“แนนนี่ เกิร์ลลี่เบอร์รี่” โฟกัสความเป็นจริง มองวงการบันเทิงคือวัฎจักร ลั่นไม่เลือกงานชีวิตก็ไม่กระทบ ผันตัวเองทำงานบริษัทกินเงินเดือน และกำลังจะมีอาชีพใหม่คือครูสอนออกกำลังกาย
หายหน้าหายตาไปจากหน้าจอพอสมควรสำหรับอดีตนักร้องเกิร์ลกรุ๊ป “แนนนี่ ภัทรนันท์ ดีรัศมี” หรือ “แนนนี่ เกิร์ลลี่เบอร์รี่” ที่ตอนนี้ผันตัวเองไปทำงานบริษัท และรับงานในวงการบันเทิงบ้างประปราย ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเจอสาวแนนนี่จึงอัปเดตชีวิตว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ทำอะไรอยู่
“ตอนนี้ทำงานประจำอยู่บริษัทหนึ่ง ทำเกี่ยวกับพวกออนไลน์ ตอนนี้โควิด-19 ก็ไม่ได้มีกระทบอะไร กลับดีขึ้นด้วย เพราะทุกคนใช้บริการออนไลน์กันมากกว่าเดิม นี่ก็รับเป็นที่ปรึกษาให้เขา ก็ได้เป็นเงินเดือนตามปกติ อีกอย่างที่ทำคือทำคลิปออกกำลังกาย ก็พยายามทำคลิปคิดคอนเทนต์ลงไอจีมากขึ้น ด้วยความที่เราทำงานออนไลน์ ก็จะมีเวลาเยอะเพราะไม่ได้เข้าออฟฟิศ เราก็มีเวลาทำอย่างอื่นด้วย”
“ที่ผ่านมาเราเองเป็นคนที่ออกกำลังกายมานานมากแล้ว ก็คิดจะทำอะไรหลายๆ อย่างแต่ว่าไม่มีเวลา พอเกิดช่วงแบบนี้ด้วยก็เลยได้เห็นอะไรกันเยอะขึ้น ก็จะพยายามทำให้ต่อเนื่องเพื่อทำลงยูทิวบ์”
เผยกระแสตอบรับดี เตรียมผันตัวเองเป็นครูสอนออกกำลังกาย
“กระแสตอบรับดีมาก เพราะก่อนที่เราจะทำก็มีคนมาถามเราตลอดว่าออกกำลังกายยังไง ดูแลตัวเองยังไง คือเขาก็ชอบกัน เราเองก็พอจะมีกล้ามประมาณนึง อย่างที่บอกว่าเราออกกำลังกายมานานมากแล้ว ตอนนี้กำลังเทรนที่จะเป็นครูสอนการออกกำลังกายบางอย่างด้วย การทำคลิปมันก็เหมือนการเอาสิ่งที่เราทำอยู่แล้วเอามาทำให้เกิดประโยชน์กับคนอื่นบ้าง”
มองงานในวงการเป็นวัฎจักร ขอโฟกัสกับความจริง ลั่นไม่เลือกงานไม่กระทบ เลือกงานที่หาเลี้ยงชีพได้และเห็นตัวเองในอนาคต
“ช่วงหลังๆ จะเป็นในรูปแบบของการไปออกรายการ มีคอนเสิร์ตบ้าง มีหนังติดต่อเข้ามาบ้างแต่ก็ยังไม่ลงตัว พอโควิดนี่ก็หายไปเลย (หลังเราก็หายหน้าไปจากจอด้วยคือเราตั้งใจรับงานน้อยลง?) เรามองว่างานในวงการมันเป็นวัฎจักร ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี่ก็เตรียมตัว เราไม่ได้ทำงานในวงการแค่อย่างเดียว เราพยายามทำงานให้หลากหลาย มันเลยทำให้ต่อให้เราจะไม่ได้อยู่ในหน้าจอวงการบันเทิง แต่ชีวิตเราไม่กระทบ เรามองในพาร์ตของความเป็นจริง นั่นก็คือเราต้องหาเงินเลี้ยงชีวิต อยู่ตรงไหนแล้วไม่กระทบ ชีวิตเราโอเค ครอบครัวเราโอเคก็ถือว่าปกติ งานในวงการสำหรับนี่ถ้ามีเข้ามาแล้วเวลาเหมาะสมเราสามารถทำได้ก็รับปกติ เราจะไปโฟกัสที่งานของเรา งานที่มันมองเห็นเป็นสเต็ป ณ จุดที่เรายืนอยู่มากกว่า”