วงการดนตรีส่งเสียงสะท้อนครั้งใหญ่ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ "จอร์จ ฟลอยด์" โดยค่ายเพลงในสหรัฐอเมริกาทุกแห่งประกาศ "หยุด" ดำเนินธุรกิจ เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับกระแสการเคลื่อนไหวต่อต้านการเหยียดผิว และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหยุดใช้ความรุนแรงกับคนดำ
Atlantic Records, Capitol Music Group, Warner Records, Sony Music และ Def Jam คือส่วนหนึ่งของบริษัทในวงการเพลงที่ประกาศ "หยุดดำเนินธุรกิจ" ภายใต้สโลแกน #TheShowMustBePaused และสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วง
กระแสการประท้วงใหญ่ในสหรัฐฯ เกิดขึ้นหลังหนุ่มผิวดำ จอร์จ ฟลอยด์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เข่ากดไปที่คอนานหลายนาที ระหว่างการจับกุมตัวในคดีเล็กน้อยอย่างการใช้แบงค์ปลอมซื้อบุหรี่ จนสุดท้ายทำให้เขาเสียชีวิต
ซึ่งภาพที่ออกมาทำให้อเมริกันชนทั้งผิวดำ และทุก ๆ กลุ่มไม่พอใจในการกระทำของเจ้าหน้าที่อย่างรุนแรง นอกจากนั้นประธานาธิบดี ดอนัลด์ ทรัมป์ ก็เติมเชื้อไฟให้กับการประท้วงด้วยการออกมาตำหนิกลุ่มผู้ประท้วงว่าใช้ความรุนแรง และกำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเรื่องนี้ให้เข้มงวดที่สุด
โดย ควินซีย์ โจนส์ โปรดิวเซอร์ระดับตำนานได้กล่าวว่า "มันยากมากที่จะพูดออกมา เพราะผมโดนเหยียดมาทั้งชีวิต ซึ่งในวันนี้ความอัปลักษณ์เหล่านั้นได้ปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว พระเจ้าได้ชี้นำให้เราจัดการกับมันให้ได้อย่างเด็ดขาดในคราวนี้"
Columbia Records ยังแสดงความชัดเจนว่าการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่ "การหยุดงาน" แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของวงการเพลงเพื่อ "หาวิธีที่จะเดินต่อไปข้างหน้าให้ได้"
"บางทีถ้าปิดเพลงซะ เราอาจจะได้ยินความจริงก็ได้" Columbia Records กล่าว ซึ่งบริษัทหลาย ๆ แห่งยังช่วยบริจาคเงินให้กับองค์กรที่ต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมด้วย
ตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดการประท้วงขึ้นในหลาย ๆ รัฐของสหรัฐฯ ซึ่งแม้ส่วนใหญ่จะแสดงพลังด้วยการเดินขบวนโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่ผู้ประท้วงจำนวนไม่น้อยก็แสดงความโกรธอย่างรุนแรง จนกลายเป็นการใช้ความรุนแรง มีการทุบทำลายข้าวของ และเผาสถานที่ต่าง ๆ ขณะที่ตำรวจก็ตอบโต้ด้วยการใช้แก๊ซน้ำตา, สเปรย์พริกไทย เพื่อควบคุมฝูงชน
ศิลปิน และดาราจำนวนมากได้ออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนผู้ประท้วง ไม่ว่าจะเป็น ริอันน่า, บียอนเซ, เจย์-ซี, ดร. เดร, เทย์เลอร์ สวิฟต์, คาร์ดี บี, บิลลี เอลลิช, คิลเลอร์ ไมค์ ซึ่งหลายคนแสดงความรู้สึกอย่างรุนแรงต่อเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะนักแสดงชื่อดัง เจมี ฟอกซ์ และศิลปินซูเปอร์สตาร์ อาริอานา แกรนเด
"ในไม่กี่วันที่ผ่านมา มวลมหาศาลแห่งการทำลายล้าง, ความโกรธ และความเสียใจได้ก่อตัวขึ้นมา ฉันเองรู้สึกเอ่อล้นเกินกว่าที่จะพูดอะไรออกมาได้แม้แต่นิดเดียว! การได้เห็นพวกเราโดนฆ่า และโดนรุมประชาทัณฑ์วันแล้ววันเล่า ได้ผลักดันให้ฉันมาอยู่ในจุดที่รู้สึกหนักใจเหลือเกิน" ริอันน่า กล่าว
ส่วน บียอนเซ ก็กล่าวผ่านคลิปว่า "เรากำลังจะเป็นพยานของการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในกลางวันแสก ๆ เราต่างแตกสลาย และขยะแขยง เราต้องไม่ชาชินกับความเจ็บปวดนี้" ซึ่งเธอยังเรียกร้องให้ทุกคนไปร่วมลงรายชื่อเรียกร้องความยุติธรรม #JusticeForGeorgeFloyd ผ่าน Change.org เพื่อสร้างประวัติศาสตร์เป็นการลงชื่อในเว็บไซต์แห่งนี้ให้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย
ขณะที่ศิลปินระดับมหาเศรษฐี และสามีของ บียอนเซ อย่าง เจย์-ซี ได้ออกแถลงการณ์ผ่านบริษัท Roc Nation ว่าเขาได้พูดคุยกับ ทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินเนสโซตาแล้ว และพอใจที่มีการแต่งตั้งให้อัยการทั่วไปแห่งรัฐ คีธ เอลลิสัน ให้มาดูแลคดีของ ฟลอยด์
"ผมเจ็บปวดทั้งในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง, ในฐานะพ่อ และในฐานะคนดำ ซึ่งผมจะพยายามต่อสู้เพื่อทวงความยุติธรรมในเรื่องนี้ด้วยความมุ่งมั่นยิ่งกว่าการต่อสู้ครั้งใด ๆ ผมขอเรียกร้องให้นักการเมืองทุกคน, นักกฏหมาย และเจ้าหน้าที่ในประเทศนี้ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยความกล้าเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ... กล้าที่จะมองเราเห็นเราเป็น มนุษย์, เป็นพ่อ, เป็นพี่ชายน้องชาย, เป็นพี่สาวน้องชาว และเป็นแม่ ซึ่งล้วนกำลังเจ็บปวด และมองดูตัวของท่านเองด้วย" เจย์-ซี หรือ ชอว์น คาร์เตอร์ กล่าว
ยังมีศิลปินสาววัย 18 ปี บิลลี่ ไอลิช ที่เขียนข้อความผ่าน Instagram ที่มีคนตามมากถึง 63 ล้านคนของเธอ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับกระแส "all lives matter" (ทุกชีวิตล้วนมีความหมาย) ที่เป็นถ้อยคำตอบโต้กระแส "Black Lives Matter" (ชีวิตคนดำก็มีความหมาย)
"ไม่มีใครพูดว่าชีวิตของคุณไม่มีความหมาย ไม่มีใครพูดว่าชีวิตของคุณไม่ลำบาก เพราะเรื่องทั้งหมดมันไม่ได้เกี่ยวกับคุณ! .. สังคมให้สิทธิพิเศษเพราะคุณเป็นคนขาว ขณะนี้เราต้องพูดถึงการกดขี่คนดำที่ดำเนินมาเป็นร้อยปี"
ขณะที่ พิงค์ ก็ได้มาแสดงความคิดเห็นเสริมไปกับ ไอลิช ว่า "เรื่องวิเศษของสิทธิพิเศษของคนขาวก็คือ ... คุณจะไม่ได้ยินเสียงของตัวเองด้วยซ้ำไป และจะไม่มีวันได้ยิน"
