ทำเอาอดีตบอนด์เกิร์ลอย่าง “บริทท์ เอคแลนด์” ถึงขั้นต้องออกมาโวยวายกันเลยทีเดียวเมื่อมีรายงานว่าในภาพยนตร์ภาคล่าสุดของสายลับ 007 อย่าง No Time To Die “เจมส์ บอนด์” ที่รับบทโดย “แดเนียล เครก” จะมีลูกวัย 5 ขวบ
โดยนักแสดงอดีตสาวบอนด์วัย 77 ปี ที่เคยแสดงร่วมกับ โรเจอร์ มัวร์ ที่รับบทเป็น เจมส์ บอนด์ ในตอน The Golden Gun เมื่อปี 1974 ได้เผยกับทางรายการ Good Morning Britain ว่าเธอไม่เห็นด้วยอย่างที่สุดที่ 007 จะกลายเป็นพ่อคน เพราะสายลับสุดพิเศษรายนี้ควรเป็นชายในฝัน แฟนตาซี และ แตะต้องไม่ได้
“ฉันคิดว่า บอนด์ ควรเป็นคนที่แตะต้องได้นิดหน่อยเท่านั้น เขาเป็นผู้ชายในจินตนาการ ใครๆก็อยากเป็น บอนด์” บริทท์ เผยถึงความคิดเห็นของตนเอง
เมื่อถามว่าการสร้าง เจมส์ บอนด์ ให้มีลูกถือเป็นการทำลายความฝันกันเลยหรือไม่ บริทท์ ตอบว่า “ฉันคิดว่างั้นค่ะ ฉันคิดแบบนั้น บาร์บารา ( โปรดิวเซอร์ที่ทำหนังเจมส์ บอนด์ มานาน ) และ ไมเคิล ( โปรดิวเซอร์ที่ทำงานใน EON Productions ) รู้ดีกว่าฉันเสียอีก มันคงวิเศษมากถ้าพวกเขาย้อนเวลากลับไปสู่วิถีเดิมๆ ให้เขาเป็นหนุ่มโสดมีอายุ”
เจมส์ บอนด์ จะกลายมาเป็นพ่อของ มาทิลเด ลูกสาวของเขาที่เกิดกับ ดร.เมเดลีน สวอน ที่รับบทโดย เลอา เซย์ดูซ์
ทางด้าน The Mail ก็ได้ยืนยันข่าวลือดังกล่าวว่า สายลับ 007 ผู้มากรัก กำลังจะมีลูกสาววัย 5 ปี ในภาพยนตร์ตอนที่ 4 อย่าง No Time To Die
ข่าวลือดังกล่าวถูกพูดถึงอย่างมากตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่ตารางการเรียกตัวนักแสดงมาถ่ายทำของภาพยนตร์เรื่องนี้ ถูกประกาศประมูลขายในเว็บไซต์ eBay
โดยตารางงานนั้นได้บอกถึงรายละเอียดของการถ่ายทำฉากต่างๆ ทางตอนใต้ของอิตาลี เมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว โดยมีทั้งคิวของ ดร. สวอนน์ กับ โนมิ ที่รับบทโดย ลาชานา ลินช์ ซึ่งเธอจะมาเป็นสาวผิวสีคนแรกที่รับบทเอเจนท์ 00 ส่วนเด็กอายุ 5 ปี ที่ชื่อมาทิลเด จะรับบทโดย ลิซ่า โดราห์ ซอนน์
และในซีนที่ #235 ก็มีคิวถ่ายทำฉากที่ โนมิ พา เมเดลีน และ มาทิลเด ไปหลบในที่ปลอดภัยซึ่งเป็นมีฉากหลังเป็นเกาะ ส่วนทางปาปารัสซีเอง ก็เคยถ่ายภาพกองถ่าย ที่เผยให้เห็นภาพของ เด็กหญิงสวมชุดเอี๊ยมสีฟ้าอยู่กับบรรดานักแสดงและทีมงานในกองถ่าย อย่างไรก็ตามไม่ยืนยันว่าเด็กในภาพคือผู้รับบท มาทิลเด หรือไม่
ด้านแหล่งข่าววงในของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เผยด้วยว่า “ใช่ มันคือเรื่องจริง บอนด์จะเป็นพ่อคน แดเนียลอยากทำหนังเรื่องนี้ออกมาให้คนดูประหลาดใจที่สุดในขณะที่สนุกตื่นเต้นไปพร้อมๆกัน แดเนียลอายุเยอะแล้วและบทบอนด์ของเขาก็เป็นผู้ใหญ่มากๆ พร้อมกับมองชีวิตผ่านวิถีความเป็นพ่อ แต่จริงๆแล้วเรื่องราวมันยังมีอะไรมากกว่านั้นอีกเยอะ”
ตามรายงานระบุอีกว่า ฟีบี วอลเลอร์ บริดจ์ ถูกนำตัวมารีไรท์สคริปท์หลังจากที่ผู้กำกับเดิมอย่าง แดนนี บอยล์ ถูกแทนที่ด้วย แครีย์ โจจิ ฟูกุนาง่า
ส่วนการทำให้ เจมส์ บอนด์ ต้องกลายมาเป็นพ่อคนในครั้งนี้ นับเป็นการเปิดโลกใหม่อย่างสิ้นเชิง ซึ่งนับเป็นสิ่งที่แฟนๆสายลับ 007 ไม่เคยคาดคิดมาก่อน หลังจากที่ เจมส์ บอนด์ มักจะหว่านเสน่ห์ขโมยหัวใจสาวๆ และหลับนอนกับผู้หญิงสวยๆแทบนับไม่ถ้วน
สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เดิมถูกกำหนดให้เข้าฉายเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา มีอันต้องเลื่อนกำหนดออกไปเป็นเดือน พ.ย. เนื่องจากการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส
No Time To Die ห่างจากเรื่อง Spectre ถึง 5 ปี ซึ่งในเรื่องนั้นเห็นว่าสายลับ 007 ตกหลุมรักกับ ดร.สวอนน์ นักจิตวิทยาชาวฝรั่งเศส ซึ่ง Spectre จบลงที่ เจมส์ บอนด์ ขับรถ Aston Martin DB5 ของเขาออกไปกับเธอท่ามกลางพระอาทิตย์ตก
แหล่งข่าวระบุว่า เจมส์ บอนด์ จะไปใช้ชีวิตเกษียณแบบเงียบๆในจาไมกา แต่ก็ถูกเรียกตัวกลับมาเพื่อกอบกู้โลก ส่วนตัวร้ายของ No Time To Die ก็คือ ซาฟิน ที่รับบทโดยนักแสดงระดับออสการ์อย่าง รามี มาเลค
บริทท์ เอคแลนด์ สมัยเป็นสาวบอนด์