xs
xsm
sm
md
lg

รับไม่ได้ก็ไม่เป็นไร "รัศมีแข" เปิดใจพ่อหัวโบราณ ยังไม่ได้บอกเรื่องแต่งงานกับเพศเดียวกัน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“รัศมีแข” เผยโพสต์ประเด็นบูลลี่สีผิวในไอจี ไม่ต้องการคำปลอบใจเพราะชินแล้ว แค่อยากเป็นสื่อกลางให้คนเข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องที่โอเค และอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดีใจจะได้เจอพ่อในรอบ 30 ปี หมดโควิดเตรียมบินไปหาแน่นอน รับพ่อหัวโบราณ ยังไม่ได้บอกเรื่องแต่งงานกับเพศเดียวกัน แต่ถ้าหากพ่อรับไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงก่อนหน้านี้ ก็ทำเอานักแสดงมากฝีมือ “รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น” ถึงกับเอ่ยปากว่าเครียดมากอยู่ช่วงหนึ่งเลยทีเดียว เพราะทำให้ไม่สามารถเข้าไปเจอกับลูกชายสุดที่รักอย่าง “น้องปกป้อง” ได้ กลัวตัวเองจะเอาเชื้อไปติดหลาน แถมยังต้องเลื่อนแพลนการบินไปเจอพ่อครั้งแรกในรอบ 30 ปีอีกด้วย เพราะยังต้องกลับมาเจอน้องปกป้อง เลยอยากรอให้สถานการณ์การระบาดคลี่คลายแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ก่อน

“หลังจากโควิด-19 ก็คืออยู่บ้านอย่างเดียวเลย แล้วที่สำคัญก็คือแขต้องเจอเด็กเล็กตลอด เพราะฉะนั้นแขก็ค่อนข้างที่จะเซฟตัวเองมาก ก็มีงอแงนะคะ อยากแอบออกไปต่างจังหวัดบ้าง แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ดีกว่า เซฟตัวเองอยู่บ้านดีกว่า”

บอกเครียดมากอยู่ช่วงหนึ่ง ที่ต้องห่างกับน้องปกป้อง เพราะไม่รู้ว่าติดโควิด-19 หรือเปล่า เลยไม่กล้าเข้าไปหา ทำได้แค่ขับรถไปมองที่หน้าบ้าน
“ก็เครียด จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ไม่กล้าจะเข้าไป คือมันอยู่ในช่วงที่เราเป็นหรือเปล่าวะ แล้วเราก็คิดเยอะ จนกระทั่งขับรถไปหาหน้าบ้าน พี่หอม (ศกุนตลา เทียนไพโรจน์) ก็มอง เราก็มองปกป้อง เสร็จแล้วก็ขับรถออกไป เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะเอามาติดหรือเปล่า ก็เกิดความกลัวขึ้น ขับรถไปดูหน้าบ้างก็ยังดี มันคิดถึง อย่างที่บอกว่าเหมือนเอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม รักแล้วก็ผูกพัน”

ไม่ได้รับน้องปกป้องเป็นลูกบุญธรรม แต่ก็พยายามจะมีส่วนร่วมให้มากที่สุด
“ไม่ แขพยายามมีส่วนร่วมให้ได้มากที่สุด อย่างที่บอกคือแขหลงรักไปแล้ว แต่ทุกอย่างก็คือให้พี่หอมเข้าใจ อย่างพี่หอมบอกจะไปเยี่ยมพ่อ จะพาลูกไปหาพ่อนะ แขก็ถามไปวันไหน ไปดิ เขาก็บอกคือฉันจะพาลูกไป เราก็บอกว่าเราอยากมีส่วนรวม ลูกไปไหนถ่ายรูปมาให้ดูหน่อย เราตื่นเต้น ก็วิดีโอคอล”

ดีใจน้องปกป้องเริ่มพูดตอบโต้ได้แล้วได้
“ตอนนี้ก็ แอ้... ตอบโต้ได้ พูดคำแรกได้แล้ว เป็นคำว่า อะ ซึ่งเราเดากันว่าเป็นคำว่าเอา เวลาถามโอเคไหม ก็ตอบ อะ ประมาณนี้”

เผยเต็มใจให้น้องปกป้องเรียกว่าลุง เพราะรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงพอที่จะคอยปกป้องดูแลเขาได้
“จริงๆ คงเรียกลุง เพราะเรามีความรู้สึกว่าเราดูแข็งแรง เวลาเราอยู่กับเขา เราสามารถดูแลเขาได้ เราก็อยากแอบพาเขาไปเล่นกีฬา อยากแทรกซึมกีฬาไป อาจจะเป็นเทนนิสก่อน”

ก่อนหน้านี้เห็นต้นหอมตามหาคุณหมอมาช่วยดูเรื่องพัฒนาการ ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว
“ตอนนี้ก็ดีขึ้น แขว่าพี่หอมก็ได้รับคำแนะนำจากคุณหมอ แล้วพี่หอมก็มาบอกเรานะ ว่าจะพาลูกไปหา ซึ่งเราก็บอกพี่หอมไปว่า เชื่อมั่นในตัวเองนะ เชื่อมั่นในตัวลูก”

การรับสารหลายภาษา เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้องปกป้องพูดช้า
“ก็ด้วย คือแขว่าพี่หอมก็ด้วยความเป็นห่วงลูกมาก กลัวจะพูดช้าหรือเปล่า หรือว่ามีอะไรผิดปกติทำให้ลูกพูดช้าหรือเปล่า แต่ก็ไม่ สุดท้ายแล้วความหลายภาษาเนี่ยก็คือต้องอาจจะพูดช้านิดหนึ่ง”

ยืนยันไม่หยุดพูดภาษาสวีเดนกับปกป้อง เพราะหลานมีรีแอ็กที่ดูเข้าใจจริงๆ และจะได้ฝึกภาษาสวีเดนไปโดยอัตโนมัติด้วย
“ไม่หยุดค่ะ พูดต่อ เวลาพูด พูดแล้วบางทีพี่หอมอยู่กับเพื่อนๆ ทุกคนก็จะหันมามองแบบคุยอะไรกัน แต่ปกป้องเขาจะมีรีแอ็กชั่นที่เขาเข้าใจจริงๆ น้องก็จะได้ภาษาไปโดยอัตโนมัติ”

โพสต์ประเด็นเรื่องสีผิวในอินสตาแกรม ไม่ได้ต้องการให้คนมาเห็นใจ บอกนี่ยุค 2020 แล้ว สังคมควรทำความเข้าใจว่าการเหยียดเชื้อชาติและสีผิว มันเป็นเรื่องที่ไม่โอเค
“จริงๆ แขโพสต์ไม่ได้อยากให้คนมาเห็นใจ หรือจะบอกว่าดำแต่กาย แต่ใจสะอาด แขไม่ต้องการอย่างนั้น แขว่ามันยุค 2020 แล้ว แล้วแขว่าเมืองไทยค่อนข้างเงียบเรื่องกรณีนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วมันเป็นกรณีที่ พูดกันตรงๆ นะ มันสามารถเอาไปใส่ในการศึกษาของทุกวันนี้ได้เลย เพื่อให้เด็กทำความเข้าใจ เพื่อให้สังคมทำความเข้าใจว่ากรณีการเหยียดเชื้อชาติ มันไม่โอเคเลยกับเรื่องพวกนี้

“แขเจอบ่อย เจอจนชิน แล้วแขก็ไม่ต้องการคำปลอบใจ แขอยากส่งต่อ อยากเป็นสื่อหนึ่งที่เป็นตัวแทนของคนผิวสีในประเทศไทย ว่าเฮ้ย...มันถึงเวลาแล้วนะ ที่ทุกอย่างมันควรจะเปลี่ยนแปลง และมีการพูดถึงมากกว่านี้”

อยากมีแคมเปญในประเทศไทยที่เปิดกว้างกับความหลากหลายของเชื้อชาติ เพื่อจะได้เห็นว่าความงามมันมีหลายรูปแบบ ไม่ใช่ติดอยู่กับคำว่าขาวถึงจะสวย
“เอาจริงๆ อยากมี แต่แขมีความรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่าง มันก็ถูกตีช่องแคบด้วยปัจจัยอะไรหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะสื่อ ไม่ว่าจะเป็นนิตยสารเอย พรีเซ็นเตอร์เอย แขไม่ได้พูดว่าคุณต้องมาใช้แข แต่แขมีความรู้สึกว่า ใครก็ได้ที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ได้ยืนอยู่ในแคมเปญนั้น ได้ร่วมถ่าย ได้ขึ้นปกนั้น ไม่ได้ติดอยู่กับคำว่าขาวและสวยๆ ขึ้นปกตลอด ทุกอย่างนี่จะต้องติดขาวและสวย แขว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดี และมันดีสำหรับนิวเจนเนอเรชั่นที่จะได้เห็น และจะมองเห็นว่าจริงๆ แล้วความงามที่เราเห็นและเราสืบมาเป็นร้อยๆ ปีเนี่ย มันมีหลายรูปแบบ”

ถ้ามีโอกาสได้ทำ คิดว่าคงจะทำได้จริง เพราะทุกอย่างมันเริ่มได้จากผู้ใหญ่ แต่ทุกวันนี้กลายเป็นเรื่องเพิกเฉย เลยไม่มีใครพูดถึง
“แขว่าทำได้จริง เพราะจริงๆ แล้วมันเริ่มที่ตัวผู้ใหญ่ก่อน ผู้ใหญ่เด็กได้อะไรจากผู้ใหญ่ ทุกวันนี้แขรู้สึกว่าเราทำให้มันมองเป็นเรื่องเพิกเฉย เป็นเรื่องปกติทั่วไป ไม่มีใครพูดถึงในส่วนนี้ แล้วที่สำคัญก็คือคนถามแขตลอด แขโดนอะไรบ้าง แขรู้สึกยังไง แขก็อยากถามกลับกัน ทำไมไม่ไปถามพวกที่ทำตัวแบบนี้ล่ะ เลือกปฏิบัติหรือว่ามาพูดกับพวกเราแบบนี้ ในการเหยียดเชื้อชาติ หรือว่าการล้อเลียนอะไรต่างๆ คิดอะไร เป็นอะไรถึงได้ทำแบบนั้น อันนี้คือคำถามใหญ่สำหรับแข ที่ถามกลับไป ว่าลองไปหาถามแล้วกัน ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น”

ส่วนตัวเรื่องเหตุการณ์หรือความทรงจำเลวร้ายที่ฝังใจเกี่ยวกับการเหยียดสีผิว ตนผ่านมันมาได้แล้ว เพราะมีพื้นที่ของตัวเอง แต่อีกหลายคนที่ไม่มีตรงนี้ ก็ยังถูกบูลลี่ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่แฟร์
“เอาจริงๆ อย่างแข แขเอาตัวรอดได้แล้ว แล้วแขมีความรู้สึกว่า อย่างกรณีของแขผิวสีดำ ทำไมเราต้องใช้ชีวิตให้มันหนักกว่าคนอื่น เพื่อที่จะมีจุดยืนในสังคม เพื่อให้สังคมยอมรับ ในเมื่อคนที่มาพูดว่าเราหลายๆ คนเนี่ย เขาใช้ชีวิตปกติธรรมดา แต่แขมาถึงตรงนี้แล้ว แขมีพื้นที่ของแขแล้ว คนก็ไม่ค่อยกล้าที่จะโต้ตอบแขเท่าไหร่ แต่มีกรณีเช่น ลูกชอบเล่นเทนนิส เล่นเก่งมาก วันหนึ่งเขาอาจจะเป็นมือหนึ่งของโลกก็ได้ เราไม่รู้ แต่เทนนิสเป็นกีฬาเอาท์ดอร์ สิ่งที่ลูกได้ตอนนี้คือทำไมลูกดำ ทุกคนถามคุณแม่ว่าทำไมลูกดำ แม่ก็เอาเราไปเป็นตัวอย่าง ว่าจริงๆ แล้วเรื่องสีผิว มันมีคนผิวสีนะ ดูสิ ที่เขาพยายาม เขาก็ผ่านตรงนี้มาได้ ซึ่งปัญหาตรงนี้ เราก็ได้ปลอบใจ ได้พูดคุยกับคุณแม่เขาไปแล้ว แต่ถามหน่อยว่าตัวปัญหาคือคนที่มันพูด ทำไมถึงไปพูดกับน้องเขาแบบนั้นทั้งๆ ที่ไม่รู้เลยว่าน้องเขารักกีฬานั้นแค่ไหน แค่เด็กคนหนึ่งไปเล่นกีฬา กลับกลายเป็นถูกสังคมว่า แล้วถูกบูลลี่ ซึ่งมันไม่แฟร์กับเด็กคนนี้เลย”

ประเด็นนี้ในเมืองไทยกับเมืองนอก มีความรุนแรงพอกัน ต่างกันแค่ไทยจะเป็นเรื่องรูปลักษณ์ เมืองนอกเป็นเรื่องเชื้อชาติ
“พอกันค่ะ ต่างประเทศก็จะไปในเรื่องเชื้อชาติ แต่ประเทศไทยก็จะเป็นรูปลักษณ์ จริงๆ แล้วเรื่องชาติพันธุ์ เรื่องสีผิว ทุกอย่างมันว่ากันไม่ได้”

ดีใจจะได้กลับไปเยี่ยมคุณพ่อในรอบ 30 ปี รอโควิด-19 คลี่คลายพร้อมบินไปหาแน่นอน
“สำหรับเรื่องคุณพ่อก็เป็นเรื่องราวดีๆ ดีใจมาก แล้วก็ตื่นเต้น เราร้องไห้นะ กับการที่เราได้ใช้คำเรียกว่าแด๊ดดี้ครั้งแรก เราตกใจ เราไม่เคยใช้คำนี้ แล้วก็ตกใจที่เขารู้ว่าเรามีตัวตนอยู่ แต่เขาหาเราไม่ได้ ซึ่งตอนนี้เราก็รอแค่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ให้การเดินทางทุกอย่างเรียบร้อย เดินทางไปแล้วกลับมาไม่มีปัญหาอะไร แขจะเดินทางไปเจอเขาแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์”

ตอนนี้ยังไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้า ขอให้โควิด-19 เคลียร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แบบที่บินกลับมาแล้วไม่มีปัญหาก่อน
“ยัง เพราะเราไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง ต้องรอให้เคลียร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ก่อน อย่างที่บอกแขเดินทางเสร็จแล้ว แขใช้ชีวิตที่ยังเจอเด็กอยู่ เพราะฉะนั้นแขต้องระวัง ณ ตอนนี้ก็โทรศัพท์หากันไปก่อน”

ไม่ได้ติดต่อกันบ่อย แต่ก็สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้น แฮปปี้ได้รู้จักพี่ต่างพ่อเยอะขึ้น แต่พ่อเป็นคนหัวโบราณ เลยยังไม่ได้บอกเรื่องแต่งงานกับเพศเดียวกัน แต่ถ้าหากพ่อรับไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เจอกันในฐานะพ่อลูกที่เคยเจอกันก็พอใจแล้ว
“กับพ่อไม่ครับ เราสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้น แล้วเราได้รู้จักพี่น้องต่างพ่อของเราเยอะมากขึ้น แล้วแขก็รู้สึกว่าทุกคนแฮปปี้กับเรื่องนี้ แล้วก็รออย่างเดียวตอนนี้ รอเวลาที่จะได้เจอกัน เดี๋ยวตอนเจอกันก็คงเต็มที่แหละเรื่องความรู้สึก ต่างคนต่างเปิดใจ รวมทั้งเรื่องที่เราแต่งงานแล้ว เราก็บอกพี่สาวพ่อเดียวกันไปแล้ว ว่าเราแต่งงานมีแฟนเป็นผู้ชายนะ แล้วพี่สาวก็บอกว่าใจเย็นๆ นะ เพราะพ่อก็หัวโบราณ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็ต้องไว้คุยกันตอนเจอกันดีกว่า แล้วก็ดูว่าเขาเปิดรับได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก็เจอกันในฐานะพ่อลูกที่เคยเจอกัน”







กำลังโหลดความคิดเห็น