เปิดใจ “มี้ พิศมัย” อายุ 81 แต่ความจำยังเป็นเลิศ ขับรถเองได้ ลั่นฝึกสมองไปในตัว เผยสุขภาพตามวัย ผ่ามาแล้วทั้งตัว บอกเชื่อแต่หมอไม่เชื่อยาโฆษณา โอดไม่กล้าดึงหน้าศัลยกรรม หวั่นกระทบละคร กลัวหน้าเพี้ยน เล่นแล้วคนดูไม่เชื่อ ชมเด็กรุ่นใหม่เก่ง ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่แนะให้รู้จักตรงเวลา มีวินัย อย่าคิดว่าเขาจ้างเพราะเรายิ่งใหญ่
เป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ที่คนในวงการให้ความเคารพรักกันทุกคน สำหรับ “มี้ พิศมัย วิไลศักดิ์” ที่ตอนนี้แม้จะเข้าวัย 81 ปีแล้ว แต่ยังแข็งแรง สุขภาพดี หน้าตาสดใส ซึ่งมี้ พิศมัยเผยว่าเคล็ดลับไม่มีอะไรมาก แค่ปล่อยวาง และไม่เครียด ส่วนเรื่องการดูแลผิวหน้าด้วยครีมบำรุงต่างๆ ก็ใช้ปกติ แต่ไม่กล้าไปศัลยกรรมดึงหน้าตึง บอกกลัว และหวั่นคนจะไม่อินกับการแสดง
“อยู่ที่ใจนะคะ ความไม่เครียดนี่สำคัญ เราทำใจสบายๆ เรารู้ว่าอะไรมันต้องเป็นอะไรอยู่แล้ว เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว เราก็รับได้ในสิ่งนั้นๆ ค่ะ ไม่คิดเรื่องอะไรให้มันมาก ปล่อยวางไปเลยค่ะ แล้วก็พวกครีมก็มีใช้ด้วยค่ะ ดูแลปกติ กลางคืนก็มีทาครีม ครีมทาใต้ตาดำ บางทีก็นั่งนวดหน้าเอง แล้วก็เอาประคบเย็นมาประคบหน้าให้หน้าสบายแต่อย่างอื่นไม่ได้ทำค่ะ กลัว (หัวเราะ) กลัวหน้าเพี้ยน คือมันก็ตามวัยนะคะ ริ้วรอยมันก็ต้องมีแหละ แต่ทำยังไงได้ล่ะอยู่มาจนป่านนี้แล้ว ถ้ายิ่งไปทำให้มันตึงคนก็จะไม่เชื่อ จะมาเรียกเราย่าก็ไม่ได้ เป็นย่าแล้วก็ต้องตามวัย เวลาเราแสดงมันก็รู้สึกอบอุ่น สมกับเป็นย่า แต่ถ้าเกิดหน้าสวยมันก็เล่นอะไรไม่ค่อยออก (ยิ้ม)
ถามว่าเรื่องโรคภัยไข้เจ็บอะไรต่างๆ มันทำให้เครียดไหม ไม่เลยค่ะ อย่างเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมามี้ก็เพิ่งไปผ่าลำไส้ ก็กำลังถ่ายๆ ละครนี่แหละ ทีนี้ไปทานอาหารรสจัด รสเผ็ด มันปวดท้องมาก ปวดตั้งแต่ตี 3 พอมาที่กองถ่ายก็ปรึกษาพี่ต๊งเหน่ง (รัดเกล้า อามระดิษ) เขาก็บอกให้ไปหาหมอ กองถ่ายก็พาไป จากนั้นก็ยาวเลย ปวดท้องไม่หยุด คุณหมอก็ให้ผ่าตัดเลยไปผ่าที่โรงพยาบาลศิริราชค่ะ ก็หยุดงานไปสองเดือน เป็นช่วงโควิดพอดีเลย ตอนนี้พอหายก็เลยได้กลับมาทำงานใหม่ค่ะ”
เชื่อแต่หมอไม่เชื่อยาโฆษณาเลอะเทอะ ตอนนี้ก็ยังขับรถเอง ถือเป็นการฝึกสมองตัวเองด้วย
“มี้เป็นคนดูแลตัวเองค่ะ เป็นอะไรนิดหน่อยก็ต้องไปหาหมอ พบหมอตลอด ไม่คิดเองทำเอง ไม่เชื่อยาอะไรเลอะๆ เทอะๆ (หัวเราะ) หมอดีที่สุด นี่ก็ 3 เดือนพบหมอครั้งนึง ยาที่โฆษณาต่างๆ มี้จะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เราทานแต่ยาที่หมอสั่งค่ะ ตอนที่ทราบว่าต้องผ่าตัดกลัวไหมเหรอ ไม่กลัวเลยค่ะ มี้เคยผ่าเข่าแล้ว ผ่าหลังแล้ว ผ่าหมดเลย ก็ไม่เป็นอะไร อยู่ที่ว่าเราดูแลตัวเองและเรามั่นใจในตัวหมอก็จบค่ะ หมอแนะนำอะไรมาเราก็ระวังตัวอย่างผ่าเข่ามาเราก็คุกเข่าไม่ได้ ทางกองถ่ายก็เข้าใจ แต่อย่างอื่นก็ทำได้หมด เดินเหิน ขับรถเองได้ปกติ
ขับรถเองมาตลอดค่ะ พอหมออนุญาตว่าขับได้ก็ขับเลย เพราะมี้ชอบช่วยเหลือตัวเอง แต่เดี๋ยวนี้ถนนหนทางเยอะนะคะ ไปเมืองนนท์นี่โอ้โห ทำไมสะพานมันเยอะจังเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวเลย ถ้าขึ้นผิดมันก็ไปไหนต่อไหนก็ไม่รู้ เราก็ต้องคอยดูป้าย ค่อยๆ ขับไป บางทีขับเลยบ้างอะไรบ้าง น้ำมันต้องเต็มถังไว้ก่อน (หัวเราะ) อันนี้สำคัญเลย น้ำมันเต็มถังก็ไม่กลัวแล้ว จะไปไหนก็ได้ บางทีไปตามป้ายก็ไปโผล่ที่โน่นที่นี่ (หัวเราะ) คือป้ายบางทีบอกพระราม 2 แต่มันยาวไง เราก็ไม่รู้จะไปทางไหน
ก็ไปไหนมาไหนเองปกติค่ะ แต่ในกรณีที่ไปต่างจังหวัดก็ไม่กล้าขับ มันยาวไป แต่ถ้าปริมณฑลไม่เกิน 80 กิโล ก็ขับได้ แต่ถ้าทีมงานเขาส่งเป็น google map มา มี้ก็ดูไม่เป็นนะ ขอให้เขาส่งเป็นภาพแผนที่มาดีกว่า แล้วก็ใช้โทร.ถามว่าเจอตรงไหนๆ แต่ถ้ามันไกลนักก็ไปกับรถตู้กองถ่ายก่อน ให้พอรู้ว่ามันอยู่ตรงไหนๆ จากนั้นก็ไปเอง
จริงๆ เพื่อนๆ ก็เป็นห่วงนะ พี่จิ๋ม (มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช) เขาก็เป็นห่วง บอกว่ามี้ขับรถอีกแล้วเหรอ รถกองถ่ายก็มีอะไรก็มี ทางบรอดคาซท์ฯ ก็บอกว่ารถตู้มีมี้ไม่เคยไปเลย ทางกองถ่ายช่องวันก็มีรถตู้ไปรับไปส่งค่ะ แต่เราไม่ชอบ เพราะเราของเยอะ ขยะเยอะ (หัวเราะ) เราเตรียมพร้อมของเราทุกอย่างโดยที่เราไม่ต้องไปรบกวนกองถ่าย ก็แลดูของเยอะ ทีนี้ถ้าเกิดเราไปกับเขาก็จะหอบของเยอะไป เดี๋ยวลืมนั่นลืมนี่ ก็ไปเองดีกว่า สบายใจดี”
เผยมีโรคประจำตัวตามปกติแบบคนสูงอายุทั่วไป แต่ก็เชื่อฟังหมอทุกอย่าง
“เรื่องสุขภาพก็ต้องไปเช็กต่อเนื่องค่ะ เพราะเราวางใจไม่ได้หรอกอายุมากแล้ว อีกอย่างเราขับรถด้วย บางทีขับกลางคืนด้วย แต่ก็ผ่าตัดตามาเรียบร้อย บทก็อ่านได้สบายค่ะ มี้ก็จะคอยเช็กตัวเองนะ ขับรถไปก็บวกเลขไป ใช้สมองไปด้วย เพราะถ้าเราไม่ขับรถเลยมันจะโง่นะคะ ขับออกมาไม่รู้จะไปทางไหน ป้ายมันก็เหมือนๆ กัน แต่ไปเลี้ยวทางไหนก็ไม่รู้ เดี๋ยวนี้ยุ่งมาก แล้วถนนหนทางก็ทำทุกถนนเลยวันนั้นไปเส้นพระราม 2 กว่าจะไปถึงสมุทรสงคราม โอ้โห ติดตลอดทาง ติดช่วงทำถนนหมดเลยทุกที่
โรคประจำตัวก็มีพวกคอลเลสเตอรอล ความดัน อายุมากแล้วมันก็ต้องเป็นทุกคน เราก็จะคอยเช็กไม่ให้เกิน เพราะช่วงนี้ฝนฟ้าตกด้วยก็ยิ่งระวังเข้าไปใหญ่ ฝนบ้าง แดดบ้าง แอร์บ้างมันทำให้ร่างกายเราบางทีก็ไม่ไหว ต้องคอยดูแล แต่ตอนนี้ออกกำลังกายไม่ไหวแล้ว เมื่อก่อนยังเล่นโยคะ แต่ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว แม้แต่นวด หมอยังไม่ให้นวดเลยเพราะร่างกายเรามันของปลอมแล้วนี่ เราผ่าตัด เขาก็ใส่ของปลอมเข้าไป ก็ต้องระวังเรื่องการเดิน กลัวที่สุดคือล้ม ล้มนี่เลิกกันเลย แต่พอเล่นละครก็ลืมตัวทุกที (หัวเราะ) แต่เวลาเล่นเสร็จทางกองเขาก็จะดูแลดี ไม่ว่าจะกองไหนเขาก็ให้ความอบอุ่นเราตลอดเลย ก็จะมีทีมงานเด็กๆ มาคอยดูแล ทำให้มากองแล้วอบอุ่น สนุก ถ้าอยู่บ้านนี่โง่ตาย บางทีเราเล่นมือถืออะไรไม่เข้าใจเราก็ถามเด็ก เราก็พัฒนาไปเรื่อยๆ”
บอกวงการบันเทิงเปลี่ยนไปมาก สมัยนี้ความสะดวกสบายมีทุกอย่าง
“วงการบันเทิงสมัยนี้กับเมื่อก่อนต่างกันมากเลยค่ะ รุ่นสมัยมี้ทุกอย่างต้องทำเอง แต่งหน้าเอง ทำผมเอง เสื้อผ้าหอบไปเอง ฉากต่อเนื่องก็ต้องเขียนเอง วาดรูปเองตลอด เรื่องแผนที่นี่ไม่มีหรอก สมมติกองถ่ายเขานัดที่สระบุรี บอกเจอกันตรงนี้นะ เราก็ไปกับกอง ทีนี้ไปเขาไหนล่ะ พอวันต่อไปเราถึงจะไปถูก ก็ไปเอง หรือไปศรีราชานัดตรงนี้นะ มาพร้อมๆ ปุ๊บก็ตามกันไป แต่ถนนหนทางเมื่อก่อนรถก็ไม่ติดอย่างนี้ เดี๋ยวนี้นะ โอ้โห อย่างวันนี้นัดเช้านะ รู้ไหมลาดพร้าวเช้าๆ นี่ติดจะตาย ทางด่วนก็ติดแล้ว
แต่เรื่องของความทันสมัยมันก็ดีขึ้นค่ะ เรามีมือถือสามารถดูไปไหนมาไหนได้ เด็กรุ่นใหม่เขาโชคดี เรามากองถ่ายนี่เขาเตรียมให้หมดเลย ตั้งแต่แต่งหน้า ทำผม อาหารการกินดูแลหมด แต่สมัยก่อนมีกับข้าวอย่างเดียวนะ แกงหม้อ ข้าวหม้อ เพราะไม่สามารถเอาครัวไปได้ แต่เดี๋ยวนี้เขายกครัวกันไปเลย พอช่วงนี้มีโควิดก็เป็นอาหารกล่อง มีการป้องกัน ก็ควรจะเป็นอย่างนั้นนะ มี้ก็ยังใส่หน้ากากอนามัยอยู่นะ แต่บางทีแผ่นมันหนาเวลาไปซื้อของทีมันก็ร้อนนะ พอขึ้นรถได้ถอดแทบไม่ทันเลย หายใจไม่ออก พอหายใจแล้วลมมันตีขึ้น แต่เดี๋ยวนี้ยุคโควิดนะ การดูแลตามกองถ่ายเขาก็ดี ทุกกองแหละค่ะมีวิธีป้องกันอย่างดี แม้กระทั่งห้องน้ำ จะเข้าก็มีสเปรย์ฉีด การกินข้าว พอกินเสร็จก็จะฉีดสเปรย์เช็ดโต๊ะทันที เพราะถ้าเป็นคนนึงก็จะลามกันไปหมด
จุดไหนที่รู้สึกขัดใจว่าสมัยก่อนดีกว่าสมัยนี้เหรอคะ มันขัดใจไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเราต้องเข้าใจในยุคไหนๆ อย่างเด็กรุ่นใหม่เขามีวิธีการเล่นยังไง เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เขาตามเรา แต่เราต้องตามเขา ยุคมันเปลี่ยนไป ผู้กำกับก็รุ่นใหม่ ยุคเรามันก็เชยไปแล้ว ดังนั้นเราก็ต้องตามสมัย ดูเด็กๆ เล่น แม้กระทั่งภาษาศัพท์ใหม่ ศัพท์วัยรุ่นนี่บางทีเราก็ยังไม่เข้าใจ ก็จะถามเขาว่าแปลว่าอะไร เดี๋ยวนี้เขามีศัพท์แสลงเยอะ แปลก ถ้าอยู่บ้านก็ไม่รู้เรื่องสิ”
ฝากถึงนักแสดงรุ่นใหม่ให้มีวินัย เรื่องตรงต่อเวลาสำคัญมาก
“สำหรับเด็กรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้ก่อนที่เขาจะเข้ามาเขาก็จะมีคนอบรม มีผู้จัดการมา อย่างมี้ไม่เคยมีผู้จัดการ ก็ทำด้วยตัวเองตลอด ก็จะมีคติอยู่ว่านัดเวลาไหนก็มาตามนั้น ต้องตรงเวลา หรือต้องก่อนเวลา ไม่ให้งานเขาเสีย แล้วยิ่งเดี๋ยวนี้การเดินทางก็ยากกว่าเมื่อก่อน จะว่ายากก็ไม่ยาก เพราะถนนมันดีขึ้น เพราะสมัยก่อนมี้ไปสระบุรีใช้เวลา 3 ชม.นะ เป็นทางลูกรัง ขี้ฝุ่นนี่อย่าบอกใครเลย แต่เดี๋ยวนี้ไปสระบุรีชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงแล้ว มี้ไปเชียงใหม่เมื่อก่อนนี่นานมาก เดี๋ยวนี้ลืมตาตื่นก็ถึงแล้ว มันพัฒนาดีกว่าแต่ก่อนเยอะเลยค่ะ เดี๋ยวนี้มีสะพานทางลัดไปไหนก็ได้ ถ้าไปเป็นนะ (หัวเราะ) แต่เราก็ต้องตามเขา รุ่นเรานี่ต้องตามเด็ก
สิ่งที่จำเป็นสำหรับนักแสดงคือเรื่องเวลา สำคัญมาก ถ้ามาตรงเวลางานเขาก็เร็ว ค่าใช้จ่ายกองเขาก็เยอะ ทีมงานก็เยอะ ค่าเช่าบ้าน ค่าอาหารการกิน ค่าอะไรจิปาถะ กองเขาก็เลี้ยงดูเราดี แต่ถ้าเรามาช้า สมมติเขานัด 7 โมง แต่มาซะเที่ยงเนี่ย แทนที่เขาจะได้ฉากที่เขากำหนดไว้ว่าต้องได้กี่ฉากๆ มันก็ทดไปอีก ก็จะไปกินค่าใช้จ่ายในวันต่อไป ก็อยากจะให้คำนึงถึงตรงนี้ อย่าไปนึกว่าเขาจ้างเราแล้ว เราใหญ่ ไม่ใช่นะ ถ้าวันนึงเขาไม่จ้างเราแล้วก็อยู่บ้านสิ เราก็ต้องทำงานที่เขากำหนด เพราะทุกคนเขามากันพร้อมนี่
เรื่องบทก็สำคัญ จะมากองก็ทำการบ้านหน่อยไม่ใช่มาดูหน้าฉาก แต่เด็กๆ รุ่นใหม่นี่เขาเก่ง เขาอ่านมาจากบ้าน แต่เรานี่ความจำมันไม่ได้แล้ว ต้องหมั่นดู ไม่ใช่ให้เด็กมารอเรา เราจะไปเหมือนก่อนมันไม่ได้ ความจำเราสั้นลงแล้ว เราต้องทำการบ้าน มี้ต้องขอบทมาอ่านก่อนเลย เพื่อไม่ต้องเป็นภาระเวลาถ่าย แต่เด็กๆ เขาดูแป๊บเดียวก็ได้แล้ว สมัยก่อนมี้ก็เป็นอย่างนี้แหละ เล่นเรื่องแรกพูดได้เป็นหน้าๆ เลย 3-4 หน้าก็สบาย แต่เดี๋ยวนี้ต้องใช้เวลา นักแสดงรุ่นใหม่ตอนนี้ไม่น่าห่วงหรอกค่ะ ฝีมือเขาก็พัฒนา อยากจะเล่นเป็นตัวอะไร พูดเหน่อพูดอะไรเขาก็ไปฝึก มีเจ้าหน้าที่คอยฝึกให้ เด็กก็พัฒนา ถ้าจะตั้งใจมาทำงานตรงนี้นะ ไม่ใช่ว่าเข้ามาที่นี่คุณจะเข้ามากอบโกย ไม่ใช่ คุณต้องทำให้ดี เล่นอะไรก็ต้องให้เขาเชื่อ”