"ทนายเจมส์" ลั่นลบ MV เลิกคุยทั้งอำเภอฯ ไม่เกิดผลดีทั้ง "เก้า-เจนนี่" แนะเคลียร์กันก่อนขึ้นศาล เพราะฝ่ายหนึ่งต้องพัง! "ประจักษ์ชัย" ลั่นอย่าติดกับดักโซเชียล
รายการ "ถามสุดซอย" ออกอากาศวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 22.20 น. ทางช่องเนชั่น ช่อง 22 ดำเนินรายการโดย "เอิ๊ก พรหมพร ยูวะเวส" เปิดใจสัมภาษณ์ "ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต" ซึ่งเป็นทนายฝั่ง "เก้า เกริกพล เพชรรัตน์" เรื่องผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว กับ "เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น"
เรื่องการตกลงกันไม่ได้ จริงๆ มันยังไง?
"ต้องเรียนว่าในส่วนของผมก็สอบข้อเท็จจริงในบางส่วน ข้อเท็จจริงก็อาจไม่ตรงกับบางส่วนที่น้องเจนนี่ได้พูดไว้ ข้อตกลงต่างๆ ต่างฝ่ายต่างไม่ทำลายลักษณ์อักษร มันเลยคุยกันลำบาก จบกันยาก พอแบบนี้แล้ว ทางเดียวเลยต้องใช้กฎหมายให้ศาลท่านชี้ขาด ใครผิดใครถูก ใครต้องจ่ายเงินหรือไม่ ลิขสิทธิ์เอ็มวีเป็นของใคร อันนี้ต้องให้ศาลชี้ขาด"
น้องเก้าบ่นอะไรบ้าง?
"น้องเก้าเป็นเด็กน่ารัก เวลามีอะไรก็พูดหมด โอกาสพูดไม่จริงมีน้อย อันนี้ดูจากสายตา เขาอาจปกปิดข้อเท็จจริงบางอย่างอยู่ก็ได้ เพราะธรรมชาติมนุษย์ ไม่เอาสิ่งไม่ดีของตัวเองออกมาเล่าให้คนอื่นฟัง จะเล่าแต่ส่วนที่ดี เคสนี้ในเมื่อทั้งสองฝ่ายถือข้อเท็จจริงคนละอย่างกัน ก็ให้ศาลท่านตัดสินไป ให้ศาลชี้ขาดจบ จะได้ไม่ต้องคลางแคลงใจ สังคมจะได้ยึดถือคำพิพากษาของศาล เพราะท่านได้วินิจฉัยเนื้อหาคดีแล้ว"
"ทีนี้ถามว่าน้องหนักใจมั้ย ผมไม่เห็นความหนักใจของน้อง เห็นแต่ความมุ่งมั่น เห็นสายตาของพ่อแม่ห่วงอนาคตลูกว่าจะเป็นยังไงต่อไปหลังจากนี้ แต่น้องเก้าไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร"
เขาได้พูดเรื่องส่วนแบ่งตั้งแต่เริ่มทำเอ็มวีตัวนี้มั้ย?
"เท่าที่ได้คุยกัน เขาคุยกันมาก่อน ในส่วนการลงทุน ส่วนแบ่งแล้วแต่จะตกลง แต่ถ้าไม่ได้ตกลงกันไว้ กฎหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าทุกคนมีส่วนเท่าๆ กัน เพราะงั้นเมื่อมีส่วนกันคนละครึ่ง ทำไมน้องไม่ถาม 50-50 เลย ถ้าไม่มีการคุยกันมาก่อน ผมไม่รู้ข้อเท็จจริงเขาคุยกันตอนไหนเมื่อไหร่ แต่อยากให้ตั้งข้อสังเกตว่าการที่คนๆ นึงทำงานแล้วรับเงินแค่หมื่นเดียว ขณะที่ตัวเองมีชื่อเสียง มีฐานแฟนคลับ ผลงานเป็นที่ประจักษ์ เขาได้รางวัลเดอะวอยซ์คิด ไปออกซูเปอร์เทน เยอะแยะมากมาย ก่อนเจอน้องเจนนี่ น้องลิลลี่ ฉะนั้นคนที่มีฐานเสียงแบบนี้ การรับเงินเพียงแค่ 1 หมื่นแล้วไปถ่ายมิวสิกวิดีโอไม่น่าเป็นไปได้ นี่มุมมองผมนะ ผมอาจคิดผิดก็ได้ จากประสบการณ์ที่ผมดูแลดารานักร้องศิลปินมาพอสมควร ผมเห็นสัญญาในหลากหลายรูปแบบ หลักๆ แบ่งเป็นสองอย่าง อันที่หนึ่งสัญญาศิลปินที่ไม่มีผลงาน ประเภทนี้เขาอยากได้ชื่อเสียง ให้เท่าไหร่เขาก็เอา เพราะเขาอยากให้มีคนดันเขา สองประเภทมีผลงานอยู่แล้ว ถูกแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนที่หนึ่งเขารับงานมาหนึ่งงาน รู้สึกว่าสินค้าชิ้นนี้ไปไกลแน่ เพลงนี้ไปไกลแน่ เขาจะรับเงินแค่บางส่วน แล้วไปกินเอาผลประโยชน์ในภายภาคหน้า"
"สองดูแล้วน่าจะฉาบฉวยไม่น่าจะไปไกล เขาจะเรียกตามเรตค่าตัว หรือตามที่เขาพอใจ ประเภทที่สาม เขามองว่าเอาสักครึ่งเดียว แล้วไปแบ่งเอาผลประโยชน์ที่อาจได้ในภายภาคหน้า เช่นแบ่ง 10-20 เปอร์เซ็นต์ แล้วแต่ตกลง ดังนั้นคนมีผลงานอยู่แล้ว ไม่น่ารับหมื่นเดียวเพื่อเป็นค่าจ้าง"
เขาอธิบายให้ทนายฟังมั้ย?
"เขาบอกว่ามีการจ่าย 1 หมื่นแต่เป็นค่าขนม เอาไปซื้อเสื้อผ้า และหมดไปหมื่นสองด้วยซ้ำ เอาไปถ่ายเอ็มวี 1 หมื่น เขามองว่ามันไม่ใช่ค่าจ้าง มองเป็นเงินที่ให้ไปซื้อเสื้อผ้า ซึ่งเขาไม่ได้ทำเป็นลายลักษณ์อักษร นี่แหละถึงทำให้ทะเลาะกัน เรียนว่าในลักษณะนิติกรรมสัญญาบางอย่าง กฎหมายกำหนดว่าต้องทำเป็นหนังสือ ต้องมีลายลักษณ์อักษร ต้องมีหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นลายมือชื่อ ไม่งั้นฟ้องกันไม่ได้"
เคสนี้ต่อให้ไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร เก้าก็ฟ้องร้องได้?
"ใช่ แต่ข้อตกลงอะไรก็แล้วแต่ที่คุยกันอาจจะไม่ตรงกัน ฝั่งนี้บอกพูด ฝั่งโน้นบอกไม่พูด ศาลใช้วิธีการชั่งน้ำหนักพยาน เอาสามัญสำนึกคนธรรมดานี่แหละมาตัดสินคดี จะรับมั้ยไปต่างจังหวัด 2 รอบ จากพัทลุงไปนครศรีธรรมราช 1 หมื่นเอามั้ย"
เขาอ้างได้มั้ยว่าเงิน 1 หมื่นเป็นค่าตัว?
"คำว่าค่าตัว ในทางกฎหมายต้องมีการตกลงกันมาก่อน ถามว่าเขาตกลงยินยอมด้วยมั้ยล่ะ 1 หมื่นหรือมัดมือชกเขาดื้อๆ เพื่อให้เห็นว่าเป็นหลักฐาน เป็นค่าจ้าง จะได้ไม่ต้องไปแบ่งส่วนแบ่งให้น้องหรือเปล่า นี่ผมตั้งข้อสังเกตไว้นะครับ"
เขาบอกให้อีก 2 หมื่นแต่เก้าโอนคืน?
"ให้เองหรือมีคนทวงก็ต้องไปสอบข้อเท็จจริง ประเด็นที่ผมถาม ทราบว่าคุณพ่อไปทวงสัญญาพอได้ 100 ล้านวิว เขาบอกว่าน้องถามตลอดว่าจะเอาเท่าไหร่ พอถามอย่างนี้พ่อเลยไม่รู้จะพูดยังไงต่อ เพราะไม่โอเคกันแล้ว หลังจากนั้นน้องเขาโอนให้น้องเก้า 2 หมื่น น้องเก้ารับไม่ได้ มันเหมือนไม่สมเหตุสมผล แล้วเรื่องนี้ก็เงียบไปนานแล้ว หลังจากนั้นใช้การออกหนังสือไปทวงถามแล้วเงียบกันไป จนเรื่องมันแดงขึ้นมานี่แหละ ไม่ใช่น้องเป็นคนเอาออกมานะ เขาอ้างว่าน้องเจนนี่ไปโพสต์ข้อความแล้วพ่อน้องเก้าถูกถล่มด่า เขาออกมาพูดข้อเท็จจริงในมุมตัวเอง"
เรียกร้องสิทธิ์อะไรได้บ้าง?
"ถ้าจะฟ้อง ก็ฟ้องเรื่องผลประโยชน์ที่น้องควรได้รับ สองในมุมที่สามารถทำได้ แต่น้องคงไม่ทำ เพราะไม่เกิดประโยชน์ทั้งคู่ คือน้องเก้ามีหน้าอยู่ในเอ็มวี น้องเขามีลิขสิทธิ์ศิลปินนักแสดงของเขา แต่เขาไม่ได้รับเงินค่าตัว เขามีสิทธิ์เรียกร้องในส่วนนั้น ให้หยุด ให้ลบได้หมด การเรียกร้องให้ลบไม่ได้เกิดผลดีทั้งน้องเจนนี่และน้องเก้าเลย ตรงนี้น่าจะมีจุดกึ่งกลางที่คุยกันแล้วให้ยุติด้วยดีทั้งสองฝ่าย ไม่งั้นผมบอกเลยว่าต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพัง อย่างนี้เรียกว่าเป็นหุ้นส่วนกัน ฝั่งนึงมีเพลงอยู่ในมือ มีนักร้องหญิงในมือ มีทุน ไปชักชวนอีกฝั่งมา ซึ่งมีน้ำเสียง มีฐานแฟนคลับ เอามาแมตซ์กันเพื่อให้เกิดเอ็มวีนี้ขึ้นมา"
กรณีอย่างนี้ จำนวนเงินควรอยู่ที่เท่าไหร่ที่น้องเก้าควรจะได้?
"การลงทุนทุกอย่างมีค่าใช้จ่าย ต้องไปแจกแจงออกมา แล้วเอาไปหักจากรายได้ที่เกิดขึ้น และรายได้ที่เกิดขึ้นในอนาคต สิ่งนี้ต้องเอามาแถลงกัน ภายใต้เงื่อนไขที่ศาลมองว่าเป็นหุ้นส่วนนะครับ ถ้าศาลมองว่าเป็นการจ้างก็จบข่าว ไม่ได้อะไรเลย"
เรื่องเงินค่าตัว 500?
"ต้องเรียนว่าผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ผมฟังจากสองฝ่าย หลายๆ รายการเขาบอกว่าจ่ายไปมากกว่านั้น เลยเป็นประเด็นปัญหา น้องก็แถลงข้อเท็จจริงบ้างว่าไม่ได้ให้นะ แต่ก็ให้บ้างในบางงาน ก็เลยตกลงว่าน้องให้หรือไม่ให้ ก็โอเค ผมไม่รู้หรอกว่าให้ 500 หรือเปล่า แต่หลักเกณฑ์โดยปกติคุณได้รับเงินจากรายการ คุณให้เขาเท่าไหร่ อันนี้ยังไม่เคยมีการพูดถึง ผมเชื่อก็ได้ว่าไม่ได้จ่าย 500 แล้วคุณจ่ายเท่าไหร่ หลักฐานอยู่ตรงไหน น้องต้องให้ข้อเท็จจริงตรงนี้ด้วย เรื่องการโปรโมตออกรายการถือเป็นรายได้นะครับ มันเรียกร้องได้ แต่พอไม่ได้ตกลงกัน มันก็จะยากนิดนึงในการนำสืบ น้องไม่ได้มุ่งไปว่าไปรายการได้เท่าไหร่ น้องไม่ได้พูดถึงตรงนี้ น้องพุ่งไปอย่างเดียวเลยคือลิขสิทธิ์ยูทูป"
สัมภาษณ์ "คุณประจักษ์ชัย ไหทองคำ" สนิทกับเจนนี่ส่วนตัวมั้ย?
ประจักษ์ชัย : "เคยร่วมงานกับน้อง ตอนที่น้องเข้ามาเบ่งบานใหม่ๆ สัก 4 ปีที่แล้ว รุ่นเดียวกับลำไย"
มองว่าเรื่องนี้ยังไง?
ประจักษ์ชัย : "ที่จริงน่าเห็นใจทั้งสองฝ่าย ต้องเข้าใจว่าคนนึงเป็นผู้สร้าง อีกคนเป็นผู้ร่วมงาน ผมก็ได้ดูโปรไฟล์น้องเก้า น้องก็มีมูลค่า มีความสามารถ น้องเจนนี่เป็นคนแต่งเพลงแล้วชวนมา มันเป็นการลงตัวด้วยกันทั้งคู่ อันนี้ไม่ได้เข้าข้างใคร และเมื่อคืนวานก็ได้ทักแชตไปคุยกับน้องเจนนี่ น้องก็รับฟัง และให้กำลังใจ ให้ข้อแนะนำว่าน้องนิ่งๆ จะดีกว่า ลดการกระทบกระทั่งกันโดยเอฟซี โดยตัวเองด้วย เราเป็นผู้ใหญ่ น่าจะถอยกันคนละครึ่งทาง แต่จะให้จอยกันคงจะยากเพราะไปไกลแล้ว แต่ก็อยากให้จบด้วยดี ทำงานสร้างผลงานมาดีกว่า"
เจนนี่ตอบว่าไง?
ประจักษ์ชัย : "น้องบอกว่าน้องเสียใจ และอยากพักเล่นโซเชียลสักพักนึงด้วยซ้ำไป ก็แนะนำว่าให้ลองไปวัด ไปทะเล ไปเที่ยวสักอาทิตย์นึง ถ้าออกตอบโต้กันมากมันก็จะเป็นประเด็นไม่จบ เหมือนผมที่เคยเป็นเหยื่อโซเชียล มีทั้งคุณและโทษ ถ้าเราขาดสติ บางครั้งก็เป็นเหยื่อด้วย ผมก็ให้ข้อคิดน้องไป"
คิดว่าเรื่องนี้ใครผิดใครถูก?
ประจักษ์ชัย : "มันไม่มีบรรทัดฐานถูกผิด ตอนนี้ไม่มีใครผิดข้อกฎหมาย เพราะเป็นข้อตกลงระหว่างกัน เป็นน้ำใจที่ให้กันก็ได้ เรื่องของเรื่องน้องไม่ได้เซ็นสัญญา ตอนนั้นเปิดค่าย มันดังตามหลังเหมือนกับไหทองคำนี่แหละ เหมือนเราเป็นเน็ตไอดอลแล้วมีกระแสในโซเชียล มีการจ้าง เป็นพรีเซ็นเตอร์จริ เลยเปิดบริษัทตามหลังมา ตอนแรกก็ยังไม่ได้คิดไกลไปขนาดนั้นว่าเพลงนี้มันจะได้ 350 ล้านวิว เท่ากับว่าเป็นข้อตกลง ใจซื้อใจกันนั่นแหละ แต่มันก็อยู่ที่จริยธรรม น้ำใจที่มีต่อน้อง อย่างนี้มากกว่า ไม่มีใครผิดใครถูกกับเคสนี้"
ทนายคิดว่าเรื่องนี้จะจบลงด้วยดีได้มั้ย?
"ณ วันนี้ถ้าขึ้นศาลไปอย่างที่บอก ต้องมีฝั่งหนึ่งฝั่งใดที่ดับ แต่ไม่รู้ว่าใครแค่นั้นเอง ผมชอบคำว่าอย่าติดกับดักโซเชียล คำนี้อันตรายมาก ใจจริงอยากให้มาคุยกันด้วยซ้ำ"
ในฐานะเป็นตัวแทนเก้า พูดกับเจนนี่ได้ อยากพูดอะไร?
"ผมอยากให้น้องลองตั้งสติก่อน น้องเป็นค่ายเพลงแล้ว ถ้าอยากไปต่อและมีอนาคตที่ไกลกว่านี้ พี่เชื่อว่าผลงานน้อง มีฝีมืออยู่แล้ว มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ น้องมีอนาคตที่ไกลกว่านี้ ถ้ารู้จักการเลี้ยงคน เหมือนต้นไม้ ถ้าเลี้ยงดี ต้นไม้ก็โตไว แค่นั้นเองคือหลักการ"