย ทุกบริษัทก็ทำแบบนั้น 1 มาสเตอร์ 1 เวอร์ชั่นมันเป็นของเราเพราะเราเอาไปลงทุน ไปทำดนตรี ไปร้อง แล้วไปลงยูทิวบ์ มันก็คือเป็นเวอร์ชั่นของเรา สมมติว่าเพลงเทพธิดาผ้าซิ่น ขายไป 10 ครั้ง ให้คนไป 10 คนก็สุดแท้แต่เขาจะเอาไปทำอะไร”

ตกลงกันแน่ชัดก่อนซื้อแล้ว ว่าจะมาทำเป็นแบบของตน บอกครูชลธีเคยจะให้ฟรีแต่ไม่เอา เพราะกลัวจะมีปัญหา สุดท้ายก็มีจนได้ ขนาดเป็นการซื้อมาแท้ๆ
เสรี : “ใช่ครับ ก็คือสมมติเพลงใหม่ที่เขาเขียนมาใหม่ เขาก็ขายให้เราแค่ 1 เวอร์ชั่น แล้ว 1 เวอร์ชั่นเขาก็สามารถเอาไปขายให้คนอื่นต่อได้ เราก็มีสิทธิแค่เวอร์ชั่นเดียว ที่เราซื้อเท่านั้นเอง ซึ่งที่เราซื้อมาเป็นชุดตอนนั้นก็เป็นหลักหมื่นหลักแสนครับ คือครูกับผมเหมือนหนึ่งเดียวกัน ถามว่าทำไมผมไม่เอาฟรี ผมก็กลัววันนี้ไง ที่จริงเขาให้ฟรีก็เคยให้ แต่ผมไม่เอา เพราะถ้าเราเอาฟรี เราต้องเอามาร้องเฉยๆ แต่เราไปทำลงยูทิวบ์มันฟรีไม่ได้ สักวันหนึ่งอย่างวันนี้ นี่ขนาดไม่ฟรีนะ ผมยังโดนแจ้งความเลย”

ไม่กลัวโดนฟ้องหากเอาเพลงที่ซื้อมาร้องอีกครั้ง บอกทำถูกต้องทุกอย่างไม่ต้องกลัว
เสรี : “ผมกล้าร้องอยู่แล้วครับ ไม่ได้กลัวที่เขาจะฟ้องครับ ถ้าเราทำถูกต้อง ไม่ต้องกลัวครับ เราซื้อมาเราทำดนตรีเอง ลงทุนเองเรา ไม่ต้องไปกลัวครับ”

เพลงที่ลงไปในยูทิวบ์ลงไปนานมากแล้ว ลงได้ตามใจชอบ แต่ยังไงก็ได้แค่ 1 เวอร์ชั่นเท่านั้น
เสรี : “นานแล้วครับ เราซื้อมาเราก็ลงตามปกติ ตามใจชอบเรา คนใดคนหนึ่งที่ซื้อไปเขาก็ลงตามใจชอบ จะลงพรุ่งนี้ มะรืน หรือไม่ลงเลยก็แล้วแต่เขา เขาก็ได้แค่ 1 เวอร์ชั่นเท่านั้นเอง ซึ่งครูสามารถที่จะขายได้อีกล้านเที่ยว คุณจะซื้อล้านเที่ยวในบริษัทเดียวกันก็ได้ แต่คุณทำครั้งเดียวคุณต้องเลิก ซื้อ 1 ครั้งก็ต้องใช้แค่ 1 ครั้งเท่านั้น ไม่มี 1 ครั้งแล้วใช้ได้เป็นร้อยครั้ง ไม่ใช่”

ตอนแรกไม่เชื่อว่าครูไปแจ้งความจริง คิดว่าเป็นข่าวปลอมเพราะครูเคยดูเคยฟัง แล้วก็ไม่ได้ว่าอะไร และไม่มีทีท่าว่าจะฟ้องด้วย
เสรี : “เขาก็เคยดู เขาก็เคยฟัง เขาก็ไม่ได้อะไร รักกันดี คุยกันดี ไม่เห็นมีทีท่าอะไรที่จะมาฟ้องเรา ไม่เห็นมีทีท่าที่จะไปแจ้งความเรา เพราะฉะนั้นผมถึงได้งงไง เมื่อวานนี้นักข่าวเต็มไปหมดที่โทร.มาเช็ก รู้ไหมว่าตั้งแต่วันที่ 3 จนถึงวันนี้ โทร.กันไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนให้กำลังใจบางคนถึงกับบอกว่า กูไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าครูเขาจะฟ้องมึง กูเห็นนี่กูยังไม่เชื่อเลย เขาคิดว่าเป็นข่าวปลอม ผมก็คิดว่าเป็นข่าวปลอม แต่ว่าเพื่อนกันที่ลพบุรียืนยันมา บอกว่าเขาแจ้งจริง ผมก็เลยมาดูในโลกโซเชียลเอ้า...เขาแจ้งจริงนี่”

ค่าเสียหายที่ทางครูเรียก 20 ล้านเห็นแล้วก็ไม่ได้ตกใจ เพราะไม่มีจ่ายอยู่แล้ว
เสรี : “ไม่ได้ตกใจ เพราะว่าไม่มีไง(หัวเราะ) เราไม่มีไง ผมไม่ใช่คนรวย

ปัดได้เงินจากการทำเพลงที่ซื้อมา 20 ล้าน บอกมันจะไปได้ที่ตรงไหน ถ้าเป็นสมัยก่อน เพลงต้นฉบับที่ออกเป็นซีดี ไม่มีซีดีเถื่อนเหมือนปัจจุบัน ก็อาจจะได้
เสรี : “ถ้าเป็นสมัยก่อน ถ้าเป็นต้นฉบับ ขายเป็นรูปแบบซีดี เพลงเทพธิดาผ้าซิ่นเนี่ย ขายเป็นร้อยล้านต้องเวอร์ชั่นแรก แล้วก็ต้องสมัยแรกนะ เพราะช่วงนั้นมันไม่มีซีดีเถื่อน ไม่มีของปลอม มีแต่ของจริงขายกันตามท้องตลาด แต่ ณ ปัจจุบันนี้ยากครับที่จะได้เงินเป็นร้อยๆ ล้าน ไม่มีทางต่อให้เพลงดังๆ นี่มาบอกว่าเราได้ 20 ล้าน โอ้ย...มันจะไปได้ที่ตรงไหน”

สุพิศ : “เนื่องจากว่าเป็นแอดมินหลังบ้าน ให้กับเสรี Channel ซึ่งเวอร์ชั่นที่ทางคุณเสรีเอามาลงมันก็คือ 1 มาสเตอร์ ซาวด์ 1 ซาวด์มันไม่สามารถที่จะไปเคลม Channel อื่นๆ ได้เลย มันได้แค่ 1 เวอร์ชั่นเท่านั้น ไม่สามารถที่จะทำไปลง Channel อื่นได้อีกเช่นกัน เช่นเทพธิดาผ้าซิ่น อย่างที่คุณอาเสรีพูดเมื่อสักครู่นะคะ บริษัทอื่นก็มีเหมือนกันแต่นั่นก็คือ 1 เวอร์ชั่นเหมือนกัน เขาเรียกว่า 1 มาสเตอร์ ทางฝั่งยูทิวบ์ไม่มีสิทธิ์ไปเคลมเวอร์ชั่นนั้นนะคะ ต่างคนต่างเคลมค่ะ ฉะนั้นในช่องเสรี Channel เราก็เคลมได้แค่ 1 มาสเตอร์เท่านั้น ไม่มีการไปทำซ้ำซ้อน ซึ่งในตัวแพลตฟอร์มของยูทิวบ์เป็นแพลตฟอร์มหนึ่งที่ช่วยให้ครีเอเตอร์ทั้งหลายมีรายได้ ถามว่าเยอะไหม มันก็ไม่ได้ว่าเยอะเหมือนกับสมัยขายแผ่น แต่แค่มันพอมีรายได้เท่านั้นเอง”

เสรี : “ดีกว่าลงเฉยๆ เราไม่ได้คิดรวยทางเพลงนี้หรอก เพราะมันหมดยุคหมดสมัย ค่ายต่างๆ ก็ล้มกันไประเนระนาด เพราะว่ามันขายไม่ได้ ณ ปัจจุบันนี้ทำไมถึงได้ฟ้องร้องกันเยอะแยะมากมาย ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าเขาฟ้องร้องกันแบบบ้าเลือด”

ยืนยันยอดคนดูสำหรับเพลงเทพธิดาผ้าซิ่นเกือบ 5 ล้าน subscribe ยังไงก็ไม่ถึง 20 ล้านบาทแน่นอน
สุพิศ : “เทพธิดาผ้าซิ่นลงไปเมื่อ 3 ปีที่แล้วประมาณเกือบ 5 ล้าน subscribe เป็นการแชร์ริ่งมาจากทางยูทิวบ์ ซึ่งไม่ถึง 20 ล้านบาท”

ถึงจะเจอแบบนี้ก็ไม่คิดแตกหักกับครูชลธี
เสรี : “ผมไม่ได้แตกหักกับครูอยู่แล้วนะครับ ผมเป็นศิษย์ไม่คิดล้างครู”

รับงงอยู่ 2 วันเคยเห็นแต่ครูไปฟ้องคนอื่น ไม่คิดไม่ฝันว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะโดนด้วย
เสรี : “(หัวเราะ) ผมงงอะไม่นึก ไม่ฝัน ผมเคยดูแต่ว่าแกไปฟ้องคนนี้คนนั้น มีเรื่องกับคนนี้คนโน้น แล้วแกเป็นศิลปินแห่งชาติ แกไปฟ้องทั่วไปหมด ผมก็ได้แต่นั่งดูเห็นพ่อไปทำงาน เห็นพ่อไปฟ้องคนโน้นคนนี้ เราก็ได้แต่นั่งดู อ้าว...อยู่ๆ มาฟ้องเราเลย เราก็งงไง ผมเลยไม่เชื่อ งงอยู่ 2 วัน”

ไม่รู้เมียใหม่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ถามเมียใหม่คือคนไหน ในชีวิตรู้จักเมียครูแค่ 2 คน
เสรี : “ผมไม่ได้ไปล่วงลึกถึงว่าเขามีเมียใหม่หรือเปล่าครับ แต่ที่ได้เห็นตามข่าว เขาฟ้องภรรยาก็ไม่ทราบว่าเขามีอะไรกันบ้าง ผมก็ได้แต่นั่งดูอย่างเดียว แต่เราก็ไม่สามารถที่จะไปรู้ว่าเพราะเมียใหม่เขาไหม ผมก็ยังไม่รู้ว่าเมียใหม่เขาคนไหนใน 40 ปีที่ผ่านมา ภรรยาเขามีอยู่ 2 คน ที่ผมสนิทมากที่สุดก็คือภรรยาคนแรก แล้วก็คนที่สองคือครูปุ้ม ผมรู้อยู่แค่สองคนที่คุยกัน เพราะฉะนั้นผมถึงได้บอกให้ฟังว่า ผมไม่รู้หรอกว่าแกไปมีอะไรที่ไหน

แต่ผมก็แปลกอยู่นิดหนึ่งนะครับ ผมดูข่าวเอ๊ะ...ทำไมไปแจ้งความลพบุรี ไปฟ้องภรรยาก็ฟ้องอยู่ลพบุรี ก็เลยงงครับ ผมก็ไม่เข้าใจว่าเพื่อนใคร ก็ไม่อยากจะไปรู้เรื่องของแกหรอกนะ เรื่องส่วนตัวครูเขาทำอะไร เราไม่สามารถที่จะเตือนเขาได้ เพราะว่าเขาเป็นศิลปินแห่งชาติ แล้วเขาเป็นครูเรา เขาเป็นพ่อเรา พ่อผิดพ่อถูก เราไม่สามารถที่จะไปเตือนได้ เราเป็นลูกได้แต่นั่งดู

แต่เวลาคนมาพูดเรื่องพ่อในแง่ลบกับเรา เราก็แก้ต่างตลอด บางทีเรารู้มั่งไม่รู้มั่งก็หาข้อมูล แล้วทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นงานอะไร เรื่องจะดีหรือไม่ดีต้องถึงเรา นักข่าวจะต้องมาถามว่าพี่เสรีพี่ต้องรู้ๆ แต่เราไม่รู้ อยู่คนละบ้าน แล้วครูก็เปรียบเสมือนพ่อเรา ก็แค่ว่าเราไปหาข้อมูลมาสิ ครูเขาไปทำอะไร อย่างเช่นถามเรื่องที่เขาไปฟ้องกันกับภรรยา ก็โทรมาถามเรา เราก็ไม่รู้เรื่องจริงๆ”

ยืนยันว่าไม่ตัดพ่อตัดลูก ไม่ตัดความเป็นศิษย์กับครูชลธี บอกเป็นศิษย์ไม่คิดล้างครู
เสรี : “ผมถึงได้บอกให้ฟังไงครับ ว่าผมเป็นศิษย์ไม่คิดล้างครู”

หลังจากนี้ก็ยังจะนำเพลงที่ซื้อมาแล้วมาทำต่ออีก ไม่กลัวจะมีปัญหาอีก เพราะมีหลักฐาน แต่ไม่อยากเปิดในวันนี้ เพราะครูยังไม่ได้ฟ้อง
เสรี : “ทำครับ ที่ซื้อมาแล้วต้องทำให้หมด แต่ไม่ได้ซื้อใหม่แล้ว เพลงที่เราซื้อมาครั้งเก่าก็ยังอยู่อีกเยอะแยะ ทีนี้มันเป็นอยู่สองอย่างนะครับ ที่จะทำต่อ เราจะไปขายให้ใครอันนี้มันสำคัญ เราลงทุนไปแล้ว เราจะได้คืนไหมอันนี้คือเพลงที่เหลือที่ซื้อมาแล้ว เราจะทำให้ใคร เพราะโลกมันเปลี่ยนไป ลงทุนเยอะแต่ได้น้อย ต้องดูทิศทางอีกที ว่าเราจะทำต่อหรือยังไม่ทำ แต่มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะเราซื้อมาแล้ว ไม่กลัวจะมีปัญหาต่อ เพราะเรามีหนังสือสัญญา อยากจะเปิดให้ดูเลย แต่มาคิดดูว่าครูแค่ไปแจ้งความ มันยังไม่ได้เป็นคดี ถ้าเป็นคดีหลักฐานนี้จะยืนยันได้มีแต่ลายเซ็นครูทั้งนั้น

สมมติว่าผมซื้อเทพธิดาผ้าซิ่น เขาก็จะเขียนในช่องที่ให้เติมเป็นลายมือของครู ไม่ใช่ลายมือผม ที่จริงวันนี้ผมว่าจะเปิดหลักฐาน แต่ถ้าเราเปิดไปเขาก็ยังไม่ได้ฟ้องเราเป็นคดีเดี๋ยวมันจะเสียเปล่าๆ เพราะฉะนั้นให้รู้ไว้ว่าสิ่งที่เรามีตรงนี้ เรายืนยัน ผมบอกให้ฟังว่าผมอยู่ในวงการมา 40 ปีผมไม่เคยเสียชื่อ”

หลังจากนี้คงไม่ได้ไปคุยกับครูเอง เพราะครูพูดมาว่าให้ไปคุยกับทนาย
เสรี : “เขาพูดลงมาบอกว่า ถ้าจะไปเคลียร์กับเขา ไม่ต้องเคลียร์ ให้ไปคุยกับทนาย”

ทนายสมภพ : “ในส่วนของคดีที่ผมเรียนไปแต่ต้นคือพี่เสรียังไม่เห็นในเรื่องของเอกสารที่ถูกฟ้อง ไม่ว่าจะเป็นหมายเรียกหรือข้อกล่าวหา เพราะฉะนั้นเราต้องขออนุญาตดูในข้อกล่าวหาก่อน ว่าข้อกล่าวหาอะไรที่ชัดเจน แล้วก็หมายเรียกมีหรือไม่ ถ้ามีจริงการที่เราได้จากข่าว จากสื่อ เราก็จะไปพบเจ้าหน้าที่ แล้วก็เสนอเอกสารทุกฉบับที่เรามีอยู่ เพราะว่าไม่ใช่เพียงแค่ฉบับที่เราเห็นนะครับ มันจะมีแต่ละครั้งที่การทำสัญญาซื้อ แต่ละครั้งเราจะทำไว้ เป็นแต่ละปี หลายปีต่อเนื่องกันเพราะฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่ทางเราไม่สามารถให้ดูได้ตอนนี้ ผมเกรงว่าอาจจะไปกระทบหรือว่าไปเสียรูปคดีอะไรหรือเปล่า เนื่องจากว่ายังไม่ฟ้องอะไรเลย”

ในมุมทนายทางฝ่ายครูชลธีจะฟ้องเสรีได้ไหม คงขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามที่กล่าวหาหรือไม่
ทนายสมภพ : “ถ้ามองจากข่าวนะครับ การฟ้องคดี คนเราจะฟ้องอะไรก็ได้ แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฎกับสาธารณชนหรือกับข่าว จริงเท็จแค่ไหนนั้น เป็นการพิสูจน์กันในชั้นศาลหรือในชั้นสอบสวนเบื้องต้น เพราะฉะนั้นเราต้องมาดูกันก่อนว่าในส่วนของข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่กล่าวหาหรือไม่ ถ้าเป็นจริงเราว่าอย่างไร จะแก้ยังไงหรือว่าเรามีเอกสารที่สามารถไปพิสูจน์ให้ศาลเห็นไหม นี่คือหลักการนะครับ”

หลังจากที่ได้ดูเอกสารแล้ว มีความมั่นใจว่าเสรีทำถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง และสัญญามีลายเซ็นครูชลธีชัดเจน
ทนายสมภพ : “ถ้าถามในส่วนตัวผมนะครับในฐานะที่เป็นทนายความ ผมมั่นใจว่าสิ่งที่คุณเสรีทำมาตลอด ทำถูกต้องครับตามกฎหมาย เพราะมีสัญญาชัดเจนสัญญาทุกฉบับเป็นลายมือชื่อของครูเอง ณ ตอนนี้ยังไม่ต้องถอดเพลงออกจากยูทิวบ์ครับ”

ฝากถึงครูชลธี ยังไงก็เป็นครูที่รัก แต่อยากถามว่าคิดอะไรถึงทำแบบนี้ อายุมากแล้วจะทะเลาะกันไปทำไม ให้เหนื่อยเปล่าๆ
เสรี : “หึ (ส่ายหัว) ยังไงก็เป็นครูที่ผมรัก...ไม่รู้จะพูดอะไรครับ ก็แค่อยากถามคิดอะไรกับผม (ร้องไห้) ก็ขอให้ครูมีความสุขแล้วกันในสิ่งที่ครูทำ ผมเองไม่อยากจะไปก้าวก่ายอะไรที่ครูเขาทำอยู่นะครับ ก็ให้สุขภาพแข็งแรงคนเราอายุมากกันแล้วนะครับ ไม่ว่าผมว่าครูก็อายุมากจะทะเลาะไปทำไมมัน ไม่ได้ประโยชน์อะไรมากมาย ทำให้เราเหนื่อยเปล่าๆ ผมคิดว่าผมน่าจะเป็นคนสุดท้ายที่ครูจะฟ้องมั้ง ก็อยากจะบอกครูครับผมรักครู”





















กำลังโหลดความคิดเห็น