xs
xsm
sm
md
lg

"นิว ฐิติภูมิ" อินบท "ขจร" หนุ่มผู้มีรักแท้ที่วัยรุ่นปัจจุบันควรดูเป็นตัวอย่าง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เรียกว่าเป็นบทบาทใหม่ที่นักแสดงหนุ่มอย่าง "นิว ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ" ยังถึงกับอึ้ง กับบทบาทของ "ขจร" ในภาพยนตร์เรื่อง "Classic Again จดหมาย สายฝน ร่มวิเศษ" ภาพยนตร์แนวรัก โรแมนติก จากค่าย เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด ที่รีเมคมาจากภาพยนตร์เรื่อง The Classic ที่ถือว่าเป็นหนังรักขึ้นหิ้งของเกาหลี งานนี้เรียกว่าทั้งกดดัน ทั้งตื่นเต้น เพราะนอกจากเป็นบทบาทที่เจ้าตัวชื่นชอบอยู่แล้วหลังจากที่เคยดูเวอร์ชั่นเดิมมาก่อน แต่ก็กดดันกับบทบาทของชายหนุ่มที่มั่นคงในรักแท้ ที่หาได้ยากในยุคปัจจุบัน

"เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 2510 ตัวขจรในวัย 17 ก็เป็นวัยรุ่นทั่วไปที่ขี้เล่น ร่าเริง แต่ด้วยกรอบของคนสมัยก่อนเขาจะเป็นคนที่มีความเรียบร้อยมาก และมีความรักครั้งแรกเกิดขึ้น และรักครั้งนั้นก็ทำให้เขาจำไปตลอดชีวิต คือต้องบอกว่าตัวผมกับขจรต่างกันมากครับ เรียกว่าวัยรุ่นเดี๋ยวนี้มันก็ไม่นิ่งเนอะ พูดเร็ว พูดรัว แต่คนสมัยก่อนพูดชัดมาก เดินก็เรียบร้อย แต่ขจรเขามีความเป็นผู้ใหญ่มาก ก็ต้องมีไปเวิร์คช็อพกันครับ ทั้งวิธีการพูดจา การเดิน ก็พยายามฝึกๆ ครับ"

"ผมเคยดูหนังเรื่องนี้มาก่อนครับ ซึ่งผมก็ชอบตัวละครตัวนี้อยู่แล้วด้วย คือรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ทำไมมันหล่อเหลือเกิน (หัวเราะ) คือความเสียสละของเขามันเกินไป เกินคนธรรมดาจะทำได้ เอาจริงๆ ถ้าคนจะเลียนแบบก็เลียนแบบยากนะ เขามีความมั่นคงและแน่วแน่มาก ไปรบมา 6-7 ปีก็ยังรักอยู่ กลับมาก็ยังรัก เขาเป็นคนที่มั่นคงมากจริงๆ ซึ่งตอนแรกยอมรับว่าหนักใจครับ กลัวจะถ่ายทอดได้ไม่ดี ก็พยายาม เพราะเขาเลือกเรามาแล้วเขาก็คงเห็นอะไรที่ใช่บ้าง ก็เลยรู้สึกว่าเต็มที่ไปก่อน ผลจะออกมาเป็นยังไงก็ค่อยว่ากัน"

บอกกว่าจะได้มาเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะผ่านการแคสกว่าพันคน จนเกือบจะต้องปิดโปรเจ็ค
"เขาก็เล่าว่าจริงๆ หนังเรื่องนี้เขาเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว โปรเจ็คนี้มีมา 2 ปีแล้วตั้งแต่เขาเริ่มจนถึงตอนนี้ เขาก็เริ่มแคสมาเรื่อยๆ 1 ปีก็ได้หมดทุกตัวแสดงแล้ว ยกเว้นตัวขจรนี่แหละที่ยังไม่ได้ เขาบอกแคสเป็นพันคนก็ไม่ได้สักที ก็จะปิดโปรเจ็คนี้อยู่แล้ว เพราะคงไม่มีคนที่พอดีกับหมดนี้ ซึ่งเขาเคยเรียกผมมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ผมคิวไม่ว่าง สุดท้ายเขากำลังจะปิดโปรเจ็คก็เรียกผมเข้าไปอีกที พอผมเข้าไปวันนั้นผู้ใหญ่ก็อยู่กับครบด้วย เขาก็ลองให้เล่นดูประมาณ 3 ซีน แต่พอผมเล่นไปซีนแรกผู้ใหญ่ก็ออกไปคุยกัน แล้วเขาก็บอกว่าโอเคเอาแล้วนะ"

"เหมือนด้วยจังหวะด้วยมั้งครับ ผู้ใหญ่เขาอยู่กันครบพอดี และพี่อาร์มผู้กำกับก็บอกว่าหน้าผมสไตล์คล้ายๆ พระเอกในภาคเกาหลี บุคลิก รูปร่างก็ใกล้เคียง คือเรื่องนี้เขาแคสกันหนักหน่วงมากนะครับ คาแรคเตอร์แต่ละคนที่ได้รับมาก็คือลักษณะคล้ายๆ ตัวละครของเกาหลีเลย ผมยังรู้สึกว่าคาแรคเตอร์ต่างๆ พี่ๆ เขาเลือกได้ดีมาก ผมก็เลยคิดว่าพี่เขาคงเห็นอะไรในตัวผมที่คล้ายๆ บ้างแหละ (หัวเราะ)"

โดย "นิว" บอกว่าทำใจเรื่องการเปรียบเทียบเอาไว้แล้ว แต่ก็อยากให้ทุกคนได้ลองเปิดใจมาดู เพราะไม่ใช่หนังรักทั่วไป แต่จะได้เห็นถึงมุมมองความรักที่ยิ่งใหญ่ ที่คนสมัยก่อนกว่าจะได้รักกันมันไม่ใช่เรื่องง่าย
"ผมว่าเรื่องนี้ค่อนข้างต่างจากเกาหลีนะ เพราะแค่บริบทของเราที่เป็นไทย สถานที่ถ่ายในไทย นักแสดงไทย พูดภาษาไทย และการตีความของแต่ละคน ผมว่าการตีความของคนไทยของคนเกาหลีก็ต่างกัน ผมอยากให้วัยรุ่นยุคนี้ได้มาดู เพราะสมัยก่อนกว่าเขาจะจีบกันทีมันยากมาก ต้องส่งจดหมายหากัน กว่าจะได้เจอกัน แต่เดี๋ยวนี้เลิกกับแฟนแป๊บๆ ก็หาคนใหม่ได้แล้ว มันเร็วไปหมดและง่ายไปหมด ผมมองว่าของบางอย่างมันจะไม่มีค่าถ้าเราได้มันมาง่ายๆ ก็อยากให้ทุกคนมาดูครับ ดูได้ทุกรุ่น ทุกวัยครับ"

"ผมคิดว่าคนที่่ยังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ในเวอร์ชั่นเกาหลีมาก่อน ก็จะเป็นหนังรักโรแมนติกเรื่องนึง ดูแล้วน่าจะเห็นคุณค่าของความรักมากขึ้น แล้วก็ฉายในช่วงเดือนแห่งความรักด้วย ก็น่าจะเหมาะกับคนที่มีความรักอยู่ หรือคนที่กำลังอกหักอยู่ก็มาดูเพื่อสอนตัวเองเรื่องความรักได้มากขึ้น และสำหรับคนที่เคยดูแล้วและคิดถึงแบบฉบับของเกาหลีก็ลองไปเปิดความทรงจำอีกแบบนึงดู ของเกาหลีเขาก็เล่าในแบบของเกาหลี ของไทยก็จะเล่าในแบบของไทย อยากให้ลองดูครับ"

ร่วม "เปิดกล่องความทรงจำไปกับรักครั้งแรก" พร้อมๆ กัน 6 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์












กำลังโหลดความคิดเห็น