กำลังจะมีการหยิบเอา "ดาบมังกรหยก" นิยายเรื่องที่ 3 ไตรภาคของ "กิมย้ง" มาสร้างเป็นภาพยนตร์อีกครั้ง โดยผู้กำกับคนดังแห่งฮ่องกง "หวังจิง" ขอระดมดาราดัง ๆ มาร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้มากมาย
เพิ่งได้ชม ดาบมังกรหยก ฉบับซีรีส์ไปไม่นานมานี้ ล่าสุดกำลังจะมีเวอร์ชั่นใหม่ออกมาให้ดูกันอีกแล้ว แต่เป็นในแบบของภาพยนตร์ฉายโรงโดยผู้สร้างหนังชาวฮ่องกง
โดยหนัง ดาบมังกรหยก ฉบับนี้จะได้พระเอก 3 รุ่นมารับบทตัวละครสำคัญ 3 ตัว คือ หลินฟง จะเป็น เตียบ่อกี้, กู่เทียนเล่อ เป็น เตียชุ่ยซัว และ ดอนนี เยน จะเป็นปรมาจารย์ เตียซำฮง (จางซันฟง) แทนที่ หงจินเป่า ที่เคยแสดงเอาไว้ในหนังเรื่อง 20 กว่าปีก่อน
หนังยังจะได้ หมั่นหยงซาน มาเป็น เตี่ยเมี่ยง, ซาบรีน่ ชิว เป็น จิวจี้เยียก, หลิวห่าวหลง มาแสดงเป็น ซ่งแชจือ และยังมีดารารุ่นใหญ่ ๆ อีกหลายคน เรียกว่าระดมดาราฮ่องกงที่คิดถึงให้มาปรากฏตัวกันในหนังเรื่องนี้หลายคนทีเดียว
ส่วนตัวละครที่ยังไม่ได้เปิดเผยตัวออกมาก็คือ เสี่ยวเจียว ที่ตามท้องเรื่องเป็นหญิงสาวชาวเปอร์เซีย ก็เลยมีกระแสลือว่าหนังอาจจะลงทุนดึงตัวดาราชาวอุยกูร์ ตีลี่เร่อปา ให้มาร่วมแสดง แต่ หวังจิง ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
"เตียบ่อกี้" หน้าแก่?
หลังเปิดเผยภาพของตัวละครต่าง ๆ ออกมา คนที่โดนวิจารณ์มากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น หลินฟง ที่จะมารับบทเป็น เตียบ่อกี้ ตัวละครพระเอกของเรื่องนั่นเอง
หลินฟง ในวัย 40 ดูจะสูงวัยเกินไปสำหรับการรับบทนี้ในสายตาของผู้ชมหลาย ๆ คน เพราะตัวละคร เตียบ่อกี้ น่าจะเป็นเด็กหนุ่มที่อย่างน้อยอายุก็น่าจะประมาณ 20 กว่าปีอะไรแบบนั้นมากกว่า
แต่ หวังจิง อธิบายถึงเรื่องนี้ว่า ดาบมังกรหยก ของเขาจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนที่ เตียบ่อกี้ เป็นประมุขพรรคเม้งก้าแล้ว อายุก็จะอยู่ในวัยประมาณ 30 กว่าปี เพราะฉะนั้น หลินฟง ก็ถือว่าเหมาะสมกับบทบาทบาทแน่นอน
3 ทศวรรษที่รอคอย "ดาบมังกรหยก ภาค 2"
เหตุที่ เตียบ่อกี้ จะมีอายุประมาณ 30 ปี ในหนังเรื่องนี้ก็คือ ดาบมังกรหยก ที่กำลังจะสร้างนี้จะถือว่าเป็นภาคต่อของ ดาบมังกรหยก ฉบับปี 1993 ที่ หวังจิง เคยสร้างเอาไว้นั่นเหตุ
ใครเกิดทัน 27 ปีก่อน ก็อาจจะพอนึกออกว่า ตอนนั้น หวังจิง เคยหยิบเอานิยาย "ดาบมังกรหยก" มาสร้างเป็นภาพยนตร์ โดยตอนนั้นมีแผนการใหญ่โตจะสร้างออกมาเป็นหนังหลาย ๆ ภาค และระดมดาราดัง ๆ ณ ขณะนั้นทั้ง เจ็ท ลี, หงจินเป่า, ซิวซู่เจิน, จางเหมี่ยน, หลี่จือ และอีกมากมายมาประชันบทบาทกัน แต่สุดโปรเจ็คก็ไปไม่รอด หนังทำออกมาได้เพียงภาคเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นภาพยนตร์ภาคต่อกลับมาปัดฝุ่นทำใหม่อีกครั้ง และจะเล่าเรื่องต่อเนื่องจากหนังเมื่อ 27 ปีก่อน แต่ผู้กำกับคนดังก็เชื่อว่าใครที่ไม่ได้ดูหนังภาคแรกก็น่าจะดูภาคใหม่ได้รู้เรื่องเหมือนกัน...