"หมิง อรินทร์มาศ" ยอมรับกลัวออกรายการคลับฟรายเดย์ ยันไม่ได้แฉใคร แต่แฉตัวเอง ไม่อยากให้ไปสืบว่าใคร ต่างคนต่างมีเส้นทางใหม่ๆ กันไปแล้ว ฟุ้งคนที่กำลังคุยอยู่ตอนนี้มาจากสายบุญ ตั้งกำแพงสูงมาก ต้องพิสูจน์ตัวเอง และต้องผ่านด่านสุดท้ายคือพ่อแม่ รับรักที่ผ่านมาทำให้เข็ดและกลัว เคยหมดศรัทธาไปแล้ว
เป็นอีกหนึ่งศิลปิน-ดาราที่ในช่วงโควิด-19 วิกฤตในช่วงที่ผ่านมาได้ออกมาเป็นจิตอาสา แจกข้าวของสิ่งจำเป็นให้กับหลายๆ สถานที่มากมาย สำหรับสาว "หมิง อรินทร์มาศ บุญครองทรัพย์" ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าเวลามีเพื่อนๆ หรือใครมาบอกว่าจุดไหนได้รับความลำบาก ตนก็พร้อมที่จะออกไปช่วยเหลือทันที ทั้งแจกหน้ากากอนามัย และของใช้จำเป็นอื่นๆ รวมถึงนำผลิตภัณฑ์ของตนไปร่วมบริจาคด้วยเช่นกัน
"ช่วงที่ผ่านมาก็ได้ไปช่วยเหลือคนค่อนข้างเยอะมากค่ะ คือจริงๆ ตั้งแต่เริ่มมีเหตุการณ์โควิด มีเพื่อนหรือมีใครมาบอกว่าตรงไหนมีความเดือดร้อน เราก็จะมีของไปบริจาค จะไปช่วยเหลือทั้งแรงกายด้วย กำลังทรัพย์ด้วย หรือเหมือนหลายๆ คนที่เขาช่วยๆ กันมา เราก็จะร่วมกันไป ก็ไปเยอะมากเลยค่ะ นอกจากที่ตัวเองไปด้วย ก็มีซื้อชุด PPE หน้ากาก N95 แจกไปตามโรงพยาบาลทั่วประเทศเลยค่ะ เป็นสิบกว่าโรงพยาบาลแล้วค่ะ"
"อย่างที่หมิงบอกว่าตอนนี้ทำผลิตภัณฑ์ LPLUS จริงๆ ทำมาเพื่อบริจาคก่อน หมิงก็จะมีของของตัวเองเอาไปบริจาคหลายๆ ที่ และส่วนใหญ่ก็จะมีทั้งข้าว อาหาร อย่างร้านอาหารปัจจุบัน เขาจะส่งให้เรารีวิว ตอนนี้หมิงตกลงกับทางร้านว่าถ้าจะให้หมิงรีวิว ต้องเอาของไปบริจาคด้วยถึงจะรีวิว เขาก็จะส่งมาให้เรารีวิวแล้วก็เอาไปบริจาคด้วยแบบนี้ค่ะ หลังจากนี้ก็ยังมีอีก เพราะของยังมีอยู่ และตอนนี้ยังมีคนที่เขาขอความช่วยเหลือมาจากทั้งอินสตาแกรม เฟชบุ๊ก มีเรื่อยๆ เลยค่ะ”
เผยที่ไปออกคลับฟรายเดย์ แค่อยากไปแชร์ประสบการณ์ ไม่ได้ต้องการไปแฉใคร
“ค่ะ (หัวเราะ) เป็นรายการที่กลัวมาก ต้องบอกว่าเป็นรายการที่ตอนแรกไม่กล้าอยากจะไปออก พอดีคุยกับน้องทีมงานว่าเราสะดวกใจที่อยากจะพูดเท่านี้ ต้องยอมรับว่าเวลาเหตุการณ์ เรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา เราก็ไม่ค่อยอยากไปพูดถึงเรื่องคนเก่าๆ มากนัก เพราะบางทีตัวเราเองก็มีทางเดินเส้นใหม่ของเรา เขาก็มีเส้นใหม่ของเขา แต่หมิงก็ไปพูดในมุมมองความรักมากกว่า มันเหมือนการสะท้อนให้เห็น บางคนอาจจะมีประสบการณ์เหมือนเรา แล้วในวันนี้เขายังหาทางออกไม่ได้ แต่เราออกมาได้แล้ว มันก็เป็นกำลังใจให้เขามากกว่า”
“มันเข็ดจริงๆ ค่ะ คือสิ่งที่เจอในเทปที่เล่าไป มันเข็ดจริงๆ เพราะหมิงเชื่อว่ามันไม่ใช่หมิงคนเดียวที่เจอเหตุการณ์แบบนั้น มันมีหลายต่อหลายคนที่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ เพราะต้องยอมรับว่าทุกวันนี้การที่เรามีโซเชียลเยอะแยะมากมาย มันทำให้คนเรารู้จักกันง่ายขึ้น เราทำความรู้จักกันได้เร็วขึ้น มันไม่ได้มีกำแพงมากนัก มันก็เป็นดาบสองคมของชีวิตคู่ หมายถึงคนที่คบกัน ความสัมพันธ์แบบนี้”
บอกไม่อยากให้ไปสืบว่าเป็นใคร แต่ก็ไม่มีใครมาถามว่าทำไมถึงไปพูดถึงเขา
“อย่าไปรู้เลยค่ะว่าเป็นใคร (หัวเราะ) เอาเป็นว่าขอไม่บอก แต่ว่ามันเป็นประสบการณ์มาเล่าให้ทุกๆ คนได้ฟังว่าเราเคยเจอแบบนี้ บางคนตอนนี้อาจจะประสบอยู่ แล้วคิดว่ามันเป็นเรื่องราวที่แย่ที่สุดในชีวิต บางคนถึงขั้นคิดในทางที่ไม่ดีกับตัวเอง อยากจะบอกว่าทุกอย่างมันมีทางออก และอยากจะให้รักตัวเองเยอะๆ ไม่มีใครรักเราเท่าพ่อแม่เราและตัวเราแล้ว ถ้าเขาทำไม่ดี ไม่ต้องคิดอะไรเลย เราทำตัวของเราให้ดีที่สุดดีกว่า”
"ถามว่าเขามาถามไหมว่าพูดถึงเขาทำไม ก็ไม่มีค่ะ เพราะหมิงพูดกับทางรายการชัดเจนว่าหมิงไม่ได้ออกมาเพื่อจะมาแฉใคร ทุกๆ คนเขาก็มีเส้นทางของเขา เราก็มีเส้นทางของเราเหมือนกัน แต่เราแค่มาเล่าประสบการณ์แชร์ให้ฟังเฉยๆ เราไม่ได้พูดอะไรน่าเกลียดเลย เราไม่ได้ไปว่าเขา ถ้าดูจริงๆ หมิงมีแต่แฉตัวเองว่ารู้สึกอายมากกับสิ่งที่เล่าไป จริงๆ มันเกี่ยวนะคะ มันไม่ใช่ว่าเราไม่อยากมีความรักอีก ถ้าเราเจอคนที่ดี คนที่ใช่เราก็อยากเริ่มต้นใหม่นะคะ แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมา มันก็เป็นบททดสอบ บทเรียนให้กับเราต้องระวังตัวเองมากยิ่งขึ้น เราต้องดูคนมากแค่ไหน ต้องระวังคนมากแค่ไหน”
เผยโสดมาเกือบปีแล้ว แต่ก็ยอมรับว่ามีคนคุย
"ตอนนี้ก็โสดมาน่าจะเกือบปีแล้วนะคะ ก็มีเข้ามาคุยค่ะ เรียกว่าไม่อยู่ในวงการดีกว่าค่ะ (หัวเราะ) จริงๆ มันก็มีคนเข้ามาแหละ เราก็อายุเท่านี้แล้ว เราก็ต้องดูๆ กันไป ถ้ามีเข้ามาแล้วทำให้ชีวิตเราดีขึ้น หมิงว่าเราคบไปก็ไม่เสียหาย แต่ถ้าอะไรที่เราก็ดูแลตัวเองได้ อยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องสร้างความทุกข์ให้กับตัวเอง ก็ต้องเลือกเอา”
"ถามว่ายังไม่หมดศรัทธาในเรื่องความรักใช่ไหม ก็แอบกลัว แอบหมดไปบ้าง ว่าเฮ้ย คนดีจริงๆ มีไหม นอกเหนือจากตัวเราที่เราเจอ คนรอบข้างก็มีคนที่เจอหนักกว่าเราเยอะมาก ก็คิดว่าขนาดนี้เลยหรอ เราก็คิดว่าเราระวังคนของเราแล้ว แต่คนอื่นที่เข้ามาก็น่ากลัวเหมือนกัน ไม่รู้จะทำยังไง รักครั้งใหม่ก็อาจจะเป็นกำแพงสูงขึ้นให้กับคนที่เข้ามาใหม่ ที่เขาอาจจะงงว่าทำไมต้องตั้งกำแพงขนาดนั้น แต่อย่างที่บอกเราเป็นผู้หญิง เราก็ไม่อยากคบใครไปเรื่อยๆ แล้ว อยากเรียนรู้จริงๆ ถ้าใช่จะได้แต่งงาน มีครอบครัวไป”
เผยคนใหม่ไม่ใช่คนในวงการ แต่ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองเยอะหน่อย
"กับคนใหม่เหรอ ใครคะ (หัวเราะ) ก็มีคนคุย ถามว่าหล่อไหม ก็ดูโอเคค่ะ (ยิ้ม) ถามว่าเรียกแฟนได้แล้วหรือยัง หมิงว่าคุยๆ อยู่ดีกว่า อย่างที่บอกกำแพงสูงมาก ถ้าเขาไม่ชนะใจเรา ไม่ชนะใจคุณพ่อคุณแม่ หมิงพูดเลยว่าจะไม่เริ่มต้น หมิงว่าเป็นปราการสุดท้ายแล้วล่ะ ให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยดูด้วย ไม่รีบร้อนค่ะ ถามว่าเพื่อนเชียร์ให้แต่งไหม คือเพื่อนก็แต่งงานกันหมดแล้ว เขาก็อยากเห็นเรามีครอบครัว แต่จังหวะชีวิตคนเราไม่เท่ากัน ถ้าจังหวะเราไม่มา รีบไปก็เท่านั้น แต่ถ้าเจอคนที่ใช่ บางที 3 เดือน 6 เดือน อาจจะแต่งงานเลยก็ได้ ถ้าเขาใช่จริงๆ แล้วทำดีให้พ่อแม่เห็น ตัวเราเห็น มั่นใจว่าคือคนที่ฝากไว้ได้จริงๆ เราก็จะตัดสินใจได้ค่ะ”
"ยังไม่ลงรูปค่ะ ไม่ลง ขอเก็บไว้เป็นพื้นที่ส่วนตัวนิดนึง (หัวเราะ) แต่เคยได้เจอกับพ่อแม่แล้วค่ะ ก็ถ้าอยากจะเข้ามา ก็ต้องให้พ่อแม่ตัดสินใจด้วย แล้วมาจากสายบุญ มาจากโควิดนี่แหละค่ะ รู้จักกันชวนกันไปทำบุญ เหมือนถูกคอกัน ก็เลยศึกษากันไป พ่อแม่เขาก็บอกให้ค่อยๆ ดูค่ะ ค่อยศึกษาไป คนดีเราอาจจะตัดสินไม่ได้ภายใน 1-2 เดือน ถ้าคนที่อยากเข้ามา เขาอยากชนะใจเรา ระยะเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ค่ะ”