“อยุธยา”..เมืองหลวงเก่า ที่ไม่เคยเก่าในมุมของการท่องเที่ยว เพราะความงดงามของที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นด้านโบราณสถาน อาหารการกิน ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และที่สำคัญคือ วิถึชีวิตที่เรียบง่ายของคนริมน้ำ ซึ่งแม้จะดูเรียบง่านแต่กลับแฝงไว้ด้วยมนต์เสน่ห์อย่างน่าหลงใหล
“ชุมชนบ้านเกาะเกิด”..ชุมชนเล็กๆย่านบางปะอินติดกรุงเทพฯเพียงชั่วโมงเศษ แต่มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกินที่สืบทอดกันมาครั้นแต่บรรพบุรุษผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพที่สืบทอดมาจากตำรายาโบราณนับร้องปี แต่กลับมีผลชงักนัก
“คุณป้าลำพูล พรรไวย” ผู้ดูแลกลุ่มสตรีสหกรณ์สมุนไพรอายุวัฒนะเล่าให้ฟังว่า ตนตั้งใจจะพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งโดยการจัดตั้งกลุ่มชาวบ้านให้รวมตัวกันมาตั้งแต่สมัยเป็นผู้ใหญ่บ้าน แต่ก็ต้องประสบปัญหาต่างๆมากมายล้มลุกคลุกคลานมาหลายรอบก็ไม่สำเร็จเสียที่ จนกระทั่งตัวเองล้มป่วย ต้องรักษาตัวอยู่หลายปี และคิดว่าตายแน่แล้ว จนคุณแม่สงสารและทนไม่ได้ที่ต้องเห็นลูกสาวทนทุกขเวทนาจากโรคภัยที่รุมเร้าในขณะนั้น จึงค้นตำรายาของตาทวดที่เคยเป็นหมอยาในอดีตมาปรุงให้ทาน จนร่างการดีขึ้น และแข็งแรงมาจนถึงทุกวันนี้ กระทั่งได้ปรุงเป็นยาลูกกลอนออกเผยแผ่ ให้ผู้ที่สนใจได้ทดลองจนได้รับการยอมรับกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน และทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพรอายุวัฒนะบ้านเกาะเกิดมีชื่อเสียงขึ้น ซึ่งยาตำหรับนี้ผู้ที่สนใจจะใช้ก็ใช้ได้อย่างสบายใจเพราะได้รับการรับรองจากการแพทย์แผนไทยแล้ว
ป้าพูลยังบอกด้วยว่า ยาของป้าไม่ใช่ยารักษา แต่เป็นยาที่ใช้ปรับธาตุตามศาสตร์แพทย์แผนไทย ผู้ป่วยต้องใช้คู่กับยาของแพทย์แผนปัจจุบันที่รักษาตามอาการด้วยจึงจะได้ผลดี ส่วนผู้ที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร ถ้าเรารู้จักปรับธาตุให้สมบูรณ์ร่างกายก็จะแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายๆ และนอกจากยาขนานเอกนี้แล้ว ที่นี่ยังมีผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอื่นๆอีกหลายอย่าง เช่น ม้ายืนเพื่อสุขภาพ ไม้นวดจากกิ่งตาล ฯลฯ
นอกจากเรื่องหยุกยา สุขภาพแล้วบ้านเกาะเกิดยังมีชื่อเรื่องอาหารการกิน โดยเฉพาะขนมโบราณ ของขบเคี้ยวอย่างหมี่กรอบนี่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้เลย เพราะ
กลุ่มหมี่กรอบโบราณของบ้านเกาะเกิดแห่งนี้ มีรางวัลชนะเลิศระดับจังหวัดการันตีมาแล้วถึงความอร่อย มีขั้นตอนการผลิตหมี่ตามแบบโบราณที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นอย่างไม่ผิดเพี้ยน พร้อมทั้งใช้วัสดุที่สดใหม่มีคุณภาพ ใช้การบรรจุที่สวยเก๋ทำให้ดูเป็นของทานเล่นที่ไม่เชยเลย แต่กลับดูดีมีมาตรฐาน นอกจากนี้ก็ยังมีขนมไทยอีกหลายอย่างที่นอกจากจะมาซื้อทานแล้ว ชุมชนบ้านเกาะเกิดยังเปิดให้มีการจัดอบรมเป็นความรู้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นขนมต้ม ตะโก้ น้ำนมข้าวยาคู..
พูดถึงน้ำนมข้าวยาคู นี่ก็เป็นเตรื่องดื่มเพื่อสุขภาพอีกชนิดหนึ่งที่น่าสนใจ และไม่ใช่จะพบเห็นกันได้บ่อยนักโดยเฉพาะสูตรดั่งเดิมแบบนี้ เพราะที่นี่ยังคงรักษากระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมเอาไว้ โดยการนำรวงข้าวอ่อนๆ มาตำรวมกับใบเตยสดในครกไม้มะขามใบใหญ่ จากนั้นก็นำมาคั้นจนได้น้ำนมข้าวข้นๆ สีเขียวอ่อน เมื่อนำไปต้มก็จะกลายเป็นน้ำนมข้าวยาคู แต่หากเติมแป้งใส่กระทะตั้งไฟกวนให้งวดก็จะกลายเป็นขนมข้าวยาคูหอมอร่อย แล้วยังบำรุงสุขภาพอีกด้วย
มาถึงบ้านเกาะเกิดแล้ว อีกที่หนึ่งถ้าไม่แวะไปเยี่ยมถือว่าผิด!!..นั่นคือ “บ้านป้าสละและลุงสมนึก” เพราะที่นี่เป็นแหล่งทำขนมงานมงคลที่เลื่องชื่อ โดยเฉพาะขนมสามเกลอ และขนมกง ที่ลูกค้าในพื้นที่มักจะมาสั่งเพื่อนำไปใช้ในงานพิธีมงคลต่างๆอยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ในแต่ละวันป้าสละยังทำขนมไทยโบราณสลับสับเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ แต่ที่ทำอยู่เป็นประจำ ก็จะเป็นขนมกง ขนมสามเกลอ ขนมหม้อแกง ขนมต้ม ขนมตะโก้ ขนมเปียกปูน ถั่วแปบซึ่งเป็นสูตรโบราณโดยทั้งสิ้น รสชาติจึงหอมละมุมไม่หวานแสบคออร่อยสมคำล่ำลือจริงๆ
นอกจากนี้ที่ชุมชนบ้านเกาะเกิดยังมีบริการที่พักแบบโฮมสเตย์บรรยากาศสบายๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่รักความสงบปลอดภัยริมแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย อัตราค่าที่พักก็ถูกแสนถูก นอนรับลมริมน้ำชิลชิลด้วยราคา ห้องแอร์ 200 บาท/คน/คืน ห้องพัดลม 150 บาท/คน/คืน หรือถ้าต้องการให้บริการอาหารด้วยก็คิด ค่าอาหาร เช้า 80 บาท /คน,กลางวัน 100 บาท /คน,เย็น 150 บาท /คน
สำหรับคนที่ชอบไหว้พระไม่ไกลนักก็มีวัดวัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร พลาดไม่ได้เลยกับการนั่งกระเช้าล้ามคลองเจ้าพระยา คลองที่ขุดชักน้ำเข้าไปใช้ในพระราชวังบางปะอิน ทำให้ที่ดินตรงนั้นกลายเป็นเกาะ และเป็นที่ตั้งของวัดแห่งนี้
วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหารเป็นวัดในฝ่ายธรรมยุทธ์บรรยากาศร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหม่ แต่ที่อดสะดุดตาสะดุดใจไม่ได้คือสิ่งปลูกสร้างของที่นี่เป็นแบบตะวันตกทั้งหมด มองดูเผินๆ อาจเข้าใจว่าเป็นโบสถ์คริสต์ วัดแห่งนี้ล้นเกล้าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2419 เพื่อใช้เป็นที่บำเพ็ญพระราชกุศลใกล้กับพระราชวังบางปะอิน ซึ่งตอนนี้วัดนี้มีอายุถึง 140 ปี และที่นี่ร่มรื่นก็เพราะมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นใหญ่ที่เสด็จท่านได้ทรงปลูกไว้ในปีไล่เลี่ยกับการก่อสร้างวัดแห่งนี้นั่นเอง
เดินเที่ยวกันร้อนๆเหนื่อยๆแล้ว ต้องหาอะไรเย็นๆ บรรยาการสบายๆสไตล์ย้อนยุคกันซักหน่อย “อยุธยา รีทรีต” ที่นี้เป็นเรือนไทยโบราณที่ตกแต่งใหม่ด้วยเครื่องเรือนไม้เก่าสวยงามสง่ารักษาคอนเซ็ป สามารถเป็นมุมถ่ายรูปเก๋ๆได้ดีทีเดียวพนักงานที่นี่ยังกระซิปบอกเราอีกว่า “อยุธยา รีทรีต”แห่งนี้มีละครมาถ่ายทำหลายเรื่องแล้วนะ ใครอยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรบ้าง ก็ต้องไปพิสูจน์กันเองให้เห็นกับตา
ภายในบริเวณโดยรอบของที่นี่เมื่อเดินเข้ามาเราจะเจอสระบัวขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยอาคารทรงไทยหลายหลัง รอบสระมีทางเดินไม้ สามารถเดินชมบรรยากาศแบบบ้านทรงไทยได้ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่คงอดใจไม่ได้จะต้องเซลฟี่แน่นอน ในสระก็มีต้นบัวสวยงามกระจายอยู่เต็มผืนน้ำรายล้อมน้ำพุใหญ่ที่พุ่งสูงเป็นสง่าอยู่กลางสระ ผู้ที่รักการถ่ายรูป และนักเซลฟี่ถ้าพลาดที่นี่ถือว่าสอบตกด้านการท่องเที่ยวเลยทีเดียว สำหรับอาหารเครื่องดื่มที่นี่ก็ไม่ผิดหลังถ้าท่านชื่นชมกับอาหารไทยรสมือชาววัง เค้กมะพร้ามหอมหวาน ฯลฯ นับได้ว่า “อยุธยา รีทรีต”เป็นอีกที่หนึ่งที่ไม่แวะไม่ได้แล้ว..
