xs
xsm
sm
md
lg

ได้แค่เพื่อน “โอ๊ต” ปิดประตูใจใส่ “แตงโม” ไม่อยากให้มารับรู้ภาวะซึมเศร้า-แพนิก ร้องไห้ทุกวัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“โอ๊ต ปราโมทย์” ให้ “แตงโม” แค่เพื่อน ยังไม่อยากมีแฟน เพราะตอนนี้กำลังต่อสู้กับโรคซึมเศร้าที่รุมเร้าตนหนักขึ้น จนมีภาวะแพนิกร่วม แอบไปร้องไห้คนเดียวทุกวัน หวังกินยารักษาแล้วอาการจะดีขึ้น ลั่นตายยาก ไม่ต้องเป็นห่วง

หลังจากที่สาว “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” ออกมายืดอกยอมรับว่ากำลังปลื้มหนุ่ม “โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน” เอามากๆ ก็ทำเอาชาวเน็ตแห่แท็กคลิปดังกล่าวไปถึงหนุ่มโอ๊ตจนกลายเป็นกระแส มีทั้งคนเชียร์และคนที่ไม่ปลื้ม ล่าสุด หนุ่มโอ๊ตได้เปิดใจกับรายการดาราแลนด์ถึงแตงโมว่า....

“ช่วงนี้อาบน้ำบ่อย ก็เลยเนื้อหอม (หัวเราะ) กับรูปเขินอาย จริงๆ ผมเขินอายกับทุกเรื่องอยู่แล้ว ผมลงรูปนั้นก่อนจะมีข่าวอีกนะ ก็ยังงงไม่รู้คนเอาไปโยงกันได้ยังไง มันคนละเรื่องกัน ก็รู้สึกดีครับที่มีคนมาปลื้ม มาชื่นชอบเรา กับแตงโมรู้จักกันมาเป็นสิบปีแล้ว อาจจะด้วยผลงานมากกว่า พอมีข่าวก็ได้มีการคุยกัน เราก็คุยกันชัดเจนด้วยความเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว ผมไม่ได้ไปทำชู้สาวใส่ ไปหยอดอะไรแบบนี้”

ชัดเจนเป็นเพื่อนกัน เพราะตอนนี้ยังไม่อยากมีแฟน
“ถามถึงความเป็นไปได้ ตัวผมเองก็ให้เกียรติเขามาก เราก็ตอบไปแบบลูกผู้ชายว่าขอบคุณนะที่รู้สึกดีให้กัน ผมว่าตอนนี้มันชัดเจนตรงที่ว่าเราเป็นเพื่อนกัน ผมยังไม่อยากจะมีแฟนด้วย เราทำงานหนักมาก ผมเองมีหน้าที่รับผิดชอบเยอะ ก็บอกเขาตรงๆ ว่าเป็นเพื่อนกันนะ แต่ถ้าจะก้าวข้ามไปตรงนั้นอย่าเพิ่งดีกว่า”

บอก “แตงโม” ไม่ต้องนอยด์ หลังคนเข้าไปคอมเมนต์เซฟตนให้หนีจากฝ่ายหญิงให้ไกลๆ
“สมัยนี้เราต้องมองข้ามเรื่องนี้ไปแล้ว การที่เราจะไปพูด ไปตามว่าแตงโมหรือตัวผมเองตามคอมเมนต์ต่างๆ ผมว่ามันก็ไม่แฟร์กับเขา มันเป็นชีวิตของเขา ผมเองเห็นเยอะเหมือนกันคนที่เขามาเซฟเรา ให้เราหนีไปไกลๆ ตรงนี้ผมก็บอกกับแตงโมว่าไม่ต้องไปนอยด์นะ เราชัดเจนกันอยู่แล้ว ฉะนั้นเราเป็นเพื่อนกันมันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย ผมก็ไม่ได้ปฎิเสธเขาต่อหน้าสื่อ หรือในไอจี”

ลั่นตนโตแล้ว รู้อะไรดีอะไรไม่ดี อยากให้มองเป็นเรื่องเชิงบวกมากกว่า
ไม่ต้องบอกให้ผมหนีไป ผมโตแล้ว ผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ผมรู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี อะไรแค่ไหนถึงจะเรียกว่าเหมาะสม ผมมองว่าผมกับแตงโมเองก็วางตัวดี ก็อยากให้มองเป็นเรื่องบวก ให้มันเป็นเรื่องที่น่ารัก อย่าไปเหยียด ดูถูกดูแคลนเขาไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ทุกวันนี้ก็เป็นเพื่อนกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน”

พ้อทำงานจนกระทบสุขภาพมีอาการโรคซึมเศร้ารุนแรงขึ้น จนตอนนี้กลายเป็นความเครียดสะสมมีอาการแพนิก (ภาวะตื่นตระหนกต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยไม่มีเหตุผล เป็นส่วนหนึ่งของโรคซึมเศร้า) ร่วมด้วย
“งานแน่นจนป่วย ตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ไม่ได้หยุดเลย พอปลดล็อกดาวน์ 3 เดือนแทบไม่มีวันหยุด บางวัน 2-3 งาน มันก็กระทบกับสุขภาพเรามาก ตอนนี้เราเป็นแพนิกและซึมเศร้าหนักมากๆ กำลังจะไปพบจิตแพทย์ ตามนัด ซึ่งการไปพบจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร”

“อาจจะต้องเทกยาก่อนเพื่อเป็นการปรับจูนระบบสมองในช่วงนี้ เพราะว่าเราแบกความรับผิดชอบหลายอย่างไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบริษัท เรื่องที่จะต้องบริหารความรู้สึกคนอื่น รวมไปถึงวงดนตรีที่เราจะต้องดูแล ที่ผ่านมา พี่ๆ ไม่มีงานแต่ผมยังซัปพอร์ตพี่ๆ ในวงตลอด”

เผยเครียดหนักจนมีอาการแพนิกร่วมด้วย แอบไปร้องไห้คนเดียวทุกวัน
“แต่ก่อนเครียด ยังไม่แพนิก ตอนนี้แพนิกไปแล้ว อยู่ๆ มันก็อึดอัดหายใจไม่ออก หัวใจเต้นเร็ว มือชา เท้าชา ปากชา เวียนหัว มันอึดอัดมากๆ จนอยู่ในสถานที่ตรงนั้นไม่ได้ ต้องออกไปที่อื่น คือเมื่อก่อนเป็นเดือนละ1-2 ครั้ง แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นทุกวัน วันละ 2 ครั้ง พอแพนิกมันก็จะมีอาการนั่งร้องไห้คนเดียวทุกวัน ทางที่ดีที่สุดคือก็ต้องรักษามัน ไปปรึกษาคุณหมอ หลังจากนี้ก็คงต้องเช็คอัปตลอด อะไรที่ลดลงได้ก็พยายามจะลดลง”

คาดสาเหตุอาจจะมาจากที่ตนไม่มีแฟน ทำให้ไม่มีคนปรับทุกข์ ระบายความรู้สึกด้วยได้
“มันอาจจะเพราะว่าเราไม่ได้มีแฟน ไม่มีคนข้างกายไว้ให้เราระบายได้ เราก็จะเก็บอะไรไว้คนเดียวทั้งหมด ไม่อยากให้มองว่ามันเป็นโรคเรียกร้องความสนใจ ผมไม่อยากได้รับความสนใจจากคนอื่น โรคนี้มันต้องรักษาด้วยตัวเอง มันต้องหายด้วยตัวเอง มันต้องเยียวยาด้วยตัวเอง”

“ฉะนั้น ผมแค่บอกคนข้างกายไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน พนักงานทุกคนว่าตอนนี้ฉันเป็นแบบนี้อยู่นะ ฉะนั้นอะไรที่มันจะกระทบกระเทือนจิตใจเราก็อย่าพยายามเอามาให้เรารู้สึกดาวน์ไปกับมัน ให้คนอื่นรับผิดชอบส่วนต่างๆ มากขึ้น ไม่ให้ตัวเองแบกอะไรมากเกินไป ด้วยความที่เราชอบทำอะไรคนเดียว แบกคนเดียวโดยที่เราไม่รู้ตัวว่าเราเป็นอะไร ทำอะไรลงไปบ้าง”

ย้ำแฟนๆ ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวก็จะผ่านไป ตนตายยาก เล็งหาน้องหมามาเลี้ยงเป็นเพื่อน
ไม่ต้องเป็นห่วงครับ โอ๊ต ปราโมทย์ สบายมากครับ ตายยากครับ เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป มันเป็นช่วงอายุด้วย คนอายุ 35-36 ปี มันก็มาครึ่งชีวิตแล้ว ก็จะเป็นช่วงชีวิตที่ต้องรับผิดชอบอะไรมากขึ้น โตขึ้น มันก็จะเกิดการกลัวสิ่งต่างๆ ที่จะเข้ามา ตอนนี้บอกเลยว่าเป็นแบบนี้กันเยอะ เพื่อนๆ ผมหลายคนเป็น จนตอนนี้มันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว”

“ฉะนั้น ก็แค่ดูแลตัวเองมอบว่ารู้สึกดีๆ ให้แก่กันก็พอแล้ว ตอนนี้กำลังมองหาน้องหมามาเป็นเพื่อน ไม่อยากมีแฟน ไม่อยากให้เขามารับสภาพอะไรเราตอนนี้ แม่ยังไม่รู้ ยังไม่อยากบอกแก ตอนนี้ก็ลองกินยาดูก่อนถ้ามันไม่ดีขึ้นก็คงต้องบอก”












กำลังโหลดความคิดเห็น