ถ้าจะสรุปทิ้งท้ายปลายปีว่า 2019 คือปีทองของวงเกิร์ลกรุ๊ปยอดนิยมอย่าง Black Pink ก็คงจะไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด !!!
วิเคราะห์จากการที่มีกระแสข่าว กระแสเพลงของ Black Pink อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ไม่ได้ดังเฉพาะที่เกาหลี ไม่ได้มีคนคลั่งไคล้เฉพาะที่เมืองไทย ไม่ได้มีอิทธิพลเฉพาะแค่ระดับเอเชีย
แต่วันนี้ของ Black Pink อยู่ในระดับโลกไปเรียบร้อยแล้วหรือใครจะเถียง !!???
ไม่ใช่ทุกวง หรือทุกศิลปินที่โด่งดังในระดับเอเชีย แล้วจะเป็นที่รู้จักในเวทีโลก โดยเฉพาะตลาดใหญ่อย่างอเมริกา ที่แทบจะไม่เคยปรากฏอยู่ในสารบบ
ที่ผ่านมา อาจจะเคยมีวง Wonder Girls จากค่าย JYP ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ให้เพลง Nobody ติดอันดับ 76 ในชาร์ต Billboard ของอเมริกา แต่พอกระแสเพลงนี้ซาลงไป ก็ไม่เคยมีปรากฏการณ์ใดๆ จากวง Wonder Girls ในสหรัฐฯ อีกเลย
และยิ่งไปกว่านั้น หลังจาก Wonder Girls แม้จะมีวงเกิร์ลกรุ๊ปหน้าใหม่ของเกาหลีที่ได้รับความนิยม และสร้างกระแส K POP ให้กระหึ่มในระดับเอเซีย ไม่ว่าจะเป็น Girls’Generation, Miss A หรือแม้กระทั่ง Red Velvet แต่ก็ไม่เคยมีวงใด ที่กระโดดไปแตะอยู่ในชาร์ต Hot 100 ของ Billboard ได้แม้แต่วงเดียว
จะมีเพียงวงบอยแบนด์ อย่าง BTS ที่ส่งเพลง Fake Love พุ่งทะยานสู่อันดับ 10 วงเดียวเท่านั้น
จนกระทั่งการถือกำเนิดของวง Black Pink จากค่าย YG ที่กลับมากอบกู้ชื่อให้กับวงการเกิร์ลกรุ๊ปของเกาหลี ด้วยการพาเพลง Ddu-Du Ddu-Du ทะยานขึ้นไปอยู่อันดับ 55 ได้อย่างสง่างาม ในปี 2018 หลังจากที่ใช้ความพยายามอย่างยาวนานถึงเกือบ 1 ทศวรรษ
ที่สำคัญยังเป็นการโค่นสถิติเก่าที่ Wonder Girls ทำไว้ในอันดับที่ 76
และยังเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีวงแรกที่มีอัลบั้มติดบนชาร์ต Billboard 200 ในลำดับที่ 40
นอกจากนั้นยังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการเพลงทั้งในเกาหลีใต้และทั่วโลก ด้วยการเป็น 1 ใน 2 วง K-POP ที่ได้รับ “ปุ่มเพชรยูทูบ” หรือ Diamond Creator Awards ในฐานะที่ช่องยูทูปของทั้งคู่มีสมาชิกที่กดติดตาม เกิน 10 ล้านคน เคียงข้างกับวงบอยแบนด์อย่าง BTS
จนข้ามมาถึงปี 2019 กระแสความนิยมในวง Black Pink ก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลง ตรงกันข้าม กลับยิ่งพีกหนักขึ้นทุกขณะ ทันทีที่ต้นสังกัดประกาศวางจำหน่าย EP. ที่ 2 ที่ใช้ชื่อว่า “Kill This Love” ในวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งออกสตาร์ทได้อย่างสวยงาม เพราะเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงแรก ก็ส่งให้หุ้นของค่าย YG พุ่งทะยานขึ้น 5 % จากที่ตลาดเปิดราคาอยู่ที่ 34,800 วอน (ราว 968 บาท) ราคาก็พุ่งไปสูงสุดที่ 37,050 วอน (ราว 1,031 บาท) ก่อนปิดที่ 35,150 วอน (ราว 978 บาท)
รวมไปถึงการที่สื่อใหญ่ของสหรัฐฯ ทั้ง Billboard และ E! Online ก็พร้อมใจกันเกาะติดสถานการณ์ชนิดวินาทีต่อวินาที
อีกหนึ่งปรากฏการณ์ของ Black Pink ในตลาดโลกก็คือ การเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปของเกาหลีวงแรก ที่ได้รับเชิญให้ขึ้นรวมโชว์ในงาน Coachella ซึ่งเป็นเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา จัดขึ้นตั้งแต่ปี 1999 ซึ่งโดยเฉลี่ยจะมีคนมาเข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 250,000 คนต่อปี
พูดง่ายๆ ว่าเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดของโลกในเวลานี้
อะไรที่ทำให้ Black Pink เป็น Top of The World !!???
องค์ประกอบที่สำคัญที่สุด ก็คือเรื่องเพลง ที่ไม่ได้เน้นปริมาณ แต่มากด้วยคุณภาพ แทบไม่น่าเชื่อว่านับจากช่วงระยะเวลาตั้งแต่เริ่มเดบิวต์ในปี 2016 มีซิงเกิ้ลออกมาแค่ 10 เพลงเท่านั้น แต่ก็เป็น 10 เพลงที่ล้วนเป็นหมัดเด็ดทั้งสิ้น
แต่ลำพังสรรพกำลังของค่าย YG อาจจะไม่เพียงพอที่จะปูทางให้ Black Pink ประสบความสำเร็จในระดับโลก แต่ยังหมายรวมถึงการจับมือเป็นพันธมิตรกับ 2 ค่ายดนตรี อย่าง อินเตอร์สโคป กับ UMG ที่มีความชำนาญในการตลาดที่สหรัฐฯ ทำให้วง Black Pink มีช่องทางในการโปรโมทที่ครอบคลุมและกว้างขวาง
และอีกองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การที่สมาชิกแต่ละคนในวง ล้วนแล้วแต่มีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน ต่างจากวงเกิร์ลกรุ๊ป หรือแม้กระทั่งบอยแบนด์อื่นๆ ที่สมาชิกมวลรวมแทบจะไม่มีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล ทำให้ยากแก่การจดจำ
ที่ไม่พูดถึงไมได้เลย ก็คือ “ลิซ่า - ลลิษา มโนบาล” เด็กสาวไทยเพียงคนเดียว ที่สามารถก้าวขึ้นมา “ยืนหนึ่ง” ในวงเกิร์ลกรุ๊ปที่ท็อปฟอร์มระดับโลก
ไม่เพียงแต่จะโดดเด่นบนเวทีร้อง เต้น แต่ยังเป็นศิลปินที่ได้รับการยอมรับว่ามีรัศมีความเป็นซูเปอร์สตาร์ที่เจิดจรัสในทุกๆ ย่างก้าว โดยแม้กระทั่งได้รับเชิญไปร่วมชมแฟชั่นโชว์ในงาน Paris Men Fashion Week ก็ยังได้รับการกล่าวขานว่าเป็นศิลปินที่โดดเด่นที่สุดในงาน เทียบเคียงกับ Solange Knowles นักร้องสาวชาวอเมริกันผู้เป็นน้องสาวของ Beyoncé
โดยในงานดังกล่าว ลิซ่าไปในฐานะ Muse ของแบรนด์ ไฮเอนด์ อย่าง Céline ที่ดูเหมือนจะปลื้มหนักมาก ถึงขนาดที่มีการมอบของกำนัลเป็นกระเป๋าสุดคลาสสิก รุ่น Le 16 ซึ่งมีตัวอักษร L และ M อันเป็นอักษรตัวแรกในชื่อและนามสกุลของเธอสลักเอาไว้ นับเป็นคนที่ 3 ของโลก ถัดจากเลดี้ กาก้า และ แองเจลีนา โจลี่
ยังไม่นับการได้ขึ้นปกนิตยสาร VOGUE ของฮ่องกง ฉบับเดือนธันวาคม รวมถึงนิตยสาร Figaro Japan ประเทศญี่ปุ่น และได้รับการโหวตให้เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในเอเซีย จากการจัดอันดับของ TCCAsia
ความสำเร็จระดับเอกอุของวงเกิร์ลกรุ๊ปผู้ทรงอิทธิพลอย่าง Black Pink ยังส่งให้แบรนด์สินค้าต่างก็แย่งตัวมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะล่าสุดธนาคารสีเขียว ก็ทุ่มเม็ดเงินสูงถึง 30 ล้านบาท แลกกับการที่จะได้ 4 สาววงนี้ มาเป็นหัวหอกในการต่อยอดแคมเปญใหม่ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ และขยายฐานตลาดไปยังกลุ่มวัยรุ่น ที่มีกว่า 10 ล้านคน
และเชื่อมั่นว่าก้าวย่างสู่ปี 2020 Black Pink ก็จะยังคงเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปที่จะสร้างปรากฏการณ์สำคัญๆ ให้เกิดแก่วงการเพลงระดับโลกอีกเช่นเดิม !!!
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ 28 ธันวาคม 2562 – 3 มกราคม 2563