อาจจะเพราะผลงานหลัง ๆ ของ 20th Century Fox ขาดทุนหลายเรื่องติดต่อกัน หลัง Disney เข้าซื้อกิจการและเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น 20th Century จึงอาจจะได้ผลิตหนังออกมาปีละแค่ 4 เรื่องเท่านั้น
หลังจากเข้าซื้อกิจการ 20th Century Fox โดย Disney ทำให้มีความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นกับบริษัทผลิตภาพยนตร์ระดับเก่าแก่ของฮอลลีวูดแห่งนี้ ทั้งการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น 20th Century นอกจากนั้นรองประธานฝ่ายผลิตอย่าง เอ็มมา วัตต์ส ก็ได้ลาออกจากตำแหน่งไปด้วย
เชื่อว่า Disney กำลังปรับโครงสร้าง 20th Century ขนานใหญ่ โดย Disney น่าจะเข้ามาบริหาร 20th Century แบบเต็มตัว ซึ่งนโยบายของ Disney ในขณะนี้ก็คือการให้ความสำคัญกับธุรกิจสตรีมมิงอย่าง isney+ และ Hulu มาเป็นเป็นอันดับ 1 ส่วนการผลิตภาพยนตร์กำลังจะกลายเป็นธุรกิจรอง ๆ ลงไป ทำให้บทบาทการผลิตภาพยนตร์ของ 20th Century ก็น่าจะน้อยลงไปด้วย
นอกจากนั้นในระยะหลังผลงานของ 20th Century Fox ก็ทำเงินไม่ค่อยเข้าเป้านัก ทั้ง X-Men: Dark Phoenix และ Alita: Battle Angel ต่างทุนไปไม่น้อย แม้ 20th Century จะได้ Ford v Ferrari มาช่วยกู้หน้า แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนแปลงภาพรวมความล้มเหลวของ 20th Century ไม่ได้ซักเท่าไหร่นัก
โดยหนังเรื่องต่อไปของ 20th Century คือหนังจากนิยายคลาสิกเกี่ยวกับสุนัขเรื่อง The Call of the Wild ที่มี แฮริสัน ฟอร์ด นำแสดง ซึ่งใช้ทุนสร้างสูงถึง 125 ล้านเหรียญฯ แต่เชื่อว่าน่าจะทำเงินสัปดาห์แรกแค่ 15 ล้านฯ และมีแววจะเป็นหนังที่น่าผิดหวังอีกเรื่องของ 20th Century
