xs
xsm
sm
md
lg

มูเตลูกว่าค่อนชีวิต “เชน” บ้าน ธุรกิจ ยันเรื่องลูกได้มาเพราะความเชื่อ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เชน ธนา” แลกชีวิตส่วนตัวเพื่อบ้านหรู ราคา 147 ล้าน ตกแต่งอีกกว่า 33 ล้าน ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามคำแนะนำซินแสและความเชื่อ สั่งเฟอร์นิเจอร์อิมพอร์ตจากต่างประเทศ บอกฝันแปลก ให้โชคถูกหวยแทบทุกงวด ส่วนที่ต้องจัดงานขึ้นบ้านยิ่งใหญ่อลังการ ปาร์ตี้ยาวเกือบ 7 วัน เพราะความเชื่อเช่นกัน ลั่นปี 65 เตรียมมีทายาทเพิ่มอีกคน ดวงไม่ชงพ่อแม่

ถูกยกให้เป็นเสี่ยเชน สำหรับอดีตนักร้องหนุ่ม “เชน ธนา ลิมปยารยะ” ที่ตอนนี้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชื่อดังอย่างอมาโด้ กวาดยอดขายถล่มทลายในตลาดมานาน ล่าสุดก็จัดงานฉลองยอดขายทะลุพันล้านไปเป็นที่เรียบร้อย โดยเจ้าตัวเปิดใจพร้อมภรรยาสาว “เจมส์ กณิการ์ ภูศรี” ว่ากว่าจะมาได้ขนาดนี้ พร้อมมีบ้านราคา 147 ล้านบาทได้ เพราะความเชื่อล้วนๆ

เชน : “จริงๆ ถ้าพูดเรื่องบ้านจะพยายามไม่พูด เพราะว่าช่วงนี้ต้องให้กำลังใจคนไทยมากกว่า เพราะว่ามีเรื่องความเครียด ความกังวล แต่ถ้าไฟนอลจริงๆ ตัวบ้านที่ซื้อเมื่อปี 2560 ก็คือ 147 ล้านครับ ส่วนตกแต่งรวมก็ประมาณ 33 ล้าน แต่ผมแจ้งตรงๆ ก่อนตอนแรกที่เราตัดสินใจซื้อตอนนั้นเรายังเด็ก เราคิดว่าไหว ตอนนั้นธุรกิจเพิ่งเติบโตก็เลยกัดฟันลองซื้อดู แต่จริงๆ ในช่วง 3 ปีนี้ถ้าใครติดตามชีวิตผมกับภรรยาก็คือไม่ได้เที่ยว ไม่ได้พักเลย ตลอดพันกว่าวันคือถวายชีวิตทำงาน ก็มีล้มลุกคลุกคลานหลายครั้งมากกว่าจะได้ย้ายเข้าบ้านครับ”

เจมส์ : “ใช่ค่ะ เพราะก่อนที่จะย้ายเข้าบ้าน เรานอนที่ออฟฟิศ ทุกครั้งที่ตื่นมาก็ต้องทำงานเลย เราก็ยอมแลกกับชีวิตที่จะเป็นส่วนตัวของเราออกไปเพื่อบ้านหลังนี้ค่ะ”

เชน : “วันทำบุญขึ้นบ้านเหมือนจัดงานแต่งย่อมๆ เลยใช่ไหม (ยิ้ม) คือก็ถือว่าเป็นความเชื่อแล้วกัน คือ ซินแสที่เรารบกวนเขามาตลอดก็จะมีความเชื่อว่าการเข้าบ้านต้องอยู่ให้ครบ 168 ชม. ในการขนเงิน ขนทอง ขนพระพุทธเข้าไป เราก็เลยยึดตามประเพณีโบราณที่ซินแสแนะนำมาครับ บ้านนี้ก็ยอมรับว่ามูเตลูเยอะครับ จริงๆ ก่อนซื้อซินแสก็ดูแล้วล่ะว่าไหวไหม ซึ่งก็ได้ เราก็ตัดสินใจทุบบางมุมเพื่อเสริมบางมุม”

เจมส์ : “เราก็เอามุมที่ดีที่สุดมาเป็นห้องทำงานบ้าง ห้องนอนบ้าง”

เชน : “อันนี้ความเชื่อล้วนๆ เลย ก็คือกินดีอยู่ดี 7 วัน แล้วก็ห้ามไปนอนที่ไหน 7 วัน แต่ก็ไม่เชิงจัดงานทุกวันนะ

เจมส์ : ”ก็พยายามทานมื้อเย็นโดยการเรียกเพื่อนมาเยอะๆ กับข้าวให้เต็มโต๊ะนิดนึง”

เชน : “ตอนนี้เรื่องตกแต่งเสร็จเกือบ 100% แล้ว แต่ที่ยังไม่เปิดบ้านคือเหลือเฟอร์นิเจอร์หลัก เพราะตามคอนแท็กที่ทำกับอินทีเรียไว้มันมีบางส่วนที่ต้องอิมพอร์ตเข้ามา ตอนนี้ก็ติดเรื่องการนำเข้าส่งออกอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าทุกชิ้นอิมพอร์ตหมดนะครับ เป็นเฉพาะห้องสำคัญๆ เช่นห้องนอนกับห้องรับแขก ส่วนที่เหลือก็ตามวิถีเราให้เข้ากับบ้านมากที่สุด

ถามว่าที่ต้องแก้บ่อยๆ เพราะเรื่องฮวงจุ้ยหรือเปล่า จริงๆ มันเป็นช่วงเศรษฐกิจปี 61 ที่เราระวังการใช้เงิน คือไม่ได้หยุดสร้าง แต่สร้างช้าลง ก็มีปรึกษาสินเชื่อธนาคารบ้างเพื่อป้องกันความเสี่ยง และมีเก็บเงินสดไว้ส่วนนึงเพื่อเอาไว้หมุนเวียนในธุรกิจครับ แต่ล่าสุดก็โชคดีถูกล็อตเตอรี่ ก็เป็นความเชื่ออีกเหมือนกัน (หัวเราะ) คือ พออยู่บ้านก็เหมือนจะฝันอะไรแปลกๆ ตลอด อย่างคืนแรกที่เข้าไปนอนก็ฝันเห็นพญานาคสองตัวอยู่ในบ้าน และมีคนแก่เดินมาบอกเลขท้าย พอซื้อก็ถูกด้วย ซื้อเป็นล็อตเตอรี่นะ แล้วแม่บ้านก็ถูก ถูกทุกงวดเลย มันก็เป็นเรื่องอัศจรรย์ใจเราในบ้านครับ แต่งวดนี้ยังไม่รู้เลย (หัวเราะ) งานยุ่งมาก ยังไม่ฝันเลย”

เผยแพลนมีลูกคนที่สองปี 65 ก็เพราะเรื่องความเชื่ออีกเช่นกัน
เชน : “เรื่องลูกก็ยังคงยึดตามซินแสครับ เป็นปี 65 ถึงคลอด ก็กำลังวางแผนอยู่ครับ ก็เป็นเรื่องของความเชื่ออีกครับ (หัวเราะ)”

เจมส์ : “แต่ก็แล้วแต่ธรรมชาติด้วยค่ะ”

เชน : “ที่เป็นปี 65 เพราะเกี่ยวกับดวงจะไม่ชงพ่อแม่ แต่ก็เป็นเรื่องความเหมาะสมด้วยแหละ เพราะตอนนี้เราเคาท์ดาวน์เข้าตลาดหลักทรัพย์ ก็น่าจะเข้าประมาณปลายปี 64 หรือต้นปี 65 พอดี เลยคิดว่าชีวิตน่าจะเบาลงกว่านี้ เพราะทุกวันนี้หายใจเป็นงานตลอดครับ ลูกคราวนี้ขอผู้หญิงครับ ก็ไปเรื่อยๆ ครับ สัก 5 คน”

เจมส์ : “ก็มีอีกคนหนึ่งก่อน แล้วค่อยตัดสินใจใหม่อีกที (หัวเราะ)”

บอกดีใจมากที่ภรรยาเซอร์ไพรส์ด้วยการพา “ป๊อด โมเดิร์นด็อก” มาร้องเพลงให้ฟัง
เจมส์ : “ที่มีเซอร์ไพรส์เขา คือต้องบอกว่าก่อนที่จะเข้ามาอยู่บ้านนี้เราค่อนข้างจะใช้ชีวิตตึงเครียดในการทำงานหรือว่าสปีดตัวเองต่างๆ ในเรื่องของการทำให้ยอดทะลุเป้า พี่เชนเขาก็จะมีความท้อใจในหลายๆ มุม เราก็เลยรู้สึกว่าจังหวะนี้แหละที่เราควรจะให้กำลังใจเขา เราก็เลยมีเซอร์ไพรส์เล็กๆ ในบ้าน มันก็ทำให้เขามีพลังใจขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนชาร์จแบตให้กับเขา”

เชน : “ชอบมากครับ คือ สมัยที่ผมเป็นนักร้องเวลาเครียดๆ งานน้อย เราก็จะเปิดเพลงพี่ป๊อดแบบสุดเสียงในรถเราเลย เพื่อให้มันหายเครียดและสู้ชีวิตต่อไป และตอนที่ขอเขาแต่งงาน พี่ป๊อดก็มาร้องเพลงให้ แล้วเราก็รู้สึกว่าวันนี้เราอยากเจอเขาพอดี แต่ไม่ได้บอกใครเลยนะ คือ พยายามหาโอกาสว่าบริษัทเรามีฉลองอะไรไหม จะได้เชิญพี่ป๊อดมาร้องหน่อย เขาก็มาเซอร์ไพรส์เลย คือกรี๊ดลั่นบ้านเลย”

เจมส์ : “ต้องบอกว่าเพลงพี่ป๊อดนี่เหมือนเป็นเพลงชาติของบริษัทเราเลย พอได้ยินเขาร้องเองสดๆ ตรงหน้ามันก็มีความรู้สึกอิ่มเอมใจ แล้วมันมีพลังขึ้นมา

เชน : “ของขวัญที่เป็นน้องหมานั่นของลูกครับ ของผมก็ไม่ต้องมีอะไรครับ พี่ป๊อดนี่คือของขวัญแล้ว มีมูลค่ามากกว่าทุกอย่างมหาศาลครับ เป็นวินาทีที่จดจำและจะเปิดเพลงพี่ป๊อดวนอยู่สองวัน”

เจมส์ : “น้องหมาคือเอามาให้น้องสเปซค่ะ เหมือนในช่วงเวลาที่เขากำลังเติบโต เราก็อยากให้เขาเติบโตด้วยการเป็นเพื่อนกัน ให้เขามีความอ่อนโยนมากขึ้น”




กำลังโหลดความคิดเห็น