“น้ำ รพีภัทร” กลับไปใช้ชีวิตที่ต่างจังหวัด เลี้ยงไก่ชน ปลูกพืชไว้กินเอง สอนให้ลูกเลี้ยงควาย เผยมีความสุขอยู่กับไก่ชนได้ทั้งวัน ส่วนงานในวงการยังรับงานแสดงอยู่แต่ไม่มากเหมือนเมื่อก่อน
กลับคืนสู่ธรรมชาติ “น้ำ รพีภัทร เอกพันธ์กุล” หันหน้าสู่อาชีพเกษตรกรอย่างเต็มตัว พาครอบครัวย้ายไปอยู่นครนายกเปิดฟาร์มไก่ชน เลี้ยงควาย และปลูกพืชผักไว้กินเอง แต่ก็ยังรับงานแสดงอยู่แต่อาจไม่ได้มากเหมือนเมื่อก่อน เผยรักการใช้ชีวิตในต่างจังหวัด มีความสุขสามารถอยู่กับไก่ชนได้ทั้งวัน
“ก็ยังคงมีงานแสดง ยังรับงานละครอยู่ตลอดเวลา แต่อาจจะไม่ได้แน่นขนาดนั้นก็ยังมีต่อเนื่อง ใน 1 ปีก็ยังจะมีให้เห็นประมาณ 1-2 เรื่อง เวลาว่างหลังจากงานบันเทิง ตอนนี้ย้ายครอบครัวไปอยู่นครนายกหมดแล้ว หลักๆ ก็ทำสองอย่างคืองานแสดงกับงานที่ฟาร์มที่นครนายก”
“มันเป็นความรักความชอบของเราด้วย เราชอบการใช้ชีวิตอยู่ตามต่างจังหวัด มันเป็นกิจกรรมที่เราทำก่อนที่เราจะมาเป็นนักแสดง เมื่อก่อนผมก็เป็นเด็กต่างจังหวัด เอนเตอร์เทนเมนต์ในสมัยนั้นก็ไม่มีอะไรนอกจาก ไก่ชน โดดน้ำคลอง ขี่จักรยานเล่นกับพรรคพวก มันคือความสุขของเราในช่วงวัยเด็ก เรามานั่งนึกย้อนอีกทีว่า เราสามารถใช้ชีวิตกับอะไรได้หมดไปใน 1 วัน ก็นึกขึ้นได้ว่ามีไก่ชน เป็นสิ่งที่เราสามารถอยู่กับมันได้ทั้งวัน เราเพลิดเพลิน เป็นสิ่งที่เรารัก ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นให้กลับไปอยู่ต่างจังหวัด หลังจากนั้นก็ทำให้มันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ทำเป็นระบบฟาร์มที่ได้มาตรฐาน คัดสรรสายพันธุ์ที่ดีที่พร้อมจะแบ่งปันให้พี่น้องเกษตรกรที่เขาต้องการสายพันธุ์ไปพัฒนาเช่นกัน”
ปลูกฝังให้ลูกสัตว์ ล่าสุดก็ให้ลูกๆ เลี้ยวควาย
“มันเป็นกิจกรรมที่เราทำตอนเด็กๆ แล้วเรารู้สึกสนุกดีไม่ต้องเสียเงินมากมาย แค่อยู่ทำกิจกรรมภายในบ้านหากิจกรรมทำร่วมกันก็สนุกและมีความสุขแล้ว อีกอย่างก็ได้ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ภายในตัวที่จะหัดทำงานให้ซึมซับการได้ใกล้ชิดกับสัตว์กับธรรมชาติ เขาได้เลี้ยงสัตว์เขาก็จะได้รู้สึกถึงความรักความเมตตาการแบ่งปัน สัตว์ที่เราเลี้ยงเราต้องเลี้ยงด้วยความรักต้องดูแลเขาเป็นอย่างดี นอกจากเป็นสัตว์เลี้ยงแล้วเขาก็เป็นเพื่อนของเราด้วย เด็กพออยู่ใกล้สัตว์ก็จะทำให้เขาจิตใจอ่อนโยน ตอนนี้เลี้ยงสัตว์ใหญ่ด้วยเลี้ยงควาย ผมโชคดีที่ได้ควายที่มีนิสัยเชื่องไม่ดุร้าย สามารถเข้ากับเด็กได้ ตอนนี้มีทั้งหมด 4 ตัว เริ่มมีลูกๆ เขาคลอดออกมา ตอนนี้เหมือนเป็นขวัญใจของเด็กๆ ภายในบ้าน”
เน้นเปิดฟาร์มไก่ชนเป็นหลัก และปลูกพืชและผลไม้ไว้กินเอง
“ตอนนี้หลักๆ เป็นฟาร์มไก่ชนแล้วก็มีควายที่เริ่มเลี้ยง เราก็พยายามปลูกต้นไม้ที่ให้พืชผลต่างๆ ที่เรากิน แต่ถ้าเป็นพืชเกษตรที่ไว้ปลูกขายยังไม่ได้ทำ แค่ปลูกพืชผลไม้ไว้กินเอง”
เผยเริ่มเลี้ยงควายเพราะความชอบ
“ควายพันธุกรรมเขาเป็นความงาม เป็นควายยักษ์ ปกติเราจะรู้ว่าควายเขาขายกันในอัตราน้ำหนักเนื้อ ควายงามมันเป็นความพึงพอใจระหว่างคนซื้อและคนขาย มันไม่ได้ชั่งตามน้ำหนักเนื้อ เช่น อย่างเป็นแชมป์เปี้ยน ค่าตัวมันก็จะเป็นเรตเทียบกับสุนัขประกวด ค่าตัวก็จะแล้วแต่ความพอใจของคนซื้อคนขาย มันก็สร้างมูลค่าให้ควายไทยแล้วก็เป็นแนวทางให้พัฒนากันต่อไป ถ้าเกิดถ้าเราจะพัฒนาไปถึงการขายเนื้อจริงๆ ควายพวกนี้ก็จะเป็นควายที่โครงสร้างใหญ่ แล้วก็ให้เนื้อให้น้ำหนักที่เยอะกว่าปกติที่เราพัฒนาหรือเลี้ยงกันตามบ้านอยู่ ตอนนี้ก็เลี้ยงตามกำลังครับ เลี้ยงเพราะความชอบ วางเอาไว้ว่าจะมีแม่ควายซัก 5 แม่ หลังจากนั้นก็เริ่มพัฒนาตามจินตนาการของหลักความเป็นจริงของเรา เสริมเติบแต่งจุดด้อยของความที่เรามีให้ควายเราสามารถเดินในสนามประกวดได้”
รักทั้งวงการบันเทิงและการเป็นเกษตรกร
“เราไม่ได้ทุ่มอะไรไปมากกว่ากัน เราทำงานในวงการบันเทิงเราก็ทุ่มเต็มที่ในช่วงระยะเวลานั้น แต่เวลาเราไปทำงานในด้านการเกษตรและปศุสัตว์เราก็เต็มที่กับมัน เราก็เต็มที่กับทุกๆ อย่างไปพร้อมกันในสิ่งที่เรารักที่เราชอบทั้งสองอย่างให้มันควบคู่กันไป มันก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกจะให้ผมปลูกพืชปลูกผักขายก็ไม่ใช่ แต่ถ้าเป็นเรื่องการเลี้ยงสัตว์เราชอบทางนี้ไง เราก็ทำตามความรักความชอบมากกว่า สำหรับงานในวงการถ้าเขายังจ้างอยู่ก็ยังคงเล่นอยู่ ถ้าไม่จ้างก็ใช้เวลาอยู่กับบ้านอยู่กับลูกไปแล้วก็ทำเกี่ยวกับการเกษตร ปศุสัตว์ไป ผมไม่ได้กำหนดว่าปีนึงจะรับกี่เรื่องมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
เรียนรู้ศึกษาด้วยตนเอง
“ศึกษาเองครับ ศึกษาจากผู้รู้ ศึกษาจากตัวเราเองจากประสบการณ์ที่ได้สัมผัสเขา เดี๋ยวนี้ข้อมูลความรู้มีเยอะในโซเชียลให้เราศึกษาได้ แต่จริงๆ แล้วมันต้องเริ่มจากประสบการณ์เราเองได้แก้ไขถูกผิด แล้วก็ศึกษาจากผู้รู้อีกทีดีที่ผู้ใหญ่ที่ให้ความรู้เราท่านก็ไม่ได้หวงวิชา เขาก็ให้คำแนะนำตลอด”