xs
xsm
sm
md
lg

"อั๊ต อัษฎา" เปิดใจไม่มีแฟน เพราะถูกสาปให้โสดตลอดชีวิต

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี แต่กาลเวลาทำอะไรหนุ่ม "อั๊ต อัษฎา พาณิชกุล" ไม่ได้เลยจริงๆ ยังหล่อเหลาไม่เปลี่ยน ล่าสุดเจ้าตัวมาออกรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 เผยถึงเคล็ดลับหน้าเด็ก พร้อมอัปเดตชีวิตการทำงาน และหัวใจที่ตอนนี้ยังไม่มีแฟนเพราะถูกสาปให้โสดตลอดชีวิต

ดูแลตัวเองอย่างไร ถึงได้ดูอ่อนวัยขนาดนี้?
"ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบใช้ของออร์แกนิค อะไรที่เป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติจะชอบ เวลาที่เพื่อนๆ มาบ้านเขาจะตกใจในสิ่งที่เขาเห็นในห้องน้ำ เพราะเขาคิดว่าเราจะใช้แบรนด์ แต่ทุกอย่างกลับเป็นสมุนไพรหมดเลย ยาสระผม หรือครีมล้างหน้าที่เราใช้ก็จะเป็นของที่มาจากธรรมชาติหมดเลย แล้วอีกอย่างคือที่บ้านหน้าเด็กหมดเลย เพราะว่าป๊ากับแม่ทุกคนหน้าจะต้องลบไป 10 ปี ตอนนี้ ป๊าอายุ 82 แต่ว่าคนที่มาเจอ ป๊า คิดว่าเขาน่าจะประมาณ 70 ผมคิดว่าครอบครัวของผมเป็นครอบครัวที่อารมณ์ดี และน่าจะเป็นที่กรรมพันธุ์"

รูปร่างหน้าตาแบบนี้ จริงๆ มีมุมที่เป็นข้อด้อย เป็นปมในใจที่โดนล้อมาตลอดว่าผอมเกินไปเป็นกุ้งแห้ง?
"จริงๆ โดนล้อมาตลอด สมัยที่โตที่อเมริกา คือจะเป็นตัวเล็กสุดในชั้น ในโรงเรียน เราก็จะมีฉายาเลยเพราะเขาจะเรียกเราว่า ตัวเล็ก หรืออีกชื่อ ไอ้เกี๊ยวแห้ง เวลาเขานึกถึงคนเอเชียเขาก็จะนึกถึงเอเชียเขาก็จะนึกถึง เกี๊ยวทอด ปอเปี้ย ครับ:

พอเราโดนล้อตอนนั้น เราเลยอยากจะอ้วนเลยเหรอ?
"พอเรามาถึงจุดหนึ่งในชีวิตที่เราสามารถให้มันอ้วนได้ เพราะว่าตอนที่เล่นละคร คือก่อนที่เราจะไปทำงานที่สิงคไปร์ เรากินเวย์ กับโปรตีน แค่อยากรู้ว่าเราจะเพิ่มน้ำหนักได้ไหม มีช่วงหนึ่งที่เพิ่มได้เพิ่มมาประมาณ 4 กิโลฯ จริงๆ แล้วมันตลกนิดนึง คือเวลาเรากินเราต้องออกกำลังกายด้วยไง แต่เรากินแล้วมันก็เริ่มบวมๆ เราก็ออกกำลังกายแต่มันก็ต้องๆ ฟิตๆ แต่ช่วงนั้นเราไม่ได้ฟิตมาก ท้องของเราก็จะป่องๆ มาก จำได้เวลาที่เราเดินไปไหนมาไหนตอนนั้นเรายังมีความซ่าอยู่เวลาเราเจอพี่ๆ เราก็จะเปิดเสื้อให้เขาดูว่าให้เขาเห็นว่าเราอ้วนแล้วนะ พี่ๆ เขามองแล้วทำหน้าขยะแขยงมาก ทำให้เรารู้ว่าจริงๆ คนเราไม่มีความพอดี คนอ้วนอยากผอม คนผอมอยากอ้วน"

ช่วงหลังนี้หายหน้าหายตาไป หลายคนเข้าใจว่ายังทำงานอยู่สิงคโปร์อยู่ แต่จริงๆ แล้วเรากลับมาอยู่ที่เมืองไทยแล้ว แต่ทำไมเรายังไม่ค่อยได้เห็นหน้าอั๊ตเท่าไหร่?
"น่าจะเป็นเพราะว่าผลงานที่อยู่หน้ากล้องจะไม่ค่อยได้เห็น แต่จริงๆ ผมกลับมาได้สักประมาณ 4-5 ปีแล้ว แล้วก็ที่หายไปไม่ได้ไปไหน แต่ไปอยู่เบื้องหลังซะส่วนมาก เป็นการบริหารงานพวกคอนเทนต์ครับ ตอนที่กลับมาแรกๆ คือมาบวช และหลังจากบวชคือเราทำงานให้กับช่องภาษาอังกฤษประมาณ 2 ปี แล้วต่อมาเราก็ได้มาบริหารเกี่ยวกับคอนเทนต์ หลังจากนั้นเราก็กลับไปที่สิงคโปร์ กลับไปเป็นที่ปรึกษา พอกลับมาที่ไทยอีกครั้งเราก็ได้ทำงานให้กับ JOOX ที่เป็นแอปเกี่ยวกับเพลง แต่ในส่วนที่เราทำคือในส่วนของอีเวนต์ แล้วก็หลังจากนั้นเราก็ไปทำงานให้กับทาง TRUEID แล้วก็ได้ออกก่อนช่วงโควิด" 

ช่วงที่หายไปอั๊ตไปทำงานออฟฟิศ?
"ใช่ครับ เลยทำให้การทำงานเบื้องหน้าของเราน้อยลง เพราะเราต้องไปโฟกัสงานประจำแบบเต็มที่"

รู้สึกไหมว่าไม่สนุกเลยที่ไปทำงานออฟฟิศ เพราะทำงานในวงการบันเทิงสนุกกว่า อิสระกว่า ได้เงินเยอะกว่า เราเคยคิดแบบนี้ไหม?
"จริงๆ ในแต่ละงานที่ทำ เราก็ได้มีการแบ่งเวลา เพื่อมาทำคอนเทนต์ บางคอนเทนต์เราก็ออกมาทำหน้าที่พิธีกรกับน้องที่เรากำลังปั้น ก็ไม่ได้หายไปซะทีเดียว ก็ใช้ความรู้ความสามารถที่เรามีถ่ายทอดให้กับน้องๆ อีกครั้ง ตอนที่ทำ JOOX เหมือนกับเป็น TV กับ Channel V สมัยก่อนเพราะเรามีการไปสัมภาษณ์ บุกห้องซ้อม หรือ มีการไลฟ์แบบสดด้วยการเอาศิลปินมาสัมภาษณ์ เราก็ลงไปเป็นพิธีกรช่วยด้วยตรงนั้นในบางครั้ง เพื่อประกบน้องที่เป็นพิธีกร"

แต่มีคนเม้าท์มาว่าอั๊ตเป็นที่ตั้งใจทำงานมาก และดุมากด้วย ลูกน้องกลัวมาก จริงหรือเปล่า?
"ไม่จริง เราคิดว่าเราเป็นเจ้านายที่ใจดี แต่มันก็มีบางอารมณ์ที่ดุมาก ถ้าเราต้องพูดอะไรย้ำแล้วย้ำอีกแล้วไม่เข้าใจ คือเราเข้าใจภาพลักษณ์ของเราที่ใจดีมาก แต่พอบางทีที่มันอัดอั้นมากๆ มันก็มีเหตุผลนะครับ ไม่ได้วีนเหวี่ยง อะไรเลยครับ" 

การที่เราเป็นคนตั้งใจทำงานแบบนี้ และได้งานดีๆ ตลอด เพราะเราเป็นคนที่วิ่งเข้าหาโอกาสเสมอ? 
"ใช่ครับ เพราะเราอาจจะถูกปลูกฝังมาตลอดตั้งแต่ตอนที่เราอยู่เมืองนอก คือพ่อแม่เราเขามีร้านอาหารไทย เขาก็จัดให้เราเป็นเด็กล้างจานก่อน ตั้งแต่อายุ 8-9 ขวบ แล้วค่อยให้เรามาเสิร์ฟ แล้วก็มาดูแลร้านต่อ ตามวัย ทำให้เรารู้จักเคารพทุกคน ทุกด้าน และทำให้เรารู้จักเลเวลของการทำงานเป็นยังไง กว่าที่เราจะได้โอกาสทำงานที่ MTV คือไม่ได้มาง่ายๆ เลย ในยุคหนึ่งที่เป็นเทป VHS ที่เป็น VDO ใหญ่ๆ เราส่งจากที่นี่ไปสิงคโปร์ เพื่อหาที่จะเปิดโอกาสให้กับตัวเอง เราสมัครไปเอง พรีเซ็นตัวเองไป ก็ไม่มีใครตอบกลับมานะ แต่ก็มีแคสติ้งเราก็บินไปที่สิงคโปร์ แต่เราก็ไม่ได้เพราะว่าเราพูดภาษาจีนไม่ได้ มันก็เหมือนว่าในทุกๆ งานที่เรากว่าจะได้มา ถ้าเราอยากได้จริงๆ ต้องมีความมุ่งมั่น" 

ตอนนี้สถานะหัวใจคืออะไร?
"โสดครับ ถ้าโสดแบบธรรมชาติ มันก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะโสด เราเป็นคนที่เฟิร์สบ่อยมาก แต่ที่โสดก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงโสด ตอนนี้ยังไม่มีใคร" 

ไม่มีคนเข้ามา เราไม่มองใคร หรือเราตั้งใจไม่มีแฟน อยากอยู่คนเดียว?
"โดยนิสัยพื้นฐานคือเป็นคนที่อยู่คนเดียวได้ เพราะว่ามีโลกส่วนตัวสูง เพราะตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว ดีกรีของความเหงาของตัวอั๊ตเอง จะไม่ได้มีเท่าคนอื่นเขา เหมือนอย่างช่วงนี้โสดก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นอะไรมาก โสดได้" 

จริงหรือเปล่าที่มีคนสาปแช่ง ไม่ให้มีแฟนตลอดชีวิต? 
"ใช่ โดนสาป ที่เรารู้สึกเพราะถ้าเป็นคนอื่นสาปเราจะไม่ค่อยรู้สึกอะไรนะ แต่คนที่สาปเราคือคุณแม่ คือคุยกับแม่เล่นๆ แม่เขาบอกเราว่าเขาไปดูดวงมาว่าลูกจะไม่มีดวงมีคู่ จะไม่มีแฟนเพราะหน้าที่ของลูกคือดูแลพ่อแม่ คือตอนที่เราได้ยินแม่พูดตอนนั้นเราเอ๋อเลย แม่พูดได้ยังไง" 

เชื่อในคำสาปแช่งนั้นไหม? 
"ไม่เชื่อครับ คือที่บอกว่าโสดไม่ใช่ไม่มีใครเลยนะครับ ไม่ได้เปิดหัวใจนะ แค่ช่วงนี้มันโสด แต่ถ้ามีใครเข้ามาก็โอเค"

ใครคนนั้นที่จะเข้ามาในชีวิตเราได้ต้องเป็นคนแบบไหน? 
"ชอบผู้หญิงเก่ง กล้าแสดงออก ชอบผู้หญิงที่มีความเป็นผู้หญิง ชอบผู้หญิงที่กล้าแสดงความคิดเห็นที่สามารถพูดคุยคิดร่วมไปกับเราได้ ที่มีความคิดเป็นของตัวเอง สมัครมาได้เลยนะครับทางอินสตาแกรมของผม DM มาได้เลยนะครับ"

ติดตามชมรายการ ต้มยำอมรินทร์ ย้อนหลังได้ทาง YouTube : https://youtu.be/O99HhSgb7f4 








กำลังโหลดความคิดเห็น