“นีโน่ เมทนี” เผย “แม่อรพิน” ลื่นล้ม รักษาในห้องไอซียู นานนับเดือนก่อนเสียชีวิต ไม่ยื้อให้ทรมานเพราะอายุมากแล้ว เตรียมลอยอังคารที่เดียวกันทั้งครอบครัว มอบบ้านให้ทายาท แบ่งเงินให้คนดูแล ด้าน “น้องเอ้ก” ลูกชายโอที่อยู่ที่นิวซีแลนด์เศร้า ไม่มีโอกาสดูแลพ่อ-ปู่-ย่า
บรรยากาศพิธีรดน้ำศพ “แม่ปุ๊ อรพิน วรธรรม (กุญชร ณ อยุธยา)” คุณแม่ของอดีตพระเอกหนุ่มผู้ล่วงลับ “โอ วรุฒ วรธรรม” ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุลื่นล้ม และเข้ารับการรักษาตัวในห้องไอซียู ที่โรงพยาบาลลานนา จ.เชียงใหม่ นานร่วมเดือน ก่อนเสียชีวิตอย่างสงบเมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา ในวัย 84 ปี ซึ่งวันนี้ (7 ก.ค.) ทางญาติได้เคลื่อนศพมาบำเพ็ญกุศล ณ ศาลา 5 วัดศรีเอี่ยม กรุงเทพฯ มีพิธีรดน้ำศพในเวลา 16.00 น. โดยคนบันเทิงที่มาร่วมงาน มีเพียง นีโน่ เมทนี บุรณศิริ และ อุ้ย สุธิตา เกตานนท์ ขณะที่ นีโน่ ได้เปิดใจกับสื่อมวลชน
“ก็มาจากเชียงใหม่ เป็นความต้องการของญาติแม่ปุ๊นะครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว เดินทางไม่ไหว ก็เลยมีความประสงค์ขอมาบำเพ็ญกุศลกันที่กรุงเทพฯ ก่อน มาฌาปนกิจกันที่กรุงเทพฯ แล้วเดี๋ยวค่อยเอากระดูกไปลอยอังคารที่ดอยเต่า วันที่ 13 ลอยที่เดียวกันเลยทั้งครอบครัว”
“สาเหตุที่คุณป้าล้ม คือ จริงๆ คุณป้าเป็นคนชอบใส่ถุงเท้าให้เท้าอุ่น แต่พอดีว่าวันนั้นเดินแล้วไม่ได้ใช้วอล์กเกอร์เลยลื่นล้ม แต่พอลื่นล้ม น้องหมวยที่ดูแลอยู่ ก็รีบพาส่งโรงพยาบาล ทีแรกก็ไม่ได้มีอาการอะไรเท่าไหร่ แต่พอหลังๆ ไม่ค่อยดีก็เลยต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ อยู่ไอซียู ก็ลุ้นกันมาสักพักว่าจะเป็นยังไง เพราะท่านก็ 84 แล้ว พอลุ้นมาสักพักก็ถอดเครื่องช่วยหายใจ หมอบอกว่าอาจจะต้องเจาะคอ แต่เราก็ไม่อยากให้เจาะเท่าไหร่ แต่ปรากฏว่าถอดออกมาก็ไม่ต้องเจาะ ก็ยังดียังคุยกันอยู่ เรายังไปเยี่ยมอยู่เลย ทั้งคุยกัน ทั้งพยักหน้า ทั้งสั่งอะไรกันไว้ ก็รู้หมดเลย ก็บอกคุณป้าไว้ว่าเดี๋ยวโน่กลับมานะ ก็พยักหน้าโอเค ก็กลับมา”
“วันที่คุณป้าสิ้น พยาบาลเช็ดตัวเสร็จ ก็ให้อาหารทางท่อ เสร็จแล้วก็คุยกับนางพยาบาลตามปกติ พอประมาณ 07.32 น. ชีพจรลงต่ำ แทบไม่มี พอเวลา 07.42 น. ก็นิ่งสนิท แต่ก็เป็นความประสงค์ว่าไม่ปั๊มหัวใจ เพราะเคยเห็นตอนปั๊มโอ อีกอย่างคุณป้าอายุเยอะแล้ว แล้วบอกป้าไว้แล้วด้วยว่าถ้าป้าไปก็ไปให้สบาย นึกถึงพระอรหันต์ท่านไว้ ป้าก็ค่อยๆ ไป หลับไปครับ"
“ถามว่าคุณป้าได้สั่งเสียอะไรไหม ก็ไม่ได้สั่งอะไร ใช้พยักหน้าอย่างเดียว คือ เรารู้ว่าท่านมีสติสัมปชัญญะ แต่ในทางการแพทย์ ในทางการกฎหมายแล้ว คือ ไม่มีสติสัมปชัญญะแล้ว จะให้ท่านสั่งอะไรมาก็ไม่มีผลอะไรอยู่แล้ว ก็เอาเป็นที่รู้กันว่าท่านรับรู้หมดทุกอย่างแล้ว ส่วนเรื่องที่คุณป้าฝากให้ดูแลเรื่องของต่างๆ ก็ต้องดูว่าหลังจากเสร็จงานจะเป็นยังไง เพราะยังไม่รู้อนาคต แต่ในความถูกต้องผมก็มีหน้าที่ดูในฐานะเพื่อนของโอเจ้าของสมบัติ ก็เป็นยังงั้นไป ใครที่มีสิทธิ์โดยชอบ ก็น่าจะเป็นลูกของเขาแหละครับ ก็ควรจะเป็นตรงนั้นไป”
เผย “น้องเอ้ก” (ลูกชายคนโตของโอ วรุฒ) ไม่สามารถมาร่วมงานได้ เพราะอยู่นิวซีแลนด์ แต่ก็มีความห่วงทุกคนเสมอ
“น้องเอ้กอยู่นิวซีแลนด์ เขาทำงานแล้ว อายุ 26 แล้ว และน้องเอ้กก็ได้ไปทำบุญตั้งแต่วันที่คุณย่าเสียที่นิวซีแลนด์แล้ว น้องเอ้กเขาก็เป็นห่วงทุกอย่างแหละ อยากมา แต่ถ้ามาปั๊บทางนี้ก็ต้องกักตัว ทางโน้นก็จะต้องกักตัวก็จะทำให้น้องเอ้กทำงานไม่ได้”
“ตอนแรกก็จะเก็บกระดูกคุณป้าไว้รอน้องเอ้กมาลอยด้วย แต่ว่าไม่มีใครกล้าเก็บสักคน ก็เลยคุยกับน้องเอ้กว่าเดี๋ยวกระดูกส่วนหนึ่งจะเอาไปไว้กับญาติๆ ที่วัดหนึ่ง เอ้กก็มาบำเพ็ญกุศลที่วัดนั้นก็ได้ เอ้กกับผมจะไลน์คุยกันตลอด เขาจะถามตลอดว่าคุณย่าเป็นยังไง เขาเป็นเด็กที่เป็นห่วงทุกคน”
ลูกชายโอบอกไม่มีโอกาสได้ดูแลใคร แม้แต่พ่อ-ปู่-ย่า
“เขาก็พูดแบบเด็กฝรั่งนะครับ แต่มีอย่างหนึ่งที่เขาพูดขึ้นมาแล้วผมชอบมาก ก็คือ เขาไม่มีโอกาสได้ดูแลใคร แม้แต่พ่อหรือว่าปู่ย่า ซึ่งน้อยนักที่ฝรั่งจะพูดแบบนี้ เพราะว่าเอ้กเขาโตเมืองนอก เขาไม่ค่อยมีความเป็นไทย แต่ในขณะเดียวกันที่เขารู้ว่าพ่อเขาเป็นใคร อะไรยังไง คนไทยเป็นยังไง เขาก็พยายามเข้าวัด ไหว้ยังไงสวยน่ารัก ผมเจอเขาตอนเกิด เจอเขาตอนแบเบาะ แล้วก็มาเจอตอน 18 แล้ว ก็คือ 18 ปีที่ไม่ได้เจอเจ้าเอ้กเลย เขาเรียนรู้ค่อนข้างดีมาก มีความเป็นไทยค่อนข้างดีมากครับ แม้จะเติบโตนิวซีแลนด์”
เผยเมื่อวานรถที่รับศพ “แม่ปุ๊” เกิดยางแตกถึงสองเส้น บอกสงสัยแม่ไม่อยากมากรุงเทพฯ
“เรื่องของเรื่องคือเมื่อวานรับร่างคุณป้าออกจากเชียงใหม่มาตอน 08.30 น. เราก็ไปถวายเทียนพรรษาที่วัดมา เราก็มานั่งรอเพราะกลัวมารับไม่ทัน ก็มาถึงตั้งแต่ 17.30 น. เพราะเขาบอกว่ารถติด เราก็แวะโน่นแวะนี่ไป มาถึงวัดปรากฏรถยางแตกที่สิงห์บุรี แตกสองล้อเลย สงสัยคุณป้าไม่อยากมากรุงเทพฯ คิดเล่นๆ นะ (ยิ้ม) ปรากฏว่า หายางเปลี่ยนไม่ได้ แต่ก็ต้องขอบคุณพี่ไทด์ (เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์) พี่โบ๊ท วิบูลย์นันท์ ที่ดูแลเป็นอย่างดี เรื่องนี้ขอบคุณมูลนิธิร่วมกตัญญูด้วยที่ส่งรถไปรับคุณแม่มา”
“ก็สรุปมาถึงนี่ตอน 22.10 น. เราก็นำร่างคุณป้าเข้าไปในศาลาครับ ก็มีน้องเขยกับหลานมารับอยู่ แต่ผมเป็นคนบอกให้ทุกท่านกลับไปก่อนเอง ไม่อยากให้รอ เพราะผมคิดแล้วว่า 3-4 ทุ่มแน่ เพราะเมื่อวานรถกลับจากต่างจังหวัดเยอะ แล้วน้องสาวป้าเขาก็เพิ่งล้มเหมือนกัน น้องสาวแท้ๆ อายุ 84 เหมือนกัน นี่ก็นั่งรถเข็นมา”
บอกเรื่องมรดกที่เหลือ บ้านที่เชียงใหม่คงยกให้ “เอ้ก” ลูกชาย ส่วนเงินก็คงแบ่งให้คนที่ดูแลตามลำดับ
“มันไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกนะครับ ความดีความชอบมันอยู่ที่โอแล้วกัน สิ่งที่โอทำมาในชีวิตมันก็ส่งเสริมโอ โอมีทั้งคนรัก แต่ไม่ค่อยมีคนเกลียด มีแต่คนหมั่นไส้ หรือจะบอกว่าโอขี้เมา ก็มีแค่นี้แหละ เพราะโอไม่เคยทำร้ายใคร โอไม่ค่อยได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อน และเขาก็ดูแลคุณพ่อคุณแม่จนวาระสุดท้าย เพราะเงินที่เพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งหลายให้มาไว้ ก็สามารถใช้เลี้ยงดูคุณพ่อคุณแม่มาได้ตลอดและเหลือด้วย”
“ในส่วนตรงนี้ก็คงดูตามความเหมาะสมครับ แต่ผมไม่เกี่ยวนะครับ แต่ผมก็ต้องดูแหละครับว่าใครเป็นคนดูแลเขามากที่สุด อันนี้ในส่วนของเงินนะครับ แต่ในส่วนของบ้านก็คงให้เอ้ก เพราะถามเอ้กแล้วเขาไม่ขอรับเงิน ก็คงมาดูกันว่าใครควรจะได้บ้าง ก็ตั้งแต่คนดูแลแหละครับควรจะได้ไป และคนใกล้ชิดโอที่เคยดูแลโอมาตลอด มันก็ไม่ได้เยอะแยะอะไรมากมาย แต่ผมคิดว่าโอน่าจะพอใจกับสิ่งที่ผมจัดสรรให้ครับ”
เหมือนรู้ตัวล่วงหน้าให้รีบทำพินัยกรรม แต่ติดโควิด ก่อนจะมาล้มยังไม่ได้ทำ ปล่อยให้เป็นไปตามฟ้าลิขิต
“ก็ได้คุยกับป้าแกไว้ตั้งแต่ตอนที่แกพยักหน้าตอนที่บอกนั่นแหละ เรื่องของเรื่องป้าปุ๊เขาก็บ่น บอกให้ผมมาทำพินัยกรรม ผมก็เตรียมทนายความ จองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อย โควิดมาก็เลยไม่ได้ไป ก็เหมือนแกรู้ตัว เพราะแกบอกให้รีบมาทำพินัยกรรม แล้วแกมาล้มอีก ครั้งล่าสุดไปแกก็ยังใส่ท่อช่วยหายใจ ซึ่งทางกฎหมายก็ทำพินัยกรรมไม่ได้อีก เพราะไม่มีสติสัมปชัญญะ ต้องพูดได้หรือว่าถอดเครื่องช่วยหายใจ ต้องไม่มีอุปกรการแพทย์อยู่ในตัว ถึงจะทำได้แบบ 100% ก็เลยยังไม่ได้ทำกัน พอถอดเครื่องช่วยหายใจก็นึกว่าดีขึ้นแล้ว เดี๋ยวรอพูดได้นิดหน่อยก็จะไปหาท่าน แต่ก็เลยไม่ได้ทำกัน ก็ไม่เป็นไรครับ เป็นไปตามฟ้าลิขิตครับ อะไรจะเกิดก็เกิด แต่เราก็ทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้”
“ถามว่าจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำให้โอไหม คือจะมีอะไรตามมาก็ยังไม่รู้อีกนะ แต่คิดว่าตรงนี้ก็น่าจะจบแล้ว เพราะก็ไม่ได้มีญาติที่สนิทๆ กับผมอีกแล้ว ที่มีก็คือพี่ชายโอก็คือพี่อ๊อด แต่ตอนนั้นโอยังมีกำลัง โอเขาก็ทำของเขาเอง แล้วก็ตามมาด้วยโอ แล้วก็คุณพ่อ แล้วก็เป็นคุณแม่ ครบสี่คนแล้ว ครบขาครับ (ยิ้ม)”
โดยกำหนดการสวดอภิธรรมจะมีตั้งแต่วันที่ 7-10 ก.ค. และพิธีฌาปนกิจในวันที่ 11 ก.ค. ซึ่งทางญาติเตรียมนำอัฐิไปลอยอังคารที่ทะเลสาบดอยเต่า จ.เชียงใหม่ในวันที่ 13 ก.ค.