xs
xsm
sm
md
lg

ทำความรู้จัก "มิ้นท์ รัญชน์รวี" กับความท้าทายบทใหม่ ใน "The Classic Again จดหมาย สายฝน ร่มวิเศษ"

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ถือได้ว่าเป็นการเปิดประเดิมจอเงินครั้งแรกของนักแสดงสาวเลือดใหม่อย่าง "มิ้นท์ รัญชน์รวี เอื้อกูลวราวัตร" หลังจากเคยผ่านผลงานละครอย่าง ข้ามสีทันดร และ ด้ายแดง รวมถึงผลงานโฆษณาอีกหลายชิ้นมาแล้ว โดยครั้งนี้กับบทบาทในภาพยนตร์เรื่อง "The Classic Again จดหมาย สายฝน ร่มวิเศษ" ที่รีเมคมาจากภาพยนตร์รักขึ้นหิ้งของเกาหลีอย่าง The Classic ซึ่งสาวมิ้นท์ต้องรับบทหนักเป็นสองคาแรคเตอร์ในบท ดาหลา และ โบตัน สองแม่ลูกที่ได้พบเจอกับความรักครั้งแรกที่จำไปตลอดชีวิต

"รับบทเป็น ดาหลา และ โบต้า ค่ะ ดาหลาจะเป็นแม่ ส่วนโบต้าเป็นลูก ตัวดาหลาก็จะเป็นผู้หญิงเรียบร้อยหน่อย ส่วนโบต้าก็จะเป็นผู้หญิงแกร่งขึ้นมา กล้าตัดสินใจ ซึ่งสองตัวละครนี้ก็ยากคนละแบบค่ะ ในพาร์ทอดีตก็จะมีความดราม่าเยอะ และย้อนยุคด้วย การพูดการจาก็จะช้ากว่าปัจจุบัน มีกฎระเบียบ และคนสมัยก่อนก็จะมีความสงบเสงี่ยมเจียมตัวเยอะ"

"ในส่วนพาร์ทของดาหลาก็ต้องเล่นตั้งแต่เด็กจนถึงอายุ 40-50 เลยค่ะ ก็จะมีประมาณ 3 ช่วงอายุ ค่อนข้างยากเหมือนกัน แล้วก็ค่อนข้างห่างไกลจากตัวเองเยอะเลยค่ะ มันข้ามสเต็ปชีวิตตัวเองไปมากเหมือนกัน เพราะต้องแต่งงาน มีลูกด้วย เหมือนได้รู้จักความรักมากขึ้นเหมือนกันค่ะ ตอนเล่นเรื่องนี้ก็รู้สึกอิน รู้สึกถึงความรักจริงๆ มันอบอุ่นจริงๆ เวลาที่ได้เล่น รู้สึกเหมือนมีโลกใบใหม่เกิดขึ้นจริงๆ"

"ต้องทำการบ้านหนักมากค่ะ น่าจะประมาณสัก 2-3 เดือนช่วงเวิร์คช็อพก่อนจะเริ่มถ่าย มีการละลายพฤติกรรม แล้วพอต้องเล่นเป็นสองตัวละคร แรกๆ หนูก็มีสับสนบ้าง ช่วงนั้นก็เหมือนติดกับคาแรคเตอร์นี้ตลอดเวลาเลย ตอนถ่ายก็มีบางช่วงที่ต้องถ่ายพร้อมกันทั้งสองคาแรคเตอร์ ต้องถ่ายแม่กับลูกในวันเดียวกัน เราก็จะแบล๊งๆ นิดนึงค่ะ"

เรียกว่าการที่เป็นนักแสดงหน้าใหม่ กับที่ต้องเล่นเป็นสองคาแรคเตอร์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย สาวมิ้นท์บอกว่ากว่าจะหลุดออกจากตัวละคร ดาหลา ในมุมเศร้าดราม่าได้ก็ต้องใช้เวลาเป็นเดือนทีเดียว
"ฉากร้องไห้ตอนแรกยากนะคะ ปกติหนูก็เป็นคนไม่ค่อยร้องไห้ เพราะหนูเป็นนักกีฬาด้วย คุณพ่อก็จะสอนเสมอว่าเวลาแพ้ห้ามร้องไห้นะ เราต้องเข้มแข็ง แต่พอได้เข้าเวิร์คช็อพ ได้เรียนการแสดงเพิ่มก็ทำให้หนูกลายเป็นคนเซนซิทีฟไปเลย (หัวเราะ) ฟังเพลงเศร้าก็ไม่ได้ หนูจะร้องไห้ตลอด กลายเป็นว่าหนูร้องไห้ง่ายมาก แล้วก็ดำดิ่งเลย มีช่วงที่ดึงตัวละครไม่ออกด้วยค่ะ ผู้กำกับสั่งคัทแล้ว แต่เราก็ยังเศร้าอยู่ ติดอยู่นานมากเลยค่ะ ประมาณ 1-2 เดือนเลย มันรู้สึกเศร้า คือพอนึกถึงคาแรคเตอร์ของดาหลาเมื่อไหร่มันจะรู้สึกเศร้าทันที อยู่ดีๆ ก็นั่งร้องไห้ ฟังเพลงเศร้าก็น้ำตาไหล มันเหมือนยังมีความรู้สึกในใจของดาหลาที่ติดมาด้วย"

"ช่วงนั้นคือถ่ายเสร็จแล้วด้วยนะคะ คุณแม่ก็ถามว่าเป็นอะไร งงๆ ที่อยู่ดีๆ หนูก็นั่งร้องไห้ หนูก็บอกว่าหนูคิดถึงดาหลา (หัวเราะ) แรกๆ คุณแม่ก็ตกใจค่ะ แต่สักพักก็เข้าใจ เริ่มชิน (ยิ้ม) อย่างที่บอกว่าหนูยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ด้านการแสดง ก็จะโดนคุณชายอดัม (ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล) ที่่เป็นโปรดิวเซอร์ของเรื่องนี้ เขาก็สอนเรื่องการแสดงและคอยแนะนำ แล้วเขาก็ดุหนูเลยที่บางทีดึงคาแรคเตอร์ไม่ออก คัทแล้วยังนั่งร้องไห้อยู่เลย เขาก็ดุเลยบอกว่าอย่าเป็นอย่างนี้ เพราะนี่ไม่ใช่นักแสดงที่ดี ไม่ใช่นักแสดงมืออาชีพที่คัทแล้วแต่เรายังติดอยู่ ต้องแยกให้ออกว่าอันไหนละคร อันไหนชีวิตจริง เพราะถ้าเป็นอย่างนี้ไปทุกเรื่องที่เราเล่น สุขภาพจิตเราก็จะแย่ไปด้วย"

บอกทำใจกระแสเปรียบเทียบไว้แล้ว แต่อยากให้เปิดใจ เพราะยังไงความเป็นไทยกับเกาหลีก็ต่างกันอยู่แล้ว
"ตอนแรกที่หนูรู้ว่าได้เล่นเรื่องนี้คุณชายอดัมเขาก็พูดเหมือนกัน ผู้ใหญ่ทุกคนพูดหมดเลยว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังรักขึ้นหิ้ง เราขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้แล้ว เราก็ต้องทำให้เต็มที่ แล้วหนูเล่นเป็นทั้งพาร์ตแม่และพาร์ตลูก ก็คือต้องอยู่ทั้งเรื่อง คุณชายอดัมก็บอกว่าถ้าหนูเล่นไม่ดี ก็จะพาหนังดิ่่งเหมือนกัน ก็ยิ่งกดดันเข้าไปอีก (หัวเราะ) ก็เครียดค่ะ หนูก็พยายามเต็มที่่ แล้วหนูก็ชอบหนังเรื่องนี้ด้วย แล้วมีโอกาสได้เล่นกับนักแสดงเก่งๆ ผู้กำกับและทีมงานเก่งๆ ก็ทุ่มเต็มที่่ค่ะ"

"หนูก็รู้สึกว่าหนูทำเต็มที่ที่สุดแล้ว หนูเชื่อในความเต็มที่ของตัวเองด้วย เชื่อในนักแสดงทุกคน เชื่อในความตั้งใจของทุกๆ คน ทุกคนก็รู้ว่าต้องมีการเปรียบเทียบ แต่ทุกคนก็ทำเต็มที่ค่ะ ทุกคนชอบหนังเรื่องนี้ ทีมงานทุกคนละเอียดมากค่ะ เราทำด้วยใจ ไม่ได้ทำแค่ส่งๆ ไป เราอยากให้ทุกคนได้เห็นจริงๆ อยากให้เห็นความตั้งใจ และความรักที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ กับต้นฉบับด้วย หนูก็เลยไม่ได้กังวลเรื่องการเปรียบเทียบ"

เผยความต่างจากต้นฉบับเกาหลี กับในแบบของไทยมีความต่างแน่นอน และทุกคนจะได้เห็นถึงความรักที่ลึกซึ้ง ที่จะตราตรึงและประทับใจแน่นอน
"หนูว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การรีเมคซะทีเดียว อยากให้มองเป็นอีกเรื่องนึงเลย เพราะทีมงาน นักแสดง บริบทของไทยกับของเกาหลีก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว และหนูคิดว่าเวอร์ชั่นไทย คนไทยจะเข้าถึงได้ง่ายกว่า มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ ในประเทศไทยสมัยก่อน ที่เกาหลีอาจจะไม่มี แต่มีที่ประเทศไทย แล้วเรื่องภาษาก็เป็นภาษาไทย วัฒนธรรมก็เป็นของไทย ของเกาหลีก็มีความโรแมนติกแล้ว แต่ของไทยจะลึกซึ้งมากกว่า"

"ก็ฝากถึงหนังเรื่องนี้นะคะ จะเข้าฉายวันที่ 6 ก.พ. นี้ เป็นหนังรักโรแมนติกดราม่าและมีแอ็คชั่นด้วยนะคะ (หัวเราะ) ต้องไปชม มันเป็นซีนพิเศษในนั้น สวยมากค่ะ หนังเรื่องนี้ทีมงานนักแสดงทุกคนทำด้วยความรักและความตั้งใจมากๆ อยากจะส่งต่อความรักโรแมนติก ความลึกซึ้งกินใจ ซึ่งจะฉายในเดือนแห่งความรักด้วย ก็อยากให้ทุกคนได้ไปสัมผัสค่ะ อยากให้ทุกคนได้เข้าไปดูในโรงภาพยนตร์ แล้วทุกคนจะได้สัมผัสถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ ความรักที่เสียสละ มันจะได้อะไรหลายๆ อย่างในความรักมากเลยค่ะ"

ร่วม "เปิดกล่องความทรงจำไปกับรักครั้งแรก" พร้อมๆ กัน 6 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์














กำลังโหลดความคิดเห็น