"จ๊ะจ๋า" รับต้องรัดเข็มขัดดึงเงินเก็บมาใช้ งดช้อปปิ้งออนไลน์ งดใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ทำใจไม่มีรายได้ 1-2 เดือน คิดบวกเป็นช่วงใกล้ชิดครอบครัวมากขึ้น ได้รับรู้ว่าแม่ทำอาหารอร่อยมากขึ้น แพลนแต่ง "จิ๊บ วสุ" ช่วงปลายปีเหมือนเดิม อยากจัดเล็กๆ อบอุ่น
ด้วยภาวะไวรัสโควิด-19 กระทบไปทั่วโลก ไทยก็เพิ่งประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินไป กลายเป็นยิ่งเพิ่มความเข้มข้นให้คนอยู่แต่ในบ้านกันมากขึ้น คนในวงการหรือคนที่เคยต้องออกจากบ้านทำงานทุกวันอย่างนักแสดงสาว "จ๊ะจ๋า พริมรตา เดชอุดม" ก็เผยว่าในเมื่อทำอะไรไม่ได้ และมีการขอความร่วมมือกันทุกคน ก็อยากให้ทุกคนคิดในแง่ดีว่าการได้อยู่บ้าน ก็ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัว ทำให้ความใกล้ชิดกันในครอบครัวเกิดมากขึ้น
"ช่วงนี้คนอื่นอาจจะลำบาก แต่สำหรับจ๊ะจ๋าคือสบายมากค่ะ (หัวเราะ) คือได้อยู่บ้านจริงๆ ตื่นบ่าย 3-4 โมงตลอด เพราะว่ากลางคืนดูหนัง ร้องไห้ตาบวมทุกคืน (หัวเราะ) ช่วงทำงานนี่ทำอย่างนี้ไม่ได้เลย เพราะจ๊ะจ๋าทำงานตลอด ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน แต่ตอนนี้พอต้องอยู่บ้านก็ได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ได้ทำอะไรต่างๆ ให้ตัวเองอย่างที่ไม่เคยได้ทำ ได้รู้ว่าแม่ทำอาหารอร่อยขึ้นเยอะเลยด้วย (หัวเราะ) เพราะปกติจ๊ะจ๋าไม่ค่อยได้อยู่บ้านไงคะ ก็เลยไม่ค่อยได้ทานอาหารฝีมือแม่ พอตอนนี้แม่ทำกับข้าวให้กินทุกวัน โอ้โห อร่อยมากเลย แล้วเราก็จะได้ทานอาหารที่สะอาด ถูกหลักอนามัยแน่นอน เพราะเราทำกินเอง"
"จ๊ะจ๋าว่ามันอยู่ที่วิธีคิดของคนนะคะ การได้อยู่บ้านแบบนี้ทำให้ครอบครัวได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นจริงๆ อย่างช่วงนี้มะม่วงที่บ้านเริ่มออกลูก จ๊ะจ๋าก็ได้ปีนเก็บเอง เอามากินเอง สนุกมาก หยุดอยู่บ้านนานๆ นี่อ้วนขึ้นแน่นอน (หัวเราะ) ตอนนี้ถ้าจะออกไปข้างนอกก็แค่ไปซื้อของสดมาทำกับข้าวทานกัน แต่บ้านจ๊ะจ๋าไม่ได้กักตุนของนะคะ เพราะของทุกอย่างมันมีวันหมดอายุ และบ้านเราไม่ค่อยทานอาหารแช่แข็งกับพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่แล้ว อีกอย่างคือซูเปอร์มาร์เก็ตก็ยังเปิดตลอด ตลาดสดก็ยังมี ก็เลยไม่ได้คิดว่าจะต้องกักตุนอะไร"
เผยต้องเอาเงินเก็บมาใช้ และบอกกับครอบครัวแล้วว่าจะไม่มีรายได้เข้า 1-2 เดือน
"แต่ตอนนี้จ๊ะจ๋าจะบอกกับที่บ้านเลยว่า จ๊ะจ๋าอาจจะไม่ได้มีรายได้เข้ามาเลยนะช่วง 1-2 เดือนนี้ ให้ทุกคนช่วยกันประหยัด ปกติแล้วจ๊ะจ๋าชอบช้อปปิ้งออนไลน์มาก แต่ตอนนี้คือหยุดเลย เราพยายามไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือย อะไรประหยัดได้ก็ประหยัด ตอนนี้เราต้องเอาเงินเก็บมาใช้แล้ว เราต้องช่วยกันรัดเข็มขัด แต่ทุกคนก็ไม่ได้เครียดนะคะ คือดีที่บ้านเราเป็นคนมองโลกในแง่ดีกัน ทุกคนเข้าใจแล้วก็ช่วยกัน อะไรงดได้ก็งด ยิ่งตอนนี้มีประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วด้วย ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะยุติเมื่อไหร่ เราก็ต้องมีวินัยค่ะ ไม่ออกไปไหนถ้าไม่จำเป็น ไม่รับเชื้อเข้าบ้าน"
"เรื่องงานตอนนี้ต้องเรียกว่าโดนแคนเซิลเป็นปกติค่ะ (หัวเราะ) คือไม่ใช่แค่เราที่โดน แต่ทุกคนโดนหมด มันเป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ เป็นเรื่องสุขอนามัยของคนทั้งประเทศที่เราต้องร่วมมือกัน ก็เลยไม่ได้ได้รู้สึกว่าลำบากอะไร และเราก็เองพอมีเงินเก็บ ก็ใช้เงินเก็บนั้นไป แต่ก็ต้องใช้อย่างมีสติมากขึ้น เพราะแค่เรื่องเศรษฐกิจไม่ดีก็อันนึงแล้ว และตอนนี้มีโรคนี้อีก เราก็ยิ่งต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิตกันมากขึ้น"
"ร้านดอกไม้ก็ยังเปิดปกติค่ะ ยังมีคนสั่งดอกไม้กันอยู่เรื่อยๆ จะมีน้องพนักงาน 1 คนอยู่ประจำที่บ้าน จ๊ะจ๋าก็ขอความร่วมมือกับเขาว่าขออย่าเพิ่งกลับบ้านที่ต่างจังหวัดนะ เพราะป้องกันการติดโรคด้วย และเป็นการให้ความร่วมมือช่วยชาติด้วย ซึ่งเขาเองก็ตกลง และก็ป้องกันตัวเอง ไม่พาตัวเองไปที่เสี่ยง ใส่ถุงมือ ใส่มาสก์ล้างมือบ่อยๆ จ๊ะจ๋ายังเลือกที่จะเปิดร้านเพราะว่าคนยังมีความต้องการสั่งอยู่ และจ๋ะจ๋าเองก็มีการจ่ายค่าจ้าง จ่ายค่าโอทีให้กับน้องพนักงานปกติ แต่ตอนนี้แค่หยุดคลาสสอนจัดดอกไม้ไว้ก่อนแค่นั้นเองค่ะ"
ยอมรับเคยนอยด์กับข่าว เสพข่าวเยอะจนคิดว่าตัวเองป่วยจริงๆ
"ถามว่านอยด์กับข่าวไหม ไม่นะคะ จ๊ะจ๋าว่าเราต้องมีสติ เพราะอย่างจ๊ะจ๋าเองอยู่วงการมา 17 ปี ก็เจอข่าวอะไรมาเยอะ อาจจะเป็นภูมิคุ้มกันของเราก็ได้ ครอบครัวจ๊ะจ๋าเองก็ไม่ได้ตื่นตระหนก เพราะรู้สึกว่าเราก็ผ่านข่าวอะไรต่างๆ มาเยอะแล้ว เราแค่รับฟังข่าวสารอย่างมีสติก็เท่านั้น ตอนนี้เรารู้แล้วว่าโรคนี้เกิดขึ้นยังไง ติดต่อกันยังไง เราก็แค่ระวังในจุดนั้น แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าคนที่เป็นแค่ 1% แต่จะเป็นโรคประสาทกัน 99% เข้าไปแล้ว"
"ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ที่โรคเริ่มเกิดใหม่ๆ จ๊ะจ๋าป่วย คือพอฟังข่าวเยอะๆ เราก็นอยด์ คิดว่าเราเป็นหรือเปล่านะ ก็ไปหาหมอ คุณหมอก็ถามว่าคุณจ๊ะจ๋ามาทำไมครับ เพราะไม่ได้มีภาวะเสี่ยงอะไรเลย ไม่ได้เดินทางไปที่เสี่ยงเลย แต่คุณหมอก็ให้ยามาทาน ไม่กี่วันก็หาย สรุปคือเสียเงินไป 3,000 บาทค่าตรวจ แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไร"
เผยแพลนแต่งกับนักร้องหนุ่มรุ่นพี่ "จิ๊บ วสุ แสงสิงแก้ว" เป็นช่วงปลายปีนี้แน่นอน
"กับพี่จิ๊บก็ไปมาหาสู่กันปกติค่ะ พี่จิ๊บก็มาหาจ๊ะจ๋าที่บ้าน ซึ่งเราทั้งคู่ไม่ได้มีภาวะอะไร ก็เลยไม่มีอะไรต้องห่วง ส่วนเรื่องข่าวดี (หัวเราะ) จริงๆ แล้วเราไม่ได้มีฤกษ์ตายตัว ก็คือเป็นฤกษ์สะดวก แต่ก็คิดกันแล้วว่าเมื่อปีที่แล้วเราพลาดไป ก็คิดว่าคงปีนี้แหละ อย่างที่เคยบอกว่าเตรียมหลายๆ อย่างไว้ค่อนข้างพร้อมแล้ว ก็คิดว่าคงเป็นช่วงปลายปีนี้ค่ะ แต่หลายๆ คนก็เป็นห่วงนะว่าจะจัดได้ไหม จะมีปัญหาหรือเปล่า แต่จ๊ะจ๋าเห็นว่าในภาวะช่วงนี้หลายๆ คู่ก็แต่งกันได้นะคะ และน่ารักด้วย อย่างพี่หลุยส์ สก็อต พี่นุ่น (รมิดา ประภาสโนบล) ก็งานน่ารักมาก เป็นแบบที่จ๊ะจ๋าชอบเลย เล็กๆ อบอุ่นๆ"
"ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงค่ะ งานที่เราวางไว้ก็ดำเนินไปเรื่อยๆ มีการส่งงานกันให้ดูทางไลน์ คอยอัปเดตกันตลอดค่ะ แต่จริงๆ แล้วช่วงนี้เรามีแพลนจะไปเที่ยวต่างประเทศกันด้วยนะคะ (หัวเราะ) วางแพลนกันไว้ว่าจะไปอิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ แคนาดา แล้วพี่จิ๊บก็บอกว่าอยากจะพาไปที่จีน ไปเมืองอู่ฮั่นนี่แหละ เพราะเราแพลนกันไว้ว่าทุกๆ เม.ย.เราอยากจะไปเที่ยวกัน เพราะเป็นเหมือนวันครบรอบที่เราขอแต่งงานกันด้วย เลยอยากจะไปรำลึกกันหน่อย แต่พอเกิดเหตุการณ์นี้ก็คงฉลองกันอยู่ที่บ้านนี่แหละค่ะ (หัวเราะ)"
"ก็อยากจะให้กำลังใจทุกคนแล้วกันนะคะ อยากให้ทุกคนทำใจให้สบายๆ ลองดูคนที่เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเขาทำยังไง เขามีวิธีคิดยังไง เข้าใจว่าเราทุกคนมีความจำเป็นที่ต่างกัน แต่ยิ่งเครียดก็ยิ่งทำร้ายตัวเอง จ๊ะจ๋าเชื่อว่าทุกอย่างมันต้องผ่านไปได้ด้วยดี และพอเรื่องนี้มันผ่านไปเรื่องราวดีๆ ต้องเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ"