xs
xsm
sm
md
lg

"ออฟ จุมพล" ขอโทษ หลุดปากพล่อยด่าผู้หญิงหน้าเห้! ด้าน "เต" รับผิด แกล้งสแกนไทยชนะ ตัวอย่างไม่ดี

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ออฟ จุมพล” ขอโทษ ดรามาด่าผู้หญิงหน้าเห้กลางห้าง ลั่นปากพล่อย ใช้คำไม่ดี ถูกผู้ใหญ่ตักเตือนแล้ว ย้อนกลับไปดูยังรู้สึกแย่ ด้าน “เต ตะวัน” น้อมรับความผิดแกล้งสแกนแอปฯ ไทยชนะ แต่ยันแค่พูดเล่น

นักแสดงซีรีส์วายโดนดรามารัวๆ ล่าสุด “ออฟ จุมพล อดุลกิตติพร” ถูกชาวเน็ตขุดเคยไลฟ์สดวิพากษ์วิจารณ์เรื่องหน้าตาของผู้หญิงคนหนึ่งที่เจอในห้างสรรพสินค้า ถึงขั้นด่าว่าหน้าเห้ งานนี้ทำเอาชาวเน็ตจี้ให้ออกมาขอโทษเพราะบูลลี่และเหยียดผู้หญิง วันนี้หนุ่มออฟเลยออกมาขอโทษอีกครั้ง ยอมรับเป็นคนปากไว และพอตนย้อนกลับไปดูคลิปนี้ก็รู้สึกแย่เหมือนกัน

“ช่วงนี้เจอเยอะมากหลายเรื่องเลย (หัวเราะ) พูดถึงคลิปที่เปิดเผยออกมาเป็นคลิปที่ไลฟ์กับกัน (อรรถพันธ์ พูลสวัสดิ์) ประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว วันนั้นหลังจากที่เขาได้มาดูย้อนหลังประมาณอาทิตย์หนึ่ง ทางค่ายก็เรียกผมไปตักเตือนเรียบร้อยแล้ว วันนี้ถ้าทำให้ใครรู้สึกไม่ดี รู้สึกแย่กับคำพูดนั้นผมก็ขอโทษด้วยครับ เพราะบางทีผมก็เป็นคนปากแบบนี้ ปากไม่ค่อยดี ชอบแซวคนโน้นคนนี้ แต่จริงๆ เราไม่ได้คิดว่าเขาเป็นคนแบบนั้นจริงๆ หรอก แต่ด้วยความสนุกปากของเรา เราเลยพูดแบบนั้นออกไปก็ขอโทษด้วยครับ ณ ตอนนั้นเราไม่คิดว่าจะมีผลถึงปัจจุบันแบบนี้เลยครับ ด้วยความสนุก และเรื่องราวมันก็เกิดมา 4-5 ปีแล้ว เราก็ไม่ว่าใครจะเอาขึ้นมาอีก เพราะเราก็โดนตักเตือนไปแล้ว”

“จริงๆ แล้วก็สมควรโดน เพราะว่ามันก็เป็นสิ่งที่เราทำจริงๆ เราก็ต้องยอมรับ เราก็ต้องออกมาขอโทษและทำในสิ่งที่ดีขึ้น ต้องปรับตัวเองให้มากขึ้น ถามว่ารู้สึกอย่างไรที่เรื่องราวผ่านมา 4-5 ปี แต่ถูกกลับเอามาพูดถึงอีก คือของมันมีหลักฐาน เราเคยทำเราก็ต้องยอมรับว่าเราเคยทำจริงๆ ถ้าสมมุติว่าเราปฏิเสธว่าไม่เคยทำ หรือทำเพราะอะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายแล้วตอนนั้นเราคิดทำอย่างนั้นจริงๆ และทำไปแล้ว ก็ต้องออกมายอมรับว่าทำไปแล้ว ก็ต้องขอโทษในสิ่งที่เราทำและมันผิดพลาด”

บอกที่พูดไปแค่รู้สึกสนุกปาก และไม่เคยคิดว่าเรื่องจะลุกลามมาถึงตอนนี้
“ตอนนั้นตั้งใจพูดเพื่อให้รู้สึกไม่ดีหรือเปล่าเหรอครับ ไม่ครับ เพื่อความสนุกมากกว่า เราชอบแซวกับเพื่อนอยู่แล้ว เราไม่ได้คิดไปถึงว่าคนฟังถ้าเขาได้ยินจริงๆ แล้วจะรู้สึกอย่างไร แต่พอเขาโตขึ้นและตอนนี้เราอายุ 29 แล้วเราก็ต้องคิดอะไรให้มากขึ้น ต้องระมัดระวังคำพูดมากขึ้น ซึ่งพอย้อนกลับมาดูคลิปเราก็รู้สึกแย่อยู่ดี ว่าเฮ้ย เราพูดคำนั้นออกสื่อเลยเหรอวะ คือตอนนั้นมันเป็นไลฟ์ แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าในอนาคตมันจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และพอตอนนี้เรารู้แล้วว่าสิ่งที่เราทำไม่ดีในวันนั้น มันมีผลกระทบอะไรกับเราในวันนี้ เราก็เลือกที่จะไม่ทำเพื่อให้ในอนาคตเราไม่ต้องมารู้สึกแย่กับอะไร”

“ถามว่าต้องระมัดระวังไหม คงระมัดระวังมากขึ้น คิดก่อนพูด ก็ได้คุยกับคนอื่นที่โดนเหมือนเราครับ ก็บอกทุกคนเลยว่ายอมรับไป เพราะว่าเราเป็นคนทำจริงๆ และถ้าเราสามารถเปลี่ยนตัวเองได้แล้วเราก็แค่ออกมาขอโทษ เพราะว่าสนุกปากมันสนุกได้ แต่คิดถึงผลในอนาคตด้วยว่าทำแล้วในอนาคตมันจะมีอะไรหรือเปล่า”

ทำใจยอมรับถ้าใครจะรู้สึกไม่ดีกับตน แต่เรื่องนี้ก็เป็นบทเรียนสอนตนหลายอย่าง
“ถ้าบอกว่าอาจจะทำให้ผู้หญิงรู้สึกไม่ดีกับเราไปแล้ว คือคำพูดมันแก้ไขไม่ได้ครับ มันพูดไปแล้ว ก็สัญญากับตัวเองไว้ครับว่าในอนาคตจะระวังตัวเองมากขึ้น ถ้าใครรู้สึกไม่ดีเขาไม่ผิดเลยครับที่จะรู้สึกไม่ดีกับผม ให้โอกาสหรือไม่ให้โอกาสก็ได้อันนี้มันเป็นสิทธิของเขาที่เขาจะตัดสินผมอีกทีหนึ่ง แต่เราก็แค่รู้ตัวเองว่าเราควรปฏิบัติตัวเองอย่างไรต่อไปแค่นั้น เอาแค่รู้ว่าข้างในตัวเองดีขึ้นไม่ต้องสนใจคนอื่นก็ได้ครับ แต่สิ่งที่ทำไปแล้วแล้วคนอื่นมาว่าเรา เราก็ต้องยอมรับมัน”

“ถามว่าบั่นทอนไหม ตอนแรกก็มองข้าม แต่หลังๆ เริ่มนิดหนึ่ง แล้วเริ่มรู้สึกว่าเมื่อก่อนเราก็ทำไม่ดีเยอะนี่หว่า ก็อย่าไปท้อใจเลย เลือกทำตัวเองให้ดีขึ้นและอยู่กับสังคมที่เป็นอยู่ให้ได้ ผมว่าอย่างนั้นดีที่สุด เรื่องนี้สอนหลายอย่างเลยครับ ผมเป็นคนปากไม่ดีอยู่แล้ว ปากไว สอนเราหลายๆ อย่างว่าการจะพูดอะไรต้องคำนึงถึงคนอื่น คำนึงถึงสิ่งที่จะตามมา ไม่จำเป็นจริงๆ อย่าพูดอะไรไม่ดีออกไปดีกว่า ทำจิตใจตัวเองให้ดีดีแค่นั้นดีที่สุด”

“ถามว่าปกติเป็นคนเหยียดอะไรแบบนี้หรือเปล่า ไม่เหยียดใครเลยครับ ผมเป็นคนให้เกียรติคนด้วยซ้ำ แต่ผมเป็นคนปากไวและสนุกกับการพูดกับเพื่อนๆ ผมสนิทใครก็จะปล่อยหมดและพูดไปเรื่อยมากกว่า ถ้าจะไม่คิดจริงจังว่าเราไปว่าเขาและคิดอย่างนั้นไหม เราไม่ได้คิดจริงๆ แค่อยากให้เพื่อนสนุก เราอาจจะสนุกกับเพื่อนตรงนั้นมากเกินไป”

บอกในอนาคตไม่รู้จะหลุดพูดอะไรอีกมั้ย แต่จะพยายามปรับปรุงตัว
“กลัวว่าในอนาคตอาจจะพลั้งพูดอะไรออกไปอีกไหมเหรอ มันมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้และถ้ามันเกิดขึ้นผมก็ต้องยอมรับมันให้ได้มากกว่า เราก็ระวังเต็มที่แล้วแหละ แต่ถ้ามันยังมีเผลอ ยังมีคนถ่ายโดยที่เราไม่เห็น บางทีเราอยู่กับเพื่อนเราก็อยากสนุก ก็ไม่รู้ว่ามีคนแอบถ่ายอยู่หรือเปล่า แต่ถ้ามันมีหลุดออกไปจริงๆ ก็ไม่รู้จะต้องทำอย่างไรก็แค่ยอมรับ ขอโทษอีกทีหนึ่ง”

“บางทีเราก็ไม่ได้ระวังตัวเองขนาดนั้น บางทีเราไปกินข้าว เราอยู่โต๊ะนี้แล้วคุณอยู่โต๊ะข้างๆ แอบถ่ายเรา เราก็ไม่รู้ เพราะเราก็กินข้าวของเราเวลาส่วนตัวของเรา เราก็ต้องระวังมากขึ้น เหตุการณ์นี้ตอนนั้นกลับก็ยังเด็กด้วยอายุ 24-25 สำหรับเด็กสมัยนี้ก็ไม่เด็กแล้ว ถ้าเรามองย้อนกลับไปเรา 25 แล้ว เรายังพูดอะไรแบบนั้นอยู่ก็ถือว่าไม่ควรพูดอยู่ดี”

อีกกรณีหนึ่งที่กำลังถูกพูดถึง ”เต ตะวัน วิหครัตน์” โพสต์ข้อความแกล้งสแกนแอปฯ ไทยชนะ ก่อนเข้าห้างสรรพสินค้า “ออฟ จุมพล” ก็เข้ามาคอมเมนต์ต่อ จนโดนผู้ใหญ่สั่งให้ลบ เพราะกลัวจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี

เต : “ผมขออธิบายให้ฟังก่อนครับว่าวันนั้นที่ไม่ได้มาอธิบายในทวิตเตอร์ เพราะรู้สึกว่าตัวอักษรมันน้อย ยิ่งพูดจะยิ่งไม่เข้าใจกัน รอออกมาพูดทีเดียวดีกว่า เอาตรงๆ คือเราแซวเล่นกัน มันมีมาสก์แล้วตลกดี แล้วเราเคยคุยกัน ผมเคยเล่าให้เขาฟังว่าบางทีผมรีบเดินแล้วลืมสแกน พนักงานจะเรียกให้กลับมาสแกนด้วย ถ้าถามว่าแกล้งสแกนไหม ไม่ครับ จริงๆ แค่เอามือถือจ่อมันก็เด้งแล้ว ไม่มีเหตุผลว่าทำไมต้องไม่ทำ ผมจะเป็นคนที่เดินดุ่มๆ แต่ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้เข้าห้าง เพราะถ่ายละคร บางทีเราเดินแล้วพนักงานจะเรียก เพื่อนก็จะบอกว่าพนักงานบอกไม่เนียนหรือเปล่า ผมเห็นว่ามันตรงกับมีม ผมต้องขอโทษทุกคนด้วย (ยกมือไหว้) ที่การพูดเล่นของเรา ทำให้หลายๆ คนเข้าใจผิด บางคนที่ไม่รู้ว่าเรื่องจริงเป็นยังไงอาจจะไปตีความและไม่รู้เจตนาของเราจริงๆ”

ออฟ : “มันไม่ผิดครับที่ทุกคนจะคิดแบบนั้น เราต้องขอโทษด้วยที่เราทำให้อีกหลายๆ คนรู้สึกไม่ดี ว่าเราเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีหรือเปล่า วันนี้เราอยากบอกว่ามันเป็นการแซวกันระหว่างเพื่อน เราก็รู้สึกผิดจริงๆ นะที่เขามองเราเป็นแบบนั้น”

เต : “บางทีการที่เราแกล้งเล่นกัน อาจจะทำให้คนที่ไม่เข้าใจจริงๆ เอาไปเป็นแบบอย่างได้ เราก็ต้องขอโทษจริงๆ ครับ ตอนแรกเราไม่รู้ว่าเกิดดรามา จนมีคนดูแลทักมาบอกว่าให้ลบนะ เพราะมีคนว่าเยอะ”

ออฟ : “ตอนนั้นผมยังสนุกปากถามเตว่าลบทำไม พอรู้ว่าไม่ดีจริงๆ ก็ลบครับ”

บอกต่อไปจะระมัดระวังในการโพสต์ให้มากขึ้น
เต : “คือบางทีเราเดินแล้วลืม ตรงนี้เราก็อยากให้ทุกคนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เราก็อาจจะเป็นเคสตัวอย่างให้ทุกคนให้ความสำคัญ ให้สแกน เพราะตอนนี้บางประเทศก็ยังไม่หายดี ของเราก็ถือว่าควบคุมได้ดีโอเคประมาณนึง อยากให้ทุกคนสแกนเป็นการรับผิดชอบต่อส่วนรวมและส่วนตัวด้วย”

ออฟ : “ถามว่ากลัวโซเชียลไปเลยไหม ก็ระวังตัวมากขึ้นมากกว่าครับ ไม่ได้รู้สึกว่าไม่อยากเข้าไป เราก็ยังมีแฟนคลับเราให้กำลังใจอยู่ บางทีเขาอาจจะไม่ได้คิดถึงขั้นร้ายแรงขนาดนั้น เราก็รู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นสิ่งที่เราต้องหายไปเลยจากตรงนี้”

เต : “อย่างผมก็รู้สึกว่าจริงๆ อยากจะออกมาพิมพ์มาก แต่ก็รู้สึกกลัวว่าถ้าพิมพ์แล้วจะยิ่งแย่ลงไปอีก เลยเงียบไว้ก่อนดีกว่า ทางผู้ใหญ่ก็เรียกไปเตือนเป็นหมู่คณะเลยครับ”

ออฟ : “เราเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี เราต้องระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้น และเป็นตัวอย่างที่ดีให้คนในค่ายด้วย น้องๆ ก็เยอะๆ วัยรุ่นก็เยอะ คนก็ติดตามน้องๆ เยอะ มันก็เป็นสิ่งที่แย่และค่ายดูไม่ดีด้วยครับ”

เต : “และประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญด้วย เกี่ยวกับโรคระบาด ก็ควรให้ความสำคัญเรื่องนี้ ขอย้ำอีกทีว่าถ้าเราเข้าห้างก็จะสแกนทุกครั้งด้วย”

ออฟ : “ก็ต้องขอโทษครับที่ทำให้รู้สึกไม่ดี รู้สึกว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ต่อไปเราจะระมัดระวังคำพูดในสื่อโซเชียลมากขึ้นแล้วกันครับ หลังจากนี้เราจะคิดพินิจให้ดี”

เต : “อยากขอโทษอีกครั้งครับ ที่บางทีการพิมพ์เล่นของเราทำให้คนที่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังว่าเราแซวกันเพราะอะไร บางทีเขาเข้าใจเราผิด หรือเด็กๆ บางคนอาจจะเอาไปทำตาม ก็ขอโทษที่ใช้โซเชียลอย่างไม่ระมัดระวังครับ”










กำลังโหลดความคิดเห็น