ดรามาซ้อนดรามายิ่งกว่าละครหลังข่าว
ใครจะไปนึกว่าแค่ “แกงเขียวหวาน” ถุงเดียว จะสะเทือน และทำให้เกิดจุดพลิกผันในชีวิตของคนได้มากขนาดนี้ !!???
ปฐมบทของเรื่องดังกล่าว ที่กลายเป็นวาระระดับชาติขึ้นมา ก็เริ่มมาจากกรณีที่ “นัท-นิสามณี เลิศวรพงศ์” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ “นัท สะบัดแปรง” อินฟลูเอนเซอร์สาวข้ามเพศชื่อดังในสายความสวยความงาม ได้โพสต์ขายอาหารในนามของร้าน by-mama (บาย-มาม๊า) ซึ่งเป็นอาหารที่คุณแม่ของเธอทำแบบโฮมเมดด้วยสูตรอาหารเฉพาะตัว เพื่อสร้างความรู้สีกให้กับผู้บริโภคเสมือนว่าได้ทานอาหารรสมือแม่ โดยเปิดขายและจัดส่งให้ลูกค้าแบบเดลิเวอรี่
แต่เหตุที่เป็นเหตุ ก็เพราะสนนราคาของ “แกงเขียวหวาน” ที่ว่านั้น ถูกตั้งราคาไว้สูงลิบถึงถุงละ 250 บาท ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นโซเชียล
หนึ่ง....เพราะราคาที่สูงนั้นไม่สมกับแพคเกจจิ้งที่บรรจุในถุงพลาสติก และรัดด้วยหนังยางรัดแกง พูดง่ายๆ ว่าสภาพไม่ต่างกับแกงถุงที่ขายการตลาดนัดถุงละ 30 บาท ผิดกันก็เพียงแต่มีสติ๊กเกอร์ที่แปะไว้เพื่อบ่งบอกชื่อร้านเท่านั้น
โดยในเบื้องต้นนั้น นัท สะบัดแปรงก็สะบัดบ๊อบออกมาชี้แจงว่า เหตุที่ตั้งราคาไว้สูงนั้นก็เป็นเพราะใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ส่วนที่ใช้ถุงร้อนมัดยางเพราะต้องการช่วยลดโลกร้อนจึงไม่ใช้กล่องพลาสติกใส่อาหารอย่างที่ชาวเน็ตแนะนำ (แต่ก็ยังไม่วายมีคนตั้งข้อสังเกตว่าแล้วทำไมเมนูถั่วฝักยาวผัดมันกุ้ง ที่ลงขายเป็นเมนูแรกถึงเลือกใส่บรรจุภัณฑ์กล่องพลาสติก) สอง....การตั้งราคาที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ทุกคนกำลังประสบปัญหาเรื่องปากท้องอันเป็นผลกระทบมาจากวิกฤตของไวรัส โควิด – 19 แต่ลำพังกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ก็อาจจะไม่บานปลายไปใหญ่โตหากว่าจะไม่มีบรรดาเพื่อนพ้องน้องพี่พลพรรคองครักษ์พิทักษ์เธอออกมาผสมโรงตอบโต้ด้วยถ้อยคำเผ็ดร้อน ซึ่งทุกถ้อยคำ ดูเหมือนจะยิ่งเป็นการตอกย้ำซ้ำเติมผู้คนที่กำลังเดือดร้อนกับเรื่องค่าครองชีพทุกหย่อมหญ้า
โดยคีย์เวิร์ดสำคัญที่ทำให้ผู้คนรับไม่ได้ ก็คือประโยคที่ว่า
“จนก็กินแบบจน อย่าพูดมาก”
และยังมีวลีเด็ดๆ ตามออกมาอีกมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการสุมไฟในกองเพลิง จนเกิดกระแสแฮชแท็ก #นัทนิสา และ #แกงเขียวหวาน ขึ้นเทรนด์อันดับต้นๆ ใน Twitter ในช่วงวันที่ 25-26 เม.ย. 63
ก่อนจะนำไปสู่บทลงโทษทางสังคม ด้วยการการรณรงค์ให้ unfollow บัญชี Instagram และ unsubscribe ช่อง Youtube ซึ่งเป็นช่องทางรายได้หลักของเธอ ไม่ต่างอะไรกับการที่ทุบหม้อข้าวของตัวเอง
โดยยอดผู้ติดตามช่อง Youtube ลดจาก 1.36 ล้านคนเหลือ 1.32 ล้านคน หรือคิดเป็น 3% ภายในวันเดียว
ขณะที่บัญชี Instagram ก็ตกจาก 7.31 แสนคน เหลือเพียง 6.88 แสนคน หรือคิดเป็น 5.8%
แทบไม่ต่างอะไรกับการกลายสภาพเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ชั่วข้ามคืน เมื่อยอดฟอลโลเวอร์ที่ต้องใช้เวลาเกือบเดือนกว่าจะได้มา กลับมาตกฮวบภายใน 1-2 วัน
เพราะก่อนหน้านี้ นัท สะบัดแปรง ขึ้นชื่อว่าเป็นอินฟลูเอนเซอร์ผู้ทรงอินธิพลอย่างยิ่งยวดในสายบิวตี้ การันตีได้จาก รางวัลผู้ทรงอิทธิพลบนโซเชียลมีเดีย บนเวที Thailand Zocial Awards 2020 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
บทลงโทษครั้งนี้ จึงทำให้นัท สะบัดแปรง รวมถึงผองเพื่อนอินฟลูเอนเซอร์ฝีปากกล้าทั้งหลาย ต้องออกมาขอโทษสังคม กระนั้นก็ดูเหมือนว่า จะไม่สามารถเยียวยาความรู้สึกที่เสียไปแล้วของผู้คนให้กลับมาชื่นชอบชื่นชมเธอได้เหมือนเดิมพิเคราะห์จากยอดฟอลโลเวอร์ที่ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นสังคมก็รุมประชาทัณฑ์ซ้ำ ด้วยการขุดประเด็นดรามาก่อนหน้านี้ออกมาลากไส้ต่อไม่หยุด
ไม่ว่าจะเป็นประเด็น “การเหยียดสีผิว” ในกรณีที่นัท ลุกขึ้นมาสะบัดแปรง แต่งหน้าโคฟเวอร์ มิส ยูนิเวิร์ส 2019 "Zozibini Tunzi" ซึ่งเป็นชาวแอฟริกัน โดยเป็นการทาหน้า ทาตัวให้เปลี่ยนเป็นสีเข้มคล้ำ โดยที่ไม่ทันคิดว่าการกระทำดังกล่าว เป็นเรื่องที่บอบบาง อ่อนไหวต่อความรู้สึกของคนผิวสีเป็นอย่างยิ่ง เป็นเหตุที่ทำให้ถูกกระแสถล่มรัวๆ เลยทีเดียว
โดยมีเพจหนึ่งได้อธิบายถึงที่มาที่ไปของการกระแสต่อต้านนัท สะบัดแปรง จากกรณีดังกล่าวว่า ..... Blackface มันไกลจากบ้านเรามาก เพราะบ้านเราล้อเลียนคนดำจนเป็นเรื่องปกติ ใครที่มีเชื้อแอฟริกัน หรือแม้แต่ชั้นที่ผิวเข้ม ไม่ขาว ก็จะโดนล้อไอ้ดำ อีดำ ข้าวนอกนาบ่อยๆ โดยที่ผู้ใหญ่ยังมองว่าบ้า เด็กมันล้อกันเล่นไปอีก
แต่ไม่ค่ะ ในอีกซีกโลกหนึ่งมันรุนแรงมาก Blackface เนี่ย เกิดเพราะสมัยก่อนคนดำโดนเหยียดแรงมาก แล้วก็บอบช้ำสุด คนขาวทาหน้าดำแล้วมาเล่นละครเวที มันไม่ใช่แค่ทาหน้าสีๆ คิดออกมะ แต่มันคือการที่คนขาวเอาคนดำมาทำให้เป็นตัวตลก ให้คนมาขำ ซึ่งต่อมา อีแบล็กเฟซเนี่ยเลยกลายเป็นตัวแทนของการเหยียดผิว การดูถูกเหยียดหยาม การถูกกดขี่อย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งคนดำ (Black men) เจ็บปวดมากนะ และเรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องเซนซิทีฟทันที ห้ามแตะเลยอ่ะเธอ คือคนดำเปลี่ยนเป็นคนขาวในหนังได้นะ (White chicks) แต่ถ้าคนขาวทำคือตายค่ะ โลกลุกเป็นไฟแน่นอน .....
แม้กระทั่งคอนเทนต์การโชว์ฝีมือสะบัดแปรงที่นำเสนอว่าเป็นไอเดียที่คิด ครีเอทขึ้นมาเองนั้น ก็ไม่วายโดน “จับผิด” ว่า เป็นการลอกเลียนคอนเทนต์จากต่างประเทศล้วนๆ ถึงขนาดเคยถูกเจ้าของคอนเทนต์ตอกหน้ากลับมาแล้ว โดยมีการเปรียบเทียบภาพให้เห็นอย่างชัดเจน
ล่าสุดเจองานเข้าโครมเบ้อเร่อ !!!
เหตุเพราะดันไปรับงานถ่ายคลิปโปรโมทเว็บไซต์หนึ่ง โดยที่ไม่ได้เช็คข้อมูลให้ถ้วนถี่ ปรากฏว่าพอน้ำลด ตอก็ยิ่งผุด เพราะดันมีเพจหนึ่งออกโรงมาแฉซ้ำว่า เว็บที่นัท สะบัดแปรง ไปถ่ายคลิปโปรโมทให้นั้น ดันเป็นเว็บพนัน และตอนนี้เจ้าของเว็บดังกล่าว ก็เชิดเงินปิดเว็บหนีไปเรียบร้อยแร้วววววววววว
โดยเว็บดังกล่าว ก็คือเว็บไซต์สุ่มกล่องสินค้า ที่ชื่อว่า singmall ซึ่งอ้างตัวเองว่าเป็นแบรนด์ใหม่ล่าสุดจากสิงคโปร์ ได้รับทุนสนับสนุนจากแบรนด์สินค้าสากลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมไปถึงรายได้ที่เข้ามาของบริษัทมาจากการขายพื้นที่โฆษณา โดยยืนยันว่าธุรกิจนี้ไม่เหมือนกับเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ทั่วไป
รูปแบบการพนันของเว็บ ก็คือการหลอกให้คนมาซื้อแพกเกจ ที่ทางเว็บไซต์ให้ข้อมูลว่า คือ “กล่องปริศนา” โดยผู้ที่ใช้งานในเว็บไซต์จะได้รับรางวัลจากการหมุนวงล้อเสี่ยงโชคในกล่องปริศนา วันละ 1 ครั้งต่อเนื่องเป็นเวลา 90 วันซึ่งมูลค่าของรางวัลเริ่มต้นที่ 30% - 2,000% ของเงินที่จ่ายไปหรือเงินที่ผู้ที่เข้ามาใช้งานเว็บไซต์ซื้อแพ็กเกจนั้นไป
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผู้ซื้อใช้งานซื้อกล่อง VVIP (1,000 ดอลล่าร์) ก็จะได้รับรางวัลมูลค่าน้อยสุดคือ 1,300 ดอลล่าร์และสูงสุดถึง 20,000 ดอลล่าร์ และจะเปิดรับสมาชิกที่สนใจเข้าร่วมเพียงแค่50,000 บัญชีเท่านั้น
กลยุทธ์การตลาดของเว็บ ก็คือลงทุนจ้างยูทูบเบอร์หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่มีนอดผู้ติดตามสูงๆ ผ่านทางเอเจนซี่ ให้ทำคลิปโปรโมตต่างๆและนำไปโพสต์บอกว่าพวกเขาเหล่านี้คือ “แบรนด์แอมบาสเดอร์” ของเว็บ
เมื่อเว็บดังกล่าวปิดตัวไปเรียบร้อยแล้วนั้น ส่งผลให้มีผู้เสียหายนับร้อยมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้าน!!!
ร้อนถึงนัท สะบัดแปรง ต้องรีบวางแปรงแล้ววิ่งโร่หอบหลักฐานขึ้นโรงพัก เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการฉ้อโกงในครั้งนี้ เป็นเพียงผู้ถูกว่าจ้างเท่านั้นโดยมีการไล่เรียงไทม์ไลน์ของการรับงานครั้งนี้ ในไอจี nisamanee_nutt อย่างละเอียดยิบทุกขั้นตอน โดยเนื้อหาใจความก็คือยืนยันว่าเป็นการรับงานถ่ายคลิปโปรโมทเว็บมิได้มีสถานะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ตามที่ถูกกล่าวอ้างและตอนนี้ก็ได้ลบคลิปดังกล่าวออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังข้อความตอนหนึ่ง ว่า
..... ทางเราได้ทำการลบคลิปที่นำเสนอเว็บไซต์เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อไม่ให้มีคนหลงเชื่อเพิ่ม ไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนหลักฐานแต่อย่างใด และที่ทางบ.สะบัดแปรง ตัดสินใจรับงานนี้เพราะเป็นการรับงานจากบ.เอเจนซี่ที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นเว็บไซต์ที่มีหลักฐานการจดทะเบียนในไทย ไม่ทราบมาก่อนว่าเว็บนี้จะโกงเพราะถูกว่าจ้างในลักษณะโปรโมทเว็บช้อปปิ้งออนไลน์เท่านั้น .....
นอกจากนัท สะบัดแปรง แล้ว ยังมียูทูบเบอร์ทิ่ติดร่างแหมีส่วนในการรับงานโปรโมทเว็บนี้อีกอย่างน้อย 2 คน
คือ “เค Kayavine” หรือ “เค เลิศสิทธิชัย” เจ้าของเพจเฟซบุ๊กและยูทูบ Kayavine รวมไปถึงนักร้องดัง และยูทูบเบอร์ยอดวิวสูง อย่าง “ส้ม มารี” ซึ่งทุกคนก็พร้อมใจกันออกมาโพสต์ข้อความ รวมถึงแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ว่ามิได้มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการในครั้งนี้
ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาของคนดัง ที่จะต้องพินิจพิเคราะห็ในเรื่องของรายละเอียดให้ถ้วนถี่ก่อนที่จะรับงานแต่ละครั้ง ว่าเป็นธุรกิจประเภทไหน ? มีผลกระทบกับผู้บริโภคมากน้อยอย่างไร ? มิเช่นนั้น ก็จะตกเป็นเครื่องมือของพวกมิจฉาชีพที่อาศัยชื่อเสียง ความโด่งดัง ในการฉกฉวยผลประโยชน์เข้าพกเข้าห่อตัวเอง ด้วยกลยุทธต่างๆ นานา ดังที่เคยมีตัวอย่างจากคดี “เมจิก สกิน” มาแล้ว !!! นิตยสารผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ 2-8 พฤษภาคม 2563