David Makarapong Ph.D. หรือ ดร.เดวิด มกรพงศ์ ผู้ประกอบการไทย ผู้พัฒนานวัตกรรมสู่เชิงพาณิชย์ ได้เข้าสู่การเป็นนักพัฒนานวัตกรรม ตั้งแต่เข้าศึกษาหลักสูตรดุษฎีบัณฑิต Technopreneurship and Innovation Management ที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระหว่างที่เรียนก็เกิดจุดประกาย ในการที่จะสร้างนวัตกรรม ให้เกิดขึ้นในประเทศ และสร้างมูลค่าในตลาดโลก จึงให้ความสำคัญและสนใจที่จะเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบในประเทศไทยด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อีกทั้ง ต้องให้ความสำคัญกับการตลาด เพราะการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น ต้องให้ความสำคัญกับการออกสู่ตลาดได้อย่างเหมาะสมและถูกเวลาอีกด้วย
ดร.เดวิด ได้นำผลงานวิจัยนวัตกรมเข้าร่วมเวทีระดับโลกตั้งแต่ปี 2018-2019 ดังนี้
The International Trade Fair for Ideas, Inventions and New Products (iENA 2018). ณ เมืองนูเรมเบิร์ก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
49th INTERNATIONAL EXHIBITION OF INVENTIONS GENEVA 2019 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส และ ล่าสุด พิชิต 6 รางวัล จากงานประกวดนวัตกรรม
Seoul International Invention Fair 2019 (SIIF2019) ณ กรุงโซล เกาหลีใต้
ตลอดจนได้รับรางวัลพิเศษ จาก
Special prize จาก Korea Invention Promotion Association (KIPA)
Special prize จาก Patent office of cooperation council for the Arab states of the Gulf:GCC รางวัลพิเศษจากสมาคมสิ่งประดิษฐ์ของประเทศโปแลนด์ และ Special Prize ที่มอบให้ผลงานทีมีศัพยภาพในการเพิ่มคุณภาพชีวิตและครอบครัวจาก Taiwan Invention Association
ผลงานดังกล่าวข้างต้น เกิดจากความพยายามที่จะสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์โดยคนไทย เพิ่มมูลค่าด้วยองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโนโลยี ให้มีคุณค่าทั้งในทางวิชาการและคุณค่าทางเศรษฐกิจ ตลอดจนเพิ่มคุณค่าให้กับสังคมอีกด้วย ดร. เดวิด เชื่อว่า การจะเติบโตแบบยั่งยืนและมั่นคงได้นั้น ต้องเริ่มสร้างคุณค่าโดยการแบ่งปันตั้งแต่แรก ใช้หลักการณ์ Creative share value เติบโตไปพร้อมกับเกษตรกรไทย แลกเปลี่ยนความรู้และร่วมกันพัฒนา เพื่อสร้างอัตลักษณ์ที่โดดเด่นให้กับงานวิจัยไทย ที่นอกจากจะโดดเด่นในด้านวิชาการแล้วนั้น จะต้องทำประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้อีกด้วย ทุกๆ ครั้ง ที่ได้โอกาสไปแข่งขันงานวิจัย หรือประชุมวิชาการในระดับนานาชาติ ผมเล็งเห็นถึงโอกาสในการต่อยอดความคิด ดูแนวโน้มในการพัฒนางานวิจัยในระดับโลก และความต้องการของลูกค้า เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้น กลับมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยจะร่วมแรงกับเกษตรกรไทย เพื่อช่วยกัน ในการพัฒนาวัตถุดิบต้นน้ำ ให้มีความโดดเด่น เป็นวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงก่อน ที่จะนำไปพัฒนา
ยกตัวอย่างผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก คือ การพัฒนานมแรกเกิด(Colostrum) จากโคนม ในประเทศไทย สู่การพัฒนา วัตถุดิบเพื่ออุตสาหกรรมทางการแพทย์และอุตสาหกรรมเครื่องสำอางดูแลผิว ระยะเวลากว่า 2 ปี ในการพัฒนาสูตรอาหารสัตว์ การจัดการฟาร์ม เพื่อให้ได้น้ำนมคุณภาพเยี่ยม โดยน้ำนมที่ได้เมื่อผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแล้ว มีฤทธิ์ในการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนังได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะสมที่จะนำไปประยุกต์ใช้ทางการแพทย์ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ให้กับผู้ป่วย ให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น ด้วยคุณสมบัติข้างต้นนี้ ยังสามารถนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าได้อีกด้วย ปัจจุบัน กล่าวได้ว่า นมแรกเกิดที่พัฒนาขึ้นมานี้ มีคุณภาพระดับดีเยี่ยม ทัดเทียมระดับโลก ทำให้ประเทศไทยสามารถส่งออกสารสำคัญจากนมแรกเกิดไปยังตลาดโลกได้ เป็นต้น