“เจ เจตริน” ประกาศจะเต้นจนลมหายใจสุดท้าย ไม่มีวันรีไรท์ตัวเอง เผยร่างกายยังรับไหว แฮปปี้ทุกครั้งที่อยู่บนเวที แม้จะร้องเพลงเดิมๆ ก็ตาม ยึด “ป๋าเบิร์ด” เป็นไอดอล เปรยถ้าลูกชายจะมีแฟน แนะให้เปิดตัวอย่าไปแอ๊บ แต่อาจเรตติ้งตก
ฮอตงานแน่นตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ ยันจะ 50 เลยทีเดียวสำหรับ “เจ เจตริน” คิงส์ออฟแดนซ์ของเมืองไทย ไม่ว่าจะกี่โชว์หรือกี่เวที เจไม่เคยทำให้ผิดหวัง เต้นลืมตายใส่เต็ม ชนิดที่ว่าอายุที่เพิ่มขึ้นทุกๆ วัน ไม่ใช่อุปสรรคอะไรในการเอ็นเตอร์เทนคนดูเลย โดยเจ้าตัวยก “เบิร์ด ธงไชย” เป็นไอดอลในเรื่องนี้ รวมถึงยังเผยว่า ถ้าลูกชายทั้ง 3 คนจะมีแฟน ก็ไม่ได้ห้าม แต่ก็แอบเตือนเบาๆ ว่าอาจจะมีผลต่อความรู้สึกของแฟนคลับ
“เรื่องจะรีไทร์ตัวเอง เรื่องนี้ธรรมชาติมันจะบอกเอง แต่ตอนนี้มันยังไม่บอกอะไร มันยังไม่มีสัญญาณอะไรว่าเรารู้สึกอะไร เรายังแข็งแรงเหมือนเดิม ยังขี่เจ็ทสกี 20 รอบเหมือนเดิม เรายังต่อยมวย 3 ยกได้เหมือนเดิม หรือว่าการขึ้นบนเวทีเรายังร้องได้ดี เรายังขี่มอเตอร์ไซด์ เรายังสนุกกับมัน ใจเรายังเหมือนเดิม อยู่บนเวทีเราก็ไม่ได้ตกอะไรเลย แรงอะไรแบบนี้มันไปเรื่อยๆ ถามว่าเมื่อไรที่เราจะเริ่มรีไทร์ ผมว่าให้เวลามันเป็นตัวบอก ผมว่าธรรมชาติมันคงบอกเราเอง"
"แต่ว่าเราก็จะดูความเหมาะสม บอกเพื่อนๆ ในวงกับครอบครัวเสมอ ถ้าเมื่อไรพ่อควรหยุดบอกพ่อด้วยแล้วกัน คือบางทีเรามองไม่เห็นตัวเอง ผมจะคุยเรื่องนี้กับเจ้านายเยอะ คือในบ้านเจ้านายเขาจะรองจากผม เขาจะคอยดูแม่ดูน้อง เขาก็จะบอกว่าตอนนี้พ่ออยากทำอะไร พ่อทำเลย เดี๋ยวนายเรียนจบนายมาดูค่ายเจมีดีเอง เดี๋ยวนายจะมาช่วยดูน้องให้ คือผมก็คงจะยังรับคอนเสิร์ตอยู่ แต่อาจจะน้อยลง ปัจจุบันเดือนหนึ่งมี 27 งาน อนาคตก็อาจจะเหลือแค่เดือนล่ะ 4-5 งาน แล้วเอาเวลาไปทำกิจกรรมที่เราชอบ ความตั้งใจผมอยากจะไปดู MotoGP ทุกสนามในโลกสักปีหนึ่ง แต่ตอนนี้มันยังไม่มีสัญญาณใดๆ”
“และถึงผมทำแบบเดิมทุกๆ วัน แต่มันก็ไม่เบื่อ มีคนถามว่าพี่ทำงานไม่เหนื่อยเหรอ ก็เหนื่อยนะ ทำงานขึ้นเวที ลงมาเหงื่อโชก แต่มันสนุก ทุกเวทีที่ผมขึ้นก็ร้องเพลงเดิม แต่โชว์จะเปลี่ยนนิดหน่อยแล้วแต่เหตุการณ์เฉพาะหน้า แต่เราสนุกเหมือนกันทุกครั้ง มีคนถามผมว่าพี่ร้องเพลงฝากเลี้ยงกี่ทีแล้ว ซึ่งมันก็หลายครั้งมาก แต่เอาจริงๆ เวลาขึ้นเวทีต่อให้เราออกเพลงใหม่ยังไง เขาก็จะรอฟังเพลงเดิมๆ ของเรา ก็เลยไม่ออกเพลงใหม่ดีกว่า เพราะถึงออกไปแฟนเพลงก็ยังอยากให้เราร้องเพลงเก่า ร้องเพลงเดิมๆ ก็เลยออกเพลงใหม่ให้ลูกร้องแทน “
“เราภูมิใจที่เขารักเรา ชอบเรา เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำมา เราไม่เคยหักหลังเขา เราให้ความสำคัญกับพวกเขาหมดเลย ถ้าคนสนิทใกล้ตัวพี่เจจะรู้ว่าพี่เจแคร์แฟนคลับมาก จะเป็นยาม เป็นพี่ เป็นป้า เป็นใครก็ได้เวลาขอถ่ายรูปผมจะไม่ปฏิเสธเลย เราเป็นคนที่แคร์เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เพราะทุกคนคือแฟนคลับเราผมให้เกียรติทุกคน แล้วผมว่าสิ่งนี้มันทำให้เรา อยากนำรายละเอียดตรงนี้ไปบอกรุ่นน้องไปสอนลูกว่า อย่ามองข้ามเรื่องแบบนี้ อาจเพราะเราเป็นแบบนี้เราถึงได้อยู่นานขนาดนี้ เรามีโมเดลแบบพี่เบิร์ด ใครๆ ก็รักเขา แล้วก็อีกอันหนึ่งที่สำคัญมากผมว่า ที่ทำให้เราอยู่นานคือผมดูแลตัวเอง”
รับได้ถ้าลูกชายจะมีแฟน แต่แอบเตือนว่าอาจจะมีผลต่อแฟนคลับ ยัน “ปิ่น เก็จมณี” ไม่มีกันซีนแฟนของลูก แนะให้คบกันจริงก็เปิดตัวไปเลย อย่าไปหลบๆ ซ่อนๆ
“ซึ่งถ้าให้ผมพูดถึงลูกๆ ผมค่อนข้างเข้มงวดกับทั้ง 3 คน คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกวัย 15 ,16 ,17 คงจะเข้าใจ ตอนที่เราเคยไล่ตามลูกตอน 4-5 ขวบ แล้วบอกว่าเหนื่อย เดี๋ยวมาลองเจอตอนเป็นวัยรุ่นจะยิ่งกว่า มันเหนื่อยจิต บ้านผมไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาย ชีวิตไม่มีปัญหาเลยมันไม่ใช่ ตรงนี้เหมือนครอบครัวทั่วไป บ้านเราก็เหมือนกัน มันมีปัญหาโน้นปัญหานี่ภายในมีเหมือนกันทุกบ้าน ยิ่งเป็นลูกผู้ชายอยู่โรงเรียนมันซนจะตาย มันก็มีโน่นมีนี่เราก็ไม่จำเป็นต้องพูด ผิดกฎโน้นผิดกฎนี่ แต่อยู่โรงเรียนที่อังกฤษไม่มีคำว่าลูกเจตริน เพราะเขาจะไม่แคร์ว่าเป็นลูกดารา เหตุผลนี่แหละที่ผมส่งไปเรียนเมืองนอก อยู่โน้นต้องอยู่โรงเรียนประจำ ต้องตื่นกี่โมง ต้องกินเหมือนกัน เราฝึกเขา แต่สุดท้ายเด็ก สอนเขาเขาฟัง แต่จะทำไหมลูกผมไม่ทำ แต่สิ่งที่เขาปรับตัวและแก้ไขได้คือ เขาเรียนรู้ทุกอย่างได้จากข้อผิดพลาดของเขาเอง และวันนี้ผมบอกเขาว่าสิ่งที่เราต้องเล่นตามกฎ สิ่งที่เขาห้ามหรือกฎหมายอะไรที่ห้ามก็อย่าทำ ตามกฎโรงเรียนอะไรที่ห้ามก็อย่าทำ แล้วต้องเรียนให้จบมหาลัย เพราะมันเป็นเกณฑ์ที่คุณต้องเรียนรู้ของชีวิต มันจะเป็นสินทรัพย์ทางสมองที่พ่อส่งไปเรียน คุณต้องไปเก็บให้หมดเพราะเงินที่พ่อหาที่พวกเราช่วยกันหา ไปแลกจากเงินบาทเป็นเงินปอนด์มันน้อยมาก เพราะฉะนั้นใช้ชีวิตให้คุ้ม พ่อไม่ได้มีสมบัติรวยเหมือนตระกูลอื่น แต่วันนี้พ่อให้สมบัติสินทรัพย์ทางปัญญากับลูก ลูกต้องไปเก็บไว้ แล้วเมื่อวันหนึ่งลูกอายุเลย 25 ปี บรรลุนิติภาวะแบบเต็มตัว ลูกอยากจะเป็นทรงไหน อยากสูบบุหรี่ อยากเที่ยวเตร่ ตรงนั้นพ่อไปยุ่ง”
“ส่วนเรื่องผู้หญิงผมกับปิ่นโอเพ่นมากนะ ตอนนั้นที่มีข่าวว่า ปิ่นไม่ปลื้มคนที่ขุนคบไม่ใช่นะไม่มี บ้านเราต้อนรับข่าวอาจจะบิดเบือนไปนะ ผมกับปิ่นโอเพ่นเรื่องนี้มาก ปิ่นเป็นแม่ที่ใจดีมาก เมื่อปีที่แล้วขุนคบกับเจสซี่เราก็ต้อนรับ ก็มองแบบผู้ใหญ่ มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เสียหาย ไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดี เพราะเราก็สอนลูกแล้วให้ทำตามกฎทุกอย่าง กฎหมาย กฎตัวเอง กฎบ้าน เพราะฉะนั้นเขาไม่ได้มีอะไรเสียหาย แล้วขุนเองก็เรียนดี มันจะไปห้ามเขาตรงไหนล่ะ แต่ผมจะสอนว่า อยู่ที่ตัวคุณเองว่าจะเลือกแบบไหน ลูกก็รู้ว่าถ้าลูกมีแฟน กับแฟนเพลงก็อาจจะมีผลนะ หรือถ้าลูกไม่มีแฟนก็ทำงานไป หรือลูกอยากจะใช้ชีวิตแบบธรรมชาติของลูกก็ไม่มีใครว่า แต่สมัยนี้มีแฟนก็เปิดไปเลยไม่ต้องแอ๊บ หรือถ้าไปหลบๆ ซ่อนๆ มันน่ารำคาญ ก็สอนลูกไป เขาก็เข้าใจ แต่เผอิญมันยังไม่มีในตอนนี้”