“เติ้ล-กระแต” อัปเดตอาการ “น้องมียา” ป่วย RSV ขณะพาไปเที่ยวทะเล โชคดีตัดสินใจกลับ เลี้ยวรถเข้ารพ. หมอบอกมาช้ากว่านี้ปอดอาจติดเชื้อหนัก ไม่นอยด์ลูกป่วยแต่โรคใหญ่ๆ เชื่อยังไงก็รักษาได้อยู่แล้ว เตรียมรับมือเข้าโรงเรียนคงหนักกว่าเดิม แอบกังวลผมลูกไม่ยาวสักที หวั่นใจกลัวลูกตัวเล็ก สูงไม่เกิน 140 ตามหมอวิเคราะห์ พยายามให้ลูกหลับสนิทก่อน 3 ทุ่ม เพื่อให้ฮอร์โมนได้หลั่งเต็มที่
ทำเอาคุณพ่อคุณแม่อย่างหนุ่ม “เติ้ล ตะวัน จารุจินดา” และภรรยาสาว “กระแต เสาวคนธ์ พลัดพูลผล” ต้องเป็นกังวลอยู่บ่อยๆ เพราะสุขภาพของลูกสาวตัวน้อย “น้องมียา” ไม่ค่อยจะแข็งแรงเหมือนเด็กคนอื่นสักเท่าไหร่ เลยต้องใส่ใจดูแลมากเป็นพิเศษ เพื่อให้เจ้าตัวเล็กเติบโตอย่างปลอดภัย แต่ล่าสุดก็ได้ทราบข่าวว่าน้องมียา มีอาการป่วยติดเชื้ออาร์เอสวี ต้องเข้าโรงพยาบาลอีกแล้ว วันนี้ได้เจอมีโอกาสหนุ่มเติ้ลและกระแต ที่มาร่วมงานบวงสรวงละครเรื่องฟ้ามีตะวัน ในฐานะผู้กำกับมือทอง ก็เลยขออัปเดตอาการป่วยของน้องมียาสักหน่อย ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง หายดีแล้วหรือยัง
กระแต : “น้องมียาป่วยเป็นอาร์เอสวีค่ะ ( RSV : Respiratory Syncytial Virus ) เชื้อลงปอดไปนิดหนึ่งด้วย คือเราไปถึงโรงพยาบาลเร็ว หมอก็เลยตรวจเช็กเร็ว คือเอ็กซเรย์ปอดก็รักษาได้เร็วมาก อาการน้องแค่ไข้ขึ้นสูงประมาณ 40 แต่เราก็รู้อยู่แล้วว่าถ้าเขาไข้ขึ้นสูงต้องให้เขากินยาอะไร คือเราก็เลี้ยงเขามา 1 วันเต็มๆ คิดว่าเดี๋ยวไข้ก็ลง ปรากฎว่าไม่ลง และพอเราให้กินยาแรงไข้ก็ลง เขาก็วิ่งเล่นเหมือนไม่เป็นอะไรเลย แต่ก็มีอาการไอนิดหน่อย แต่พอ 6 ชั่วโมงผ่านไป พอมาวัดไข้ก็ 40”
ไม่ได้เอะใจว่าลูกจะเป็นอะไร เพราะกำลังไปเที่ยวกัน สุดท้ายก็ตัดใจกลับบ้าน และแวะโรงพยาบาลถึงได้รู้ว่าลูกเป็นอาร์เอสวี
กระแต : “ใช่ เพราะเรากำลังจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน เราก็แพ็กกระเป๋าแล้วเพราะตั้งใจจะไปนอนทะเล 3 วัน พอขึ้นรถไป พอดีรถติดกลางทาง เขาก็ร่วงลงไปเหมือนหลับ แล้วก็หงอยๆ เราก็คิดว่าจะเอายังไงดี คืออีก 3 ชั่วโมงถึงทะเลแล้ว คือถ้าไปถึงก็ 3 ทุ่ม ก็ตัดสินใจกลับบ้าน แต่แวะโรงพยาบาลนิดหนึ่ง ไปตรวจไข้หวัดใหญ่ สรุปเป็นอาร์เอสวี”
เผยคุณหมอบอกว่าติดเชื้อทางอากาศ ถ้ามาช้ากว่านี้ ไวรัสอาจจะลงปอดหนักกว่านี้ และทำให้เกิดปอดอักเสบได้
กระแต : “คุณหมอก็บอกว่าถ้ามาช้ากว่านี้ก็ลงปอดหนักกว่านี้ ปอดอักเสบและอาจจะเป็นปอดเรื้อรัง เขาเป็นเด็กก่อนกำหนด เขาเกิดก่อนกำหนดเขาเซนซิทีฟที่จะรับอะไรเหล่านี้อยู่แล้ว เขาติดมาทางอากาศ มันเป็นโรคหนักในเด็ก คือถ้าติดผู้ใหญ่จะเป็นแค่เหมือนหวัดธรรมดา เราก็แค่เลี้ยงลูกอยู่ตอนนั้น ก็เข้าโรงพยาบาลอยู่ 3-4 วัน เราก็คิดว่าเราแข็งแรงแล้ว สรุปว่าโอนมาที่แม่ แม่ก็มีอาการปวดท้องเหมือนไวรัสลงกระเพาะ หมอก็บอกว่านี่แหละ แล้วโรคนี้มันกลับมาเป็นได้อีกเรื่อยๆ”
เติ้ล : “เป็นเชื้อไวรัส คล้ายโควิดนี่แหละแต่เป็นในเด็ก เป็นโรคประจำของเด็กมันจะเป็นหน้า ช่วงที่ใครๆ เป็นอาร์เอสวี มียาเป็นมือเท้าปาก และช่วงที่เขาเป็นไข้หวัดใหญ่ มียาเป็นอาร์เอสวี คือถ้าเอาลูกเข้าโรงเรียน ทุกคนรู้จักโรคนี้ดี”
ไม่นอยด์ลูกป่วยโรคใหญ่ๆ ทั้งนั้น มั่นใจรักษาได้ เตรียมรับมือไปโรงเรียนเมื่อไหร่มาอีกแน่นอน ส่วนตัวไม่คิดว่าลูกป่วยบ่อย แต่เพราะเป็นอะไรนิดหน่อยก็พาไปโรงพยาบาลเลย เพราะคิดว่าเซฟที่สุด เลยทำให้ดูเหมือนเข้าโรงพยาบาลบ่อย
กระแต : “ขนาดเราเอาเขาเก็บไว้ที่บ้านอย่างดี พาเขาออกบ้านไปแป๊บเดียว เป็นอาร์เอสวีเลย คือแต่ละโรคคือใหญ่มาก คือเราก็ชินนะและเราก็เรียนรู้ว่าถ้าเขาไปโรงเรียนมาอีกแน่นอน แต่เราไม่นอยด์นะเพราะเรารู้สึกว่าเรารักษาได้ และหมอที่เราไปหาเราก็ไว้วางใจเขา แค่เราเอาใจใส่ลูกเช็กเขา ไอไหม ตัวร้อนไหม เราคิดว่าอย่างไรก็รักษาทัน”
เติ้ล : “คือหลายคนอาจจะคิดว่ามียาป่วยบ่อย แต่เรารู้สึกว่าถ้าลูกป่วยนิดหนึ่งเราพาลูกเข้าโรงพยาบาลเพราะมันเซฟกว่า บางคนอาจจะบอกว่าไม่อยากให้เอาเด็กไปโรงพยาบาลบ่อย แล้วเราจะเอาลูกไปไหน แล้วรักษาอย่างไร ก็ต้องไปไหมเพราะเรารู้สึกว่าไปโรงพยาบาลมันเซฟสุดแล้ว และลูกเราได้น้ำเกลือมันก็ฟื้นตัวเร็ว”
รับกังวลผมน้องมียาไม่ค่อยยาว คาดเพราะไม่กินเนื้อสัตว์ แต่ตอนนี้เปลี่ยนพี่เลี้ยงใหม่ ก็ดีขึ้น กินเยอะขึ้น
เติ้ล : “ใช่ เพราะผมมันไม่ยาวสักที ผมคิดว่ามียาเขาเป็นเหมือนมังสวิรัต คือกินแต่ผักและผลไม้อย่างเดียว ไม่กินข้าว เนื้อสัตว์ไม่กินเลย มันเลยส่งผลกระทบถึงภูมิคุ้มกันเขาด้วย เพราะเขากินอาหารไม่มีประโยชน์มาก แต่พอเราเปลี่ยนพี่เลี้ยงใหม่มา เขาก็ดีขึ้น โตขึ้น กินข้าวเยอะขึ้น กินกับด้วยก็เริ่มแข็งแรงเพิ่มขึ้น”
เรื่องพัฒนาการลูก ยังไปหาหมออยู่ หาทุกหมอแล้ว แต่คำหมอใช้จริงกับลูกไม่ได้ ได้แค่เอามาเป็นไกด์ไลน์เท่านั้น
กระแต : “หาเยอะ หาทุกหมอ แต่เอาเข้าจริงๆ คือคำหมอพูดมันใช้จริงกับเราไม่ได้ ขึ้นอยู่กับตัวเราเองด้วย ตัวเด็กของเราด้วย แต่ก็แค่ฟังไว้เป็นไกด์ไลน์ ว่าถ้ายูให้ลูกทำแบบนี้ อย่างทำไมเราต้องเลิกให้ลูกกินนมตอนดึก คือเราอยากให้ลูกเราโต ดึกแค่ไหนเราก็ยัด ใครจะให้งดนมมื้อดึกเราไม่งด ให้กิน จนไปหาหมอฟัน หมอก็บอกว่าระวังฟันจะผุนะ เราก็เริ่มนึกได้เพราะถ้ากินตอนกลางคืน กินเสร็จเขาก็นอน สรุปก็ต้องงด แต่ก็ค่อยๆ ถอนออก ก็ให้กินน้ำเปล่าครึ่งหนึ่ง นมน้อยๆ จางๆ คือให้มันมีกลิ่น คือเขาก็ทำได้ เรื่องฟันผุก็ไม่ผุแล้ว ก็ให้ขยันแปรงฟัน ส่วนเรื่องโภชนาการเราก็พาไปหาหมอ 2 ที่ คุยกับบางท่านเราก็รู้สึกว่าโหดไปที่ลูกต้องกินผักเท่านั้น กินแป้งเท่านั้น คือบางทีเราก็ไม่รู้ว่าเปอร์เซ็นต์ต่างๆ ที่หมอบอกคืออะไร ผักบางอย่างต้มไปวิตามินก็ออกไป เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะได้วิตามินเท่าไหร่”
กลัวลูกตัวเล็ก สูงน้อยกว่าแม่ เพราะเคยหาหมอกระดูก วิเคราะห์ว่าลูกจะสูงได้แค่ 140 แต่ตอนนี้หาหมอคนใหม่ เลยมีความหวังว่าลูกอาจจะสูงได้มากกว่านี้
เติ้ล : “ประเด็นเลยคือเขาต้องสูงกว่าแม่”
กระแต : “เรากลัวเขาตัวเล็ก วันหนึ่งเราพาลูกไปหาหมอภูมิแพ้ เสร็จเห็นห้องหนึ่งเห็นหมอดูเก่ง คือคิดเองก็เลยไปถามพยาบาลว่าหมอท่านนี้ตรวจอะไร พยาบาลก็บอกว่า หมอดูเกี่ยวกับฮอร์โมนพัฒนาการ กระดูก เราก็เลยบอกพยาบาลว่าเอาๆ ขอจองต่อเลยได้ไหม ขอไปหาหมอภูมิแพ้ก่อนเดี๋ยวออกมาเจอหมอคนนี้ พยาบาลก็ทำคิวให้ ก็เข้าไปกันสองคน หมอก็บอกว่า เขาเกิดก่อนกำหนด น้ำหนักเท่านี้ พ่อสูงเท่านี้ แม่สูงเท่านี้ ลูกสูง 140 เขาบอกเลย”
เติ้ล : “เราก็ถามหมอว่าต้องทำอย่างไรที่จะทำให้ลูกสูงกว่านี้ หมอบอกว่าให้ทำใจ คำถามคือแล้วกูจะไปหามึงทำไม (หัวเราะ) คือผมไม่เครียดเรื่องความสูงของลูกหรอก คิดว่าตลก”
กระแต : “คือเราเครียดนะเราอยากให้เขาสูงกว่าเรา มันเป็นความหวังของเราอยู่แล้ว แต่พอเราฟังหมอแล้วหมอบอกว่าเขาจะสูง 140 เราคิดว่าไม่ใช่”
เติ้ล : “ตอนนี้เราไปหมอคนใหม่เพราะตอนนี้มียาเข้าเกณฑ์แล้ว ซึ่งคุณหมอบอกว่า มีความเป็นไปได้ที่ลูกจะมีความสูงเฉลี่ย 155 คือสูงที่สุดของเขาคือ 164 เตี้ยสุดก็ 140 เราก็รอดูความเป็นไปได้ว่าจะสามารถขยับเขาให้สูงขึ้นไปอีกได้ไหม”
การสร้างความสูงขึ้นอยู่กับกระบวนการกินและนอน ต้องให้ลูกหลับสนิท ไม่ตื่นมากินนมกลางดึก เพราะฮอร์โมนจะหลั่งเต็มที่หลัง 3 ทุ่ม
เติ้ล : “ใช่ กินกับนอน เรื่องนอนสำคัญ เพราะคุณหมอบอกว่าอยากให้เขาหลับสนิทเลย พอหลัง 3 ทุ่มฮอร์โมนจะหลั่งทันที เขาถึงไม่อยากให้เด็กตื่นขึ้นมาดื่มนมกลางดึก เพราะเขาตื่นปุ๊บ ฮอร์โมนเขาจะหยุดหลั่งทันที”