"จูน นาตาชา" แถลงพร้อมผู้เสียหาย ถูกเบี้ยวค่าตัว ถูกข่มขู่ เบ่งนามสกุลดัง ตร.ไม่กล้ายุ่ง มูลค่าความเสียหายหลักล้าน พ้อต้องทนถูกด่า 3 วัน เหตุคู่กรณีพูดไม่เป็นความจริง เจ็บจี๊ดบอกให้แค่ 3 หมื่น ไม่พอใจก็ไม่ต้องเอา แฉยับเรียกเก็บค่าพรมแดงผู้ปกครองเด็กคนละ 5 พัน วอนหยุดพฤติกรรมลวงโลก เผย "แน็ก ชาลี" โดนด้วย และไม่โอเค ไม่ขอร่วมงานอีก
กลายเป็นเรื่องราวลุกลามไปใหญ่แล้ว สำหรับกรณีที่นางเอกสาว "จูน นาตาชา" จากภาพยนตร์เรื่อง ปิดป่าหลอน ได้ออกมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้จัดละครดังอย่าง "ครูอี๊ด ธัญวลัย เผ่าจินดา" ระบุว่าถูกโกงค่าตัวในการเล่นละครเรื่อง ละครนิทานเด็กดี โดยล่าสุดเจ้าตัวได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวร่วมกับผู้เสียหายอีก 3 คน ณ ณ บริษัทเอ็นดูเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เผยว่าที่ไม่ได้ทำสัญญาตั้งแต่ตอนแรกเพราะว่าตนเชื่อใจ และตนก็เคยไปช่วยงานฟรีแบบไม่คิดค่าตัวก็หลายครั้ง แต่ที่อีกฝ่ายออกมาพูดนั้นไม่เป็นความจริงเลย
"ต้องบอกก่อนว่าก่อนจะถ่ายละคร จูนกับครูอี๊ดได้มีการร่วมงานกันมาก่อนหลายงานแล้ว ซึ่งเป็นงานที่ไม่ได้มีเรื่องค่าตัวเข้ามานะคะ เพราะว่าบางงานเขาก็ขอให้เราไปช่วย เราก็ไปโดยที่ไม่มีค่าตัว เราก็ยินดีช่วย หลังจากนั้นก็มีการติดต่องานละครเข้ามา เพราะเขาเห็นเรามีผลงานภาพยนตร์กับแน็ก (ชาลี ไตรรัตน์) เขาก็เลยอยากได้เราไปเล่นละครด้วย ก็ให้ติดต่อแน็กด้วย แต่ว่าตอนที่ครูอี๊ดติดต่อให้ไปเล่นละคร ไม่ได้มีการคุยเรื่องสัญญา เนื่องจากจูนก็ไม่กล้าถาม ก็คิดว่าเขาน่าจะไว้ใจได้ เลยไม่ได้มีการคุยเรื่องสัญญา"
"ส่วนเรื่องค่าตัวที่เขาออกข่าวว่าเราบอกว่าไม่เอาค่าตัวก็ได้และเราให้เขาบอกคนอื่นว่าเราได้ 5 หมื่น คือก่อนหน้าที่จะมีข้อความนั้น ทางครูอี๊ดมาปรึกษาว่าถ้ามีคนมาถามว่าเขาจ้างเท่าไหร่ จูนจะตอบไปว่าเท่าไหร่ดีเพื่อจะให้เขาดูดี จูนก็อยากจะสนับสนุนเขานะ ก็เลยบอกว่าถ้าใครมาถามก็จะบอกว่า 5 หมื่นแล้วกัน แต่ไม่ต้องให้จริงหรอกค่ะ เพราะเรารู้ว่าเขามีค่าใช้จ่ายเยอะ ทีนี้เขาก็เอาตรงนั้นมายกเป็นข่าวว่าเราพูดเองว่าไม่ต้องให้ค่าตัว และจูนยังบอกอีกว่างานที่ครูอี๊ดให้หนูมันก็โอเคแล้ว คือเราก็อยากให้เขารู้สึกดี แต่ก่อนหน้านั้น 1 ปีจูนก็มีงานของจูนด้วยตัวเองอยู่แล้วเยอะมาก"
บอกจำนวนเรตค่าตัวลดราคาให้แล้วเหลือตอนละ 15,000 บาทก็ยังไม่ยอมจ่าย
"จากนั้นก็ได้มีการเริ่มถ่ายไปได้สัก 2-3 ตอน จูนก็ได้ถามเขาว่าเรื่องค่าตัวยังไงดีคะ ครูอี๊ดก็บอกว่าต้องคุยกันใหม่นะ เพราะมันไม่มีสัญญาตั้งแต่แรก หนูก็เอะใจว่าถ้าจะมาพูดสัญญาตอนนี้ ทำไมตอนแรกคุณไม่ให้เราเซ็นล่ะ หนูมีแชตที่คุยตอนนั้นเป็นเอกสารหลักฐานให้ดูค่ะ แล้วหนูก็เลยบอกเขาว่าถ้าครูแจ้งเป็นสัญญามา หนูก็ขอแจ้งเป็นเรตค่าตัวของหนูแล้วกัน เป็นเรตค่าตัวนักแสดงนำ เพราะครูติดต่อให้มาเล่นเป็นบทนำ จูนก็เลยตั้งเรคไปซึ่งเรตนี้จูนก็ลดให้แล้วนะคะ นั่นก็คือตอนละ 15,000 บาท 3 ตอนที่ถ่ายไปก็รวมเป็น 45,000 บาท ซึ่งหนึ่งตอนถ่ายประมาณ 2 วัน ซึ่งดาราปกติเขาก็จะคิดค่าตัวเป็นต่อคิวต่อหนึ่งวัน แต่นี่จูนรวมให้ค่าตัวนั้นเป็น 2 วันต่อเรตนั้น"
"ครูก็รับทราบแล้วนะคะ จูนมีแชตเป็นเอกสารหลักฐานค่ะ เขาก็บอกว่าถ้าจะเอาตอนละ 15,000 บาทต้องรอสปอนเซอร์เข้าก่อน หนูก็บอกว่าโอเคไม่เป็นไร รอก็ได้หนูเข้าใจ ก็รอมาเรื่อยๆ จนผ่านมา 5 เดือนแล้วค่ะ ก็ลองถามไปใหม่ว่าครูอี๊ดจะจัดการเรื่องค่าตัวให้เป็นช่วงไหนช่วงแจ้งจูนได้ไหมคะ เขาก็บอกว่าเขาให้ได้ที่ 30,000 บาท จูนก็บอกว่ามันไม่ได้เป็นไปตามเรตที่เราตกลงกันไว้นะคะ เขาก็บอกว่าตอนแรกไม่มีเรื่องสัญญาเข้ามา เธอเพิ่งมาบอก คือหนูบอกไปและครูก็รับทราบแล้วในเรตนั้น"
"เขาก็บอกว่าเขาจะจ่ายแค่ 30,000 บาท ซึ่งหนูคิดว่าแล้วกฎเกณฑ์ราคาค่าตัวของนักแสดงคืออะไร ถ้าผู้จัดจะบอกว่าฉันอยากจะจ่ายแค่ในจำนวนที่ฉันอยากจะจ่ายมันได้เหรอ หนูก็เจรจากับครูไปหลายครั้งค่ะ แต่เขาก็ยืนยันว่าจะจ่ายแค่ 30,000 บาท"
บอกปรี๊ดคำพูดที่ว่าจะให้แค่ 30,000 จะเอาก็เอา ไม่เอาก็ไม่ต้องเอา เลยตัดสินใจจะฟ้อง
"ซึ่งพอเจรจาไม่เป็นผลจูนก็เลยบอกว่างั้นจูนต้องไปแจ้งความนะ พอจูนไปแจ้งความก็นำหลักฐานทุกอย่างไปให้ตำรวจดูด้วย และตำรวจก็ได้โทร.หาครูอี๊ดต่อหน้าจูนเลยเพื่อให้มาคุยกับจูนที่สน. และให้มาทำสัญญากันเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ครูอี๊ดไม่มาค่ะทั้ง 2 ครั้ง โดยบอกว่าไม่ว่าง แต่เขาแอบไปหาตำรวจคนเดียวด้วยค่ะ คือเขาพยายามไม่มาเจอเรา"
"หนูก็เห็นเขาบอกว่าตำรวจไม่ให้มาเจอกัน แต่จริงๆ ไม่ใช่ค่ะ หนูมีแชตหลักฐานพร้อมเลยว่าตำรวจตามเขาแล้ว แต่เขาเลื่อน ตำรวจไม่เคยพูดว่าไม่ให้มาเจอกัน และเมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้วเขาส่งข่าวมาทางตำรวจว่าเดี๋ยวเขาจะผ่อนนะ แต่ยังไงเขาก็ยังยืนยันว่าจะจ่าย 30,000 บาท เขาขอผ่อนจ่ายนะ เดือนเม.ย. 15,000 บาท เดือนพ.ค. 15,000 บาท เขาแจ้งตำรวจว่าวันที่ 30 เม.ย. เขาจะให้ 15,000 บาท หนูก็โอเคว่าถ้าอยากผ่อนก็ได้ พอวันที่ 30 เม.ย. ตำรวจก็บอกว่ายังไม่มีเงินตรงนี้เข้ามา และครูอี๊ดก็บอกว่าเขาจะไม่ให้คุณจูนสักบาทแล้ว"
"เขาบอกตำรวจว่าที่เขาจะไม่จ่าย เป็นเพราะเขาได้รับข้อความจากจูนว่าจูนจะฟ้องเขา จูนก็แจ้งเขาไปว่าในเมื่อเราแจ้งความแล้วคุณก็ยังไม่จ่าย มันก็ต้องถึงขั้นตอนต่อไปนั่นคือฟ้อง เขาก็บอกว่าเขาไม่จ่ายเพราะจูนบอกจะฟ้องเขา แต่ก่อนที่หนูจะส่งคำพูดแชตว่าจะฟ้องไป หนูได้รับข้อความนึงจากครูอี๊ดบอกว่าเม.ย.ให้ 15,000 และพ.ค.ให้ 15,000 พอใจจะเอาไหม ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องเอา เขาพูดแบบนี้ค่ะ เราก็เลยตอบว่างั้นหนูขออนุญาตฟ้องนะคะ เพราะหนูแจ้งความแล้วคุณก็ยังไม่จ่ายเลย"
บอกถ้าอีกฝ่ายยอมมาจ่ายและรู้สึกผิด ตนก็พร้อมจะถอนแจ้งความ
"ตอนนี้ถ้าเขารู้สึกผิดและรู้สึกอยากจะรับผิดชอบ จูนก็ยินดีจะถอนแจ้งความนะคะ เพราะจูนก็ไม่อยากมานั่งฟ้องกัน แต่ทำไมเขาต้องเดินไปให้ถึงจุดฟ้องล่ะคะ ทำไมไม่รับผิดชอบทั้งๆ ที่ข้อมูลชัดเจน ตอนนี้ก็ยังให้โอกาสนะคะ เพราะเราให้โอกาสมา 7-8 เดือนแล้ว ก็ยังคิดอยู่ว่าจะให้โอกาสเขาไปอีกกี่เดือน ซึ่งถ้ารวมตั้งแต่วันถ่ายละครวันแรกจนถึงตอนนี้ก็ 11 เดือนแล้วค่ะ แต่ถามว่าจะให้เวลาถึงเมื่อไหร่ ก็แล้วแต่เขา คือเราก็เห็นใจทุกคนช่วงโควิด"
"ถามว่าถ้าเขาตกลงให้ 30,000 เราจะจบไหม คือสำหรับจูนตัวเงินไม่ใช่ประเด็นหลักแล้ว แต่ประเด็นหลักคือคุณจะมาเอาเปรียบนักแสดงแบบนี้ไม่ได้ คุณอยากจะจ่ายเท่าที่คุณอยากจะจ่ายแบบนี้เหรอ คือก่อนหน้านี้จูนยังยืนหยัดต้องการ 45,000 บาทตามเรตค่าตัวของเราซึ่งลดแล้ว แต่พอมันมาถึงจุดนี้เราไม่อยากจะฟ้องเขา เราก็อยากให้เขาเข้ามาชำระก็ได้ แต่คุณอย่าไปทำอย่างนี้กับคนอื่นอีกได้ไหม ที่จูนออกมาตรงนี้เพราะจูนไม่อยากให้เขาไปทำแบบนี้กับใครอีก"
บอกมีผู้เสียหายแจ้งมาทางตนเยอะว่าโดนผู้จัดข่มขู่และถูกโกงเหมือนตนเยอะเลย
"ยอมรับว่าเราพลาดตั้งแต่เชื่อใจเขาแล้วค่ะ ซึ่งหลังจากที่ข่าวจูนออกไปวันแรกก็มีผู้เสียหายทักมาหาจูนเป็น 10 คน จูนก็ถามว่าเสียหายขนาดนี้ทำไมถึงไม่ออกมาเรียกร้องความยุติธรรม ผู้เสียหายก็บอกว่าเขาขู่ไว้ เขาบอกว่าถ้าพูดพาดพิงถึงเขา เขาจะแบนลูกๆ ของผู้เสียหายทั้งหมดไม่ให้มีงานในวงการ และเขาจะฟ้องผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายก็ไม่กล้าออกมาขอความเป็นธรรม ซึ่งความเสียหายตรงนั้นรวมกันล้านกว่าบาทนะคะ และทุกคนมีหลักฐานหมดนะคะ คนที่ฟ้องครูอี๊ดไปแล้วก็มี จูนก็เลยบอกว่าขอเป็นตัวแทนแล้วกัน จูนจะช่วย"
"ส่วนที่เขาไปออกรายการนึงแล้วบอกว่าเขาเคยจ่ายค่าเล่าเรียนให้หนูที่จุฬาฯ เพราะว่าจูนไม่มีเงิน หลายเรื่องที่ครูอี๊ดพูดไปแล้วไม่เป็นความจริง และความจริงก็คือมีวันนึงหนูพาเขาไปทานร้านอาหารเพื่อนดาราชายคนนึง แล้วหนูก็บอกว่าหนูต้องขอออกไปจ่ายค่าเทอมตรงตู้เอทีเอ็มใกล้ๆ นี้ก่อน เพราะหนูไม่ได้สมัครโอนออนไลน์ไว้ ครูอี๊ดเขาก็บอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวเขาโอนออนไลน์ให้ก่อน แล้วค่อยเอาเงินมาให้เขา ซึ่งพอเสร็จหนูก็ไปกดเงินคืนเขานะคะ แต่เขาเอาจุดนี้มาอ้าง ซึ่งตอนนั้นเพื่อนดาราชายเจ้าของร้านก็เป็นพยานได้ เพราะว่านั่งอยู่ด้วยกัน"
"ก่อนหน้านี้หนูตั้งมั่นเลยว่าหนูจะฟ้องเขานะคะ แต่พอถึงตอนนี้หนูหวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นบทเรียนให้กับเขา และกลับมาเคลียร์ตรงนี้ให้มันถูกต้อง หนูก็ทนให้ชาวเน็ตด่ามา 3 วันเต็มๆ เพราะความเข้าใจผิด ที่เขาไปออกรายการมาทั้งหมดไม่ได้พูดความจริง 80% เลยค่ะ"
แฉผู้จัด "อี๊ด" ยังเก็บเงินค่าเดินพรมแดงจากเหล่าผู้ปกครองของเด็กที่มาเรียนอีกคนละ 5,000 บาท
"อีกอย่างหนึ่งที่หนูคิดว่าเขาทำไม่ถูกต้องก็คืองานพรมแดง คือหนูได้รับเชิญไปงานพรหมแดงถูกต้องและเข้าไปนั่งดูการมอบรางวัลถูกต้อง ซึ่งครูอี๊ดเห็นว่าเราได้ไป เขาก็บอกว่าครูขอไปด้วยได้ไหมและขอเอาเด็กๆ ในโรงเรียนไปด้วยนะเป็น 10 คนเลย หนูก็บอกว่าได้ค่ะ งานพรมแดงแรกที่จูนให้ครูอี๊ดมาก็คืองานดาราเดลี่ ซึ่งครูอี๊ดไปเก็บค่าเดินพรมแดงจากพ่อแม่เด็กคนละ 5,000 บาทค่ะ เดินแค่งานข้างหน้าและกลับไม่ได้เข้าในหอประชุมนะคะ ซึ่งงานพรมแดงไม่มีเก็บเงินนะคะ จูนเดินฟรีมา 2 ปีแล้ว พองานที่สองคืองานมายาอวอร์ดก็ทำแบบนี้อีก"
"จูนก็ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเงินจากพ่อแม่เด็กอย่างนั้น แต่ผู้เสียหายวันนี้ก็มีมานะคะ และมีสลิปโอนเงินค่าเดินงานดาราเดลี่ไปให้เขาชัดเจนค่ะ แต่ผู้เสียหายบอกว่าเขาไม่หวังจะได้เงินคืนหรอกนะ แต่เขาอยากมาช่วยจูนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ตรงนี้ และอยากจะบอกสังคมว่าไม่อยากให้เขาไปทำแบบนี้กับใครอีกค่ะ"
"หลายๆ อย่างที่คุณอี๊ดให้ข้อมูลไปมันบิดเบือนและไม่เป็นความจริงนะคะ วันนี้จูนก็ได้มาโต้แย้งแล้วซึ่งจูนมีหลักฐานทุกอย่าง พอมาถึงขั้นที่เราฟ้องร้องเขาจนเป็นข่าว คนก็บอกว่าต้องถึงขนาดฟ้องเลยเหรอ เพราะคำพูดที่ว่าพอใจจะเอาไหม ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องเอา เราก็เลยดำเนินการไป เพราะคำพูดนี้ถือว่าคุณไม่ได้แคร์จริงๆ และเหตุการณ์วันนี้มีผู้เสียหายเยอะมากจากครูอี๊ด จูนเห็นใจทุกคนนะคะ และจูนอยากจะบอกเขาว่าหยุดการกระทำแบบนี้ได้แล้ว มันเป็นพฤติกรรมที่ลวงโลก หลอกลวงคน จูนไม่อยากให้ไปทำกับคนอื่นอีก และผู้เสียหายไม่ได้มีแค่กลุ่มนี้ และมีอีกกลุ่มนึงที่เตรียมหลักฐานจะฟ้องเขาอยู่ ซึ่งกลุ่มนั้นไม่กล้าออกมาเพราะครูอี๊ดไปขู่เขาเยอะ"
"ต้องแจ้งว่าเขาไม่ได้เป็นเจ้าของนามสกุลนี้นะคะ เขาเป็นแค่สะใภ้ที่แต่งเข้าไปและก็หย่าแล้ว ซึ่งสามีที่แต่งเข้าไปก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรี และไม่ได้อยากให้เดือดร้อนไปถึงตรงนั้น ซึ่งตอนแรกจูนก็เข้าใจผิดไปด้วยนะว่าเขาเป็นคนในตระกูล แต่ว่าไม่ใช่ แต่เขาชอบเอานามสกุลมาเบ่งจริงๆ ค่ะ"
บอกในส่วนของ "แน็ก ชาลี" ก็โดนเหมือนตน ยืนยันยังไม่คิดจะฟ้อง และขอให้ออกมาเคลียร์กันดีๆ
"ในส่วนของแน็ก หนูขอแก้ต่างว่าหนูไม่ใช่คนที่สร้างเรื่อง เรื่องที่เขาบอกว่าจูนบอกเขาเองว่าให้บอกคนอื่นว่าแน็กได้ 60,000 ก็สเต็ปเดิม มุกเขาเดิมคือเขามาปรึกษาจูนว่าถ้ามีคนมาถามเรื่องค่าตัวเขาจะบอกยังไงดีเพื่อให้เขาดูดีด้วย หนูก็แนะนำเขาไปว่าบอกว่า 60,000 ก็ได้ เขาก็เอาคำพูดหนูตรงนั้นบอกว่าหนูเป็นคนบอก ก็ใช่ค่ะ เราเป็นคนแสดงความคิดเห็นไปเพราะเขามาถาม เราก็ช่วยไป เพราะเราอยากจะชูเขาเหมือนกัน เราก็อยากสนับสนุน แต่พอเราชูเขากลับมาทำให้เราดูไม่ดี แน็กเขาก็บอกว่าเขาไม่โอเคกับผู้หญิงคนนี้และขอไม่ร่วมงานอีก"
"ถามว่าอยากให้เขารับผิดชอบยังไงบ้าง ตอนนี้หวังให้เขาติดต่อมาและเคลียร์ทุกอย่างให้จบ หนูไม่ทราบว่าครูทำไมถึงยื้อไม่จ่ายมาขนาดนี้ หนูก็ยังจะไม่ฟ้องเขา ยังจะให้โอกาสต่อไปอีกค่ะ ซึ่งถ้ายืดไปเรื่อยๆ แล้วเขายังไม่ให้จูนก็คงต้องฟ้องค่ะ และมีอีกอย่างหนึ่งที่หนูอยากแสดงความบริสุทธิ์ ก็คือเขาบอกว่าทำไมหนูต้องลากผู้ปกครองและเด็กเข้ามาเกี่ยว คือหนูไม่ได้ลากใครมานะคะ แต่พอมีข่าวออกไปผู้เสียหายมาทักจูนเองนะคะ"
ส่วนทางด้านผู้เสียหายที่มาร่วมแถลงข่าวด้วยนั้น ก็บอกว่าได้มีการจ่ายเงินจำนวน 50,000 บาท เพื่อเป็นการเปิดเมมเบอร์ แล้วจะได้ทำกิจกรรมมากมาย ทั้งการเข้าฉากละครหรือภาพยนตร์, เดินแบบ, เรียนการแสดงกับครูชื่อดัง และกิ๊ฟวอยเชอร์อีกหลายอย่าง แต่ก็ไม่เคยได้รับเลยสักอย่าง แถมยังโดนข่มขู่ว่าอย่าเอาชื่อผู้จัดไปแอบอ้างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะฟ้อง และบอกอีกว่าตนนั้นนามสกุลดัง ตำรวจทั้งประเทศไม่กล้ายุ่ง ซึ่งพอโดนขู่แบบนี้ทำให้เหล่าผู้เสียหายไม่กล้าดำเนินคดีใดๆ ด้วยทั้งๆ ที่มูลค่าความเสียหายรวมกันเป็นหลักล้าน