"บ๊วย เชษฐวุฒิ" เปิดใจ "ช่องส่องผี" กระแสดีเกินคาด คนติดตามล้านกว่า ในเวลา 10 เดือน เปลี่ยนชีวิตเป็นคนที่ดีขึ้น กลัวบาป กลัวกรรม เลิกขาดเที่ยวผู้หญิง ถือศีล 5 ตลอดชีวิต อนาคตอาจจะละทางโลก น้อมรับคำวิจารณ์และดรามา วอนด่าแล้วช่วยวิเคราะห์ด้วย ยันไม่เคยเซ็ตฉาก ท้าเข้ากองพิสูจน์หลังกล้อง ภูมิใจชาวบ้านติดต่อขอความช่วยเหลืออื้อ อยากมีรักใหม่ แต่ไม่หมกมุ่นให้เครียด
หลังจากรายการ “ช่องส่องผี” ประสบความสำเร็จในช่องยูทิวบ์ จนได้รับโอกาสดีขยายรายการมาสู่จอทีวี ก็ทำเอาชีวิตของ “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” หนึ่งในพิธีกรของรายการ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยก็ว่าได้ วันนี้ได้เจอหนุ่มบ๊วย ที่มาร่วมงานบวงสรวงละคร ณ ช่อง 7HD เจ้าตัวก็ได้เผยถึงความเปลี่ยนแปลงของชีวิต หลังได้พบโลกอีกโลกหนึ่ง จากการมาเป็นพิธีกรรายการนี้ จากคนที่ไม่กลัวบาป กลัวกรรม ก็กลายมาเป็นคนที่ถือศีล 5 ตลอดชีวิต และพยายามทำตัวให้เป็นคนที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน
“สำหรับเรา เรามองว่ามันเป็นนวัตกรรมที่เอาวิทยาศาสตร์เข้าไปพิสูจน์ จริงๆ วิทยาศาสตร์พิสูจน์ต่างประเทศเขามีมานานแล้ว แต่ประเทศไทยยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม พวกองค์ประกอบ 3 ส่วน ก็คือหนึ่งกล้องที่เป็นวิทยาศาสตร์ สองคนที่มองเห็นด้วยจิตวิญญาณ สามารถสื่อสารได้ และสามเป็นพิธีกร เพราะฉะนั้น 3 คนไม่ว่าจะเป็นผม คุณเจมส์ ศราวุฒิ วรพัทธ์ทีวีโชติ , เรนนี่ สุระประภา คำขจร ที่มารวมตัวกัน ตอนแรกวัตถุประสงค์ไม่ได้ต้องการหาเงิน”
“เริ่มต้นเลยที่ยังคงทำอยู่ เรารู้สึกว่าได้ไปแล้วชีวิตเราเปลี่ยน กลัวบาป กลัวกรรม เราไปสุสานโสเภณี เราเลิกเที่ยวผู้หญิงเลยจริงๆ นะ อันนี้คือพูดถึงตัวเองล้วนๆ เลยว่า เราอยู่ในความเชื่อที่คิดว่าเที่ยวได้ไม่เป็นไร แต่พอเราไปในที่ที่เราเห็นมันมีโลกอีกแบบหนึ่ง ทำให้รู้สึกว่า เออ มันก็นะ พอได้ทำรายการไปเรื่อยๆ ชีวิตเราดีขึ้นเรื่อยๆ จากหน้ามือเป็นหลังมือเลย เข้าใจว่าช่วงหย่าร้างหมดบุญเป็นยังไง คือหมดบุญจริงๆ เลย ทุกคนจะมองเราด้วยสายตาอีกแบบหนึ่ง แต่พอตอนนี้เรารู้สึกว่าบุญนำพาเป็นยังไง มันมีโลกอีกโลกหนึ่ง ซึ่งบ๊วยคนก่อนไม่เคยเชื่อ ช่วงมีงานเยอะๆ และช่วงหมดบุญไม่เคยเชื่อ แต่มันเห็นผล”
“และสิ่งที่เรานำเสนอ เราไม่ได้นำเสนอเกินกว่าที่พระพุทธเจ้าท่านสอนเลย เพราะฉะนั้นมันมีเรื่องที่พาเรามาสู่ชีวิตตรงนี้ได้ ทุกอย่างมันสอดคล้องกันหมด สำหรับผม ผมเชื่อว่ามันเป็นนวัตกรรมที่ยังไม่มีใครทำเป็นรูปธรรม และสิ่งที่เราทำไป เราไม่ได้ไปท้าทาย เราไปนำเสนอประวัติศาสตร์นอกตำรา ซึ่งผมชอบมากเลย อย่างย่านาคที่หลายคนคิดว่าหลอกผีจริงหรือเปล่า แต่จริงๆ ท่านแค่ยืนรอผัว ไม่ได้ตั้งใจหลอกผีใคร แต่คนไปกลัวเอง”
“รายการช่องส่องผีในยูทิวบ์ ทำให้คนเลิกกลัวผี แต่มากลัวบาปกลัวกรรมเยอะ ภายใน 10 เดือนเกิดฟีดแบ็กที่ดี ตอนนี้คนติดตาม 1,170,000 คน เราดีใจตั้งแต่ 100,000 แรกแล้วแหละ หลังจากนั้นมันเป็นไปเรื่อยๆ เรารู้สึกว่าการดีใจ มันก็เป็นอันหนึ่งที่ทำให้เรามีตัวตนออกมา เพราะฉะนั้นในขณะที่เราทำงานไป ช่องมันดีขึ้นก็เรื่องของช่อง แต่เราทำปัจจุบันให้มันดีที่สุด แทบไม่เชื่อตัวเองเหมือนกันว่าจะมีคนติดตามช่องถึง 1 ล้าน มันทำให้รู้ว่าไม่มีใครรู้อนาคตตัวเองหรอก เราทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง ทำในด้านทาน ศีล ภาวนา ทำให้มันครบ มันจะเป็นพลังงานที่จะยกเชิดชูเรา และเราก็ไปเจอความลับอะไรบางอย่าง ศาสตร์ที่นำเสนอความภาคภูมิใจของบุคคลในอดีต วีรชน คนไทย หรือแม้กระทั่งวีรกษัตริย์ วีรสตรี ที่ท่านสร้างให้กับพวกเราภาคภูมิใจ พอเราได้นำเสนอเราก็จะได้มองเห็นราก”
“เพราะฉะนั้นจะบอกเสมอใครที่ติดตาม อยากให้ใช้วิจารณญาณ เราไม่ได้บอกให้งมงาย แต่ผมรู้สึกว่าผมมีความเชื่อแบบหนึ่ง อย่างหมู่บ้านบางระจัน ทำไมนายทองเหม็นต้องขี่ควายคนเดียว สงสัยไหมทำไมคนอื่นไม่ขี่ มันดูเป็นพร็อบหนังมากเลย และเราก็ไปเจอว่านายทองเหม็นเขาขาไม่ดีเลยต้องขี่ควาย และชื่อทองเหม็น เป็นฉายาเพราะกินเหล้ามากปากเหม็น เมียหนี มันโคตรสอดคล้อง ทำให้รู้สึกว่ามันจริง มันสอดคล้องประวัติศาสตร์ เรื่องราวตำนานเราเชื่อมากยิ่งขึ้น”
“อย่างการแต่งตัวที่ดีๆ ผู้หญิงแต่งตัวให้เหมาะสมไปวัด การพูดการจา อย่างง่ายๆ เลยเรื่องการบูลลี่ มันส่งผลให้คนเป็นโรคซึมเศร้า หรือการใช้คำหยาบๆ คายๆ ด่าคน เราเห็นในโลกของกรรม เพราะเรายกบุญของเราที่เราสร้างสมมา คนที่ด่ายกบุญของเราให้กับเขาทั้งหมด และยิ่งด่าในสิ่งที่คนนั้นไม่ได้ผิดด้วยนะ แบบด่าเล่นๆ ด่าตามดรามา นอกจากยกบุญแล้วก็ยกบารมีของเราให้เขาด้วย ไม่แปลกที่ใครโดนด่ามากๆ ชีวิตเขาจะเจริญๆ ไม่แปลกที่เราจะเห็นสิ่งแบบนี้”
“ตัวผมเชื่อทางวิทยาศาสตร์มากๆ และไม่สนใจเรื่องนี้เลย แต่พอเรามาเห็นก่อนและหลังที่ชัดเจนว่ามันแตกต่าง เราก็เลยใช้คำว่างมงาย มันเป็นมุกนะ แต่เราจะถามตัวเองเสมอว่าคนดูได้อะไร เราพาคนดูไปที่ไหน”
การมาทำรายการนี้ทำให้เปลี่ยนชีวิตไปเลย
“เปลี่ยนเลยครับ เปลี่ยนไปเลย ตอนนี้ผมถือศีล 5 ครบถ้วนสมบูรณ์ เริ่มที่อีพีที่ไปถ่ายที่วัดสุทัศน์ หรือไปถ่ายพระราชวังพญาไท คือทำไมเราถึงไปถ่ายได้ในที่ๆ เขาไม่น่าจะอนุญาต เพราะเรามีเจตนาที่ชัดเจน เราพูดคุยกับทีมงานว่าเราจะทำแบบนี้"
"อีพีที่ทำให้ผมถือศีล 5 ครบถ้วนเลยก็คือหลังจากที่ไปถ่ายที่วัดสุทัศน์ ไปที่พระตำหนักของพระสังฆราชแพ แล้วถ่ายยังไงก็ถ่ายไม่ได้ ไวเลสไม่ติด เราในฐานะผู้กำกับ คนตัดต่อ คนดูหน้างานทั้งหมดเราก็ต้องไปจัดการ จะทำยังไงดี ก็ไปถวายความดีกับท่าน ก็คิดว่าความดีอะไรที่มันยังไม่เกิดขึ้นกับเรา อยู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่างั้นถวายศีล 5 ตลอดชีวิตไหม พอลองดูว่าจะถวายศีล 5 ตลอดชีวิตปุ๊บ ไวเลสก็ใช้ได้ทันที มันสอดคล้องกับที่ปู่บุญเหลือกู่อีก ที่ทำความดียากมากเลย เราอธิษฐานจิตขออะไร เราคิดในใจ เราก็ถามเรนนี่รู้ไหมว่าพี่ขออะไร เขาก็บอกว่าพี่ขอเรื่องถวายศีล 5 เรานี่น้ำตาไหลเลยนะ มันต้องสัมผัสด้วยตัวเอง"
"มันเป็นเรื่องที่ปัจจัตตัง ต้องรับรู้ด้วยตัวเอง คำถามผมก็คือว่าแล้วชีวิตผมดีไหม ชีวิตผมดีมาก และผมก็ได้กลับไปศึกษาเรื่องของธรรมะมากขึ้น ผมวางแผนไปศึกษาบาลี เราทำอะไรเราอยากทำให้มันตรง เราจะทำอะไรเราต้องรู้เรื่องนี้ก่อน มันก็คือหลักวิทยาศาสตร์นั่นแหละ จะรู้เรื่องอะไรเราต้องศึกษาให้ลึกก่อน ต้องเข้าใจมันถึงจะพูดได้ ที่ผมพูดได้คล่องเพราะว่าผมก็ศึกษามาเยอะมาก”
ตอนนี้ยังไม่คิดละทางโลก แต่ในอนาคตก็ตอบไม่ได้
“อันนี้ยังไม่รู้ ตอบไม่ได้เหมือนกัน ตอบไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ในความคิดของเราทางออกทางเดียวก็คือเรื่องของธรรมะ คือทางออกเดียวไปก็บริกรรมคาถาไป สวดมนต์ไปเรื่อยๆ นี่คือเราคือเรารู้ว่ามันคือทางออกเดียว ต่อให้มีเงินเราใช้ยังไงมันก็หมด มันไม่มีอะไรจีรัง เดี๋ยววันนึงก็ทุกข์ แล้วทุกข์ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เราสังเกตตัวเองเรื่อยๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้คือบารมีที่เรามีกัลยาณมิตร เพื่อนที่ดีมันมีค่ามากกว่าเงินมหาศาล ทุกๆ คนมองเราเปลี่ยนไป คนเราจะมีภาพลักษณ์ยังไง จะพาตัวเองไปอย่างไรมันขึ้นอยู่กับคนรอบข้างด้วย ถ้าคนรอบข้างเราเขาเชื่อ เขามีมุมมองที่ดีกับเราชีวิตเราก็ดีขึ้น แต่คนจะมองเราดีได้ เราก็ต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่างก่อน”
น้อมรับทุกคำวิพากษ์วิจารณ์และดรามา แต่ด่าแล้วช่วยมาดูมาวิเคราะห์ด้วย เพราะในการถ่ายทำไม่มีการเซ็ต เข้ากองมาพิสูจน์หลังกล้องได้เลย
“อันนี้เราน้อมรับทั้งหมดเลย ผมไม่เถียงหรอก การที่เราพูดอะไรบางอย่างที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ ดรามาไม่มีปัญหา อันนี้มันเหมือนเป็นพิมพ์เขียวด้วยตอนช่วงที่เราทำช่องในยูทิวบ์แรกๆ เรารู้ว่าเดี๋ยวคนก็จะดรามาช่วยมาดูเลย ดรามาเสร็จอย่าด่าเปล่านะครับ ช่วยมาดูวิเคราะห์หน่อย จับผิดก็ได้ ทุกอย่างเราไม่ได้มีการเซ็ตเลย ว่างๆเชิญมาที่กองถ่ายก็ได้ และผมเชื่อว่าคนที่ตามไปดูหลังกล้อง พี่น้องกัลยาณมิตร ครอบครัวช่องส่องผีเขารู้เขาสัมผัสได้ เขาถึงไป ถ้าเราหลอกคนทุกวันนี้เราหลอกไม่ได้หรอก”
ภูมิใจมีชาวบ้านมาขอความช่วยเหลือจากรายการเยอะมาก ไปที่ไหนที่นั่นเศรษฐกิจดีขึ้น
“มีเยอะมากครับ สิ่งหนึ่งเป็นความภาคภูมิใจของเราคือเราไปถ่ายรายการที่วัดไหนที่นั่นเศรษฐกิจดีขึ้น ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ มันไม่ได้ใช้จ่ายแบบร้อยล้านพันล้านแต่คือคนไปทำบุญคุณก็ต้องกินต้องใช้ กินก๋วยเตี๋ยวกินขนมต้องมีของไหว้ เศรษฐกิจที่วัดดีขึ้นแบบมีคนมาบอกว่าขอบคุณมากคุณบ๊วย วัดเขาขุนพนม จ.นครศรีธรรมราช คนแบบมาขอบคุณ อันนี้คือที่บอกว่าเป็นบารมีที่เราสร้างร่วมกัน ผมไม่ได้สตางค์แต่ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นถ้าเรามองภาพกว้างๆ ว่าเศรษฐกิจดีขึ้น ชีวิตคนดีขึ้น คนกลัวบาป กลัวกรรม"
"คำถามคือคนที่ไม่เห็นด้วยผมไม่ได้ว่าอะไร พอผมเข้าใจมันมากๆ เลยรู้ว่าคนเราแตกต่างกันได้ แต่อย่าด่าอย่างเดียว ก็ขอบคุณที่ยกมือให้ผม ยิ่งถ้าได้แล้วผมไม่ได้ผิดอะไรก็ขอบคุณที่ยกบุญบารมีให้ผม ก่อนจะด่าช่วยไปวิเคราะห์ผม สืบค้นให้เต็มที่ค่อยมาด่า การเปลี่ยนแปลงตัวผมก็เปลี่ยนไปอย่างเช่น ผมไปที่อโคจรผมก็ระวังตัว การทำยูทูปเบอร์ตอนนี้คือชีวิตเราเลย เลยมีแฮชแท็กวันว่างของชายวัยกลางคน คือความเชื่อที่เขามีต่อเราว่าเราตั้งใจให้คนกลัวบาปกลัวกรรมจริงๆ อันนี้ต่างหากที่ทำให้เราต้องพาตัวเองไปในที่ที่ดีดี อะไรที่มันผิดศีลหรือเสี่ยงเราก็ต้องแข็งแรง เพื่อนๆกินเหล้า เราก็แค่ไม่ไป ตอนนี้คือศีล 5 ครบถ้วน ไม่โกหกด้วย”
ไม่ขอใช้คำว่านิวลุค เพราะไม่ได้เปลี่ยนตัวเองเพื่อให้คนมาสรรเสริญ แค่ทำเพราะว่ามันดี และการทำดีไม่จำเป็นต้องมีคนเห็น
“อย่าใช้คำว่านิวลุค ผมไม่ได้เปลี่ยนตัวเองเพราะอะไร ผมรู้ว่าทำแล้วมันดีเท่านั้นเอง ผมไม่ได้เปลี่ยนตัวเองเพื่อให้คนมาสรรเสริญ ผมพลิกกลับใหม่ หลายคนมักจะอยากสำเร็จ มีตังค์ เพราะทำอะไรบางอย่าง เลยต้องใช้เคล็ดลับ แต่สำหรับผมเคล็ดลับไม่มี เราต้องเข้าใจมันก่อนว่าเราทำอะไรต่อให้ไม่มีคนเห็นไม่มีอะไร ทำดีไม่ต้องมีคนเห็นก็ได้แต่พูดได้เลยว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เห็น เทวดาประจำตัวเจ้ากรรมนายเวรของเราเห็น ผีปู่ผีย่า บรรพบุรุษญาติโกโหติกาเราเขาอวยพรสาธุด้วย"
"เพราะฉะนั้นทำดีไม่มีใครเห็นไม่เป็นไร เรารู้ ถ้าอยากดีเราก็เริ่มต้นจากสมมติช่องส่องผีเป็นร้านค้า ผมตั้งใจทำสิ่งนี้ให้มันดีเองโดยที่ไม่ต้องขอร้องให้คนมา subscribe เขาก็แนะนำกันเอง สมัยนี้ว่าผีไม่มีจริงหรอกแต่เรนนี่ชี้ขนาดนี้ กล้องตามแบบนี้ หรืออย่างมีเสาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครูบาอาจารย์ มีดหมอหลวงพ่อเดิม จิ้มไปปุ๊บก็มีวิญญาณพับลงมา เราไม่รู้จะเสียเวลามานั่งทำคอมบ์ทำไม โชคดีที่ที่เราไปถ่ายทำพิธีกรสามารถคุมงานสดหน้างานได้มันก็สนุกตรงนั้น”
เรื่องความรักก็ยังต้องการมีคนรักอยู่ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าชีวิตเป็นแบบนี่ดีแล้ว ไม่อยากไปหมกมุ่นมากให้มันเครียด
“เราต้องการมีคนรักนะ แต่ตอนนี้พูดได้เลยว่าไม่ใช่วัตถุประสงค์ เรารู้สึกว่าชีวิตเราเป็นแบบนี้ดีแล้วเรามีความทุกข์ เรามีความสุข เตรียมตัวไว้แล้วเดี๋ยวมันจะพาไปเอง ตั้งมากๆ หมกมุ่นมากๆ เครียด”