“ห้องสิน” น่าจะเป็นหนังจีนฟอร์มใหญ่ที่สุดในปี 2020 ที่จะถึงนี้ หนังแฟนตาซีไตรภาค เป็นการดัดแปลงพงศาวดารเก่าแก่ของจีนออกมาเป็นภาพยนตร์ในแบบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา แค่ไม่ใช่แค่นี้ในปี 2020 วงการหนังจีนยังมีอะไรน่าสนใจอีกมากมาย
2019 กำลังจะจบลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ตลอด 365 วันที่ผ่านมามีหนังทำเงินทั่วโลกมากมาย Avengers: Endgame กลายเป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลของโลก
นอกจากนั้นก็ยังมีหนังที่ทำรายได้ระดับเกิน 1,000 ล้านเหรียญฯ อยู่ถึง 8 เรื่อง แต่ที่น่าแปลกใจก็คือในหนังทำเงินสูงสุด 10 อันดับแรกในปีนี้ มีหนังฮอลลีวูดอยู่ทั้งหมด 9 เรื่อง แต่กลับมีหนังจีนอยู่หนึ่งเรื่องที่เสือกตัวเข้ามาอยู่ใน TOP10 กับเขาได้ด้วย
นั่นก็คือการ์ตูน นาจา ที่ฮิตถล่มทลายจนกลายเป็นหนังทำเงินอันดับ 1 ของจีนในปีทีผ่านมานั่นเอง นาจา ฉบับหลุดโลกเรื่องนี้กวาดรายได้ไปถึง 760 ล้านเหรียญ จนกลายเป็นการปลุกกระแสให้ทั่วโลกหันมาสนใจอนิเมชั่นจีนขึ้นมาทันที และในปีหน้าผู้สร้าง นาจา ก็เตรียมส่งหนังแนวแฟนตาซีที่จะเล่าเรื่องในจักรวาลเดียวกันออกมาให้ชมกันอย่างต่อเนื่อง
หนังเรื่องที่ว่าก็คือ “เจียง จื่อหยา” ที่จะมีตัวเอกเป็นนักยุทธศาสตร์คนสำคัญ ผู้มีบทบาทอยู่ในตำนาน “ห้องสิน” ที่ว่าด้วยการปราบนางต๋าจีซึ่งเป็นนางจิ้งจอกพันปีแปลงกายมาล่อลวงจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ซางนั่นเอง
ตำนานห้องสินเคยถูกสร้างเป็นหนังมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ในชื่อ League of Gods มีดาราดัง ๆ ทั้ง เจ็ท ลี, ฟ่านปงปิง เหลียเจียฮุย แสดงนำ แต่หนังกลับเจ๊งไม่เป็นท่า อย่างไรก็ตามในปีหน้า ห้องสิน จะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ในหนังถึง 2 เรื่อง นอกจากการ์ตูน เจียง จื่อหยา แล้วก็ยังจะมีห้องสินฉบับคนแสดงให้ชมกันด้วย
Fengshen Trilogy หรือไตรภาคเฟิงเฉิน เป็นหนังที่ว่ากันว่าทเยอะทยานที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์จีนแผ่นดินใหญ่ หนังใช้ทุนสร้างสูงถึง 3,000 ล้านหยวน
ลงทุนสร้างทีมงานเทคนิคพิเศษมาจากต่างประเทศ เล่าเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างราชวงศ์โจว และราชวงศ์ซาง ที่มีเทพเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย น่าจับตามองจริง ๆ ว่าสุดท้าย ไตรภาคเฟิงเฉิน เรื่องนี้จะไปไกลได้แค่ไหน
ปี 2020 ยังมีหนังน่าสนใจเข้าฉายอีกหลายเรื่อง แน่นอนว่า เฉินหลง ที่อายุ 65 ปี แล้วก็ยังจะไม่เลิกเล่นหนังง่าย ๆ แถมยังมีหนังเข้าฉายปีละหลายเรื่องเหมือนเดิม ที่น่าสนใจก็คงจะเป็น Vanguard หนังบู๊แอ็กชั่นระห่ำที่ เฉินหลง จะกลับมาร่วมงานกับ สแตนลี ตง ผู้กำกับ วิ่งสู้ฟัด 3 อีกครั้ง
หนังชุด Detective Chinatown ก็เตรียมกลับมาถล่มรายได้อีกครั้งในหนังภาค 3 จากไชน่าทาวไทยแลนด์ในภาคแรก และไชน่าทาวนิวยอร์กในภาค 2 ภาคนี้ตัวละครลุงหลานจะไปผจญภัยในญี่ปุ่นกันบ้าง แถมด้วยดาราแอ็กชั่นคนดังที่คนไทยเราน่าจะคุ้นเคยกันดีอย่าง จา พนม ก็มาร่วมเสริมทัพในหนังภาคนี้ด้วย
Detective Chinatown อาจจะดูธรรมดา ๆ ในสายตาแฟนหนังต่างชาติ แต่หนังตลกแบบนี้ถือว่าถูกใจผู้ชมชาวจีนมาก ตัวของ หวังเป่าเฉียง ก็ขวัญใจคนซื่อของชาวจีนดี ๆ นี่เอง หนังภาคแรกกวาดเงินสูงถึง 126 ล้านเหรียญฯ ส่วนภาค 2 รายได้พุ่งกระฉูดขึ้นมาเป็น 500 ล้าน จนน่าลุ้นดีเหมือนกันว่าภาคสามจะทำเงินได้มากขนาดไหน
หนังอีกแนวที่น่าจะฮิตเป็นกระแสในจีนปีหน้าก็คือหนังประเภท หน่วยพิเศษ หน่วยกู้ภัย ที่เน้นกระตุ้นเลือดรักชาติของชาวจีน ที่กำลังจะเข้าฉายก็คือ S.W.A.T. เรื่องนี้ซึ่งมีกำหนดฉายปลายปีนี้แล้ว
ส่วนในช่วงตรุษจีน The Rescue หนังว่าด้วยหน่วยกู้ภัยที่มีพระเอกคนดัง เอ็ดดี้ เผิง วัย 37 ปี ก็จะได้ถล่มโรงฉาย และน่าจะทำเงินถล่มทลายอย่างแน่นอน ด้วยทุนสร้างสูงถึง 700 ล้านหยวน (101 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) โดยหนังเรื่องนี้ยังเป็นการร่วมงานกันครั้งที่ 4 ของผู้กำกับ ดังเต้ แลม และพ่อหนุ่ม เอ็ดดี้ เผิง ด้วย
สำหรับใครที่ชอบหนังที่มีเนื้อหาจริงจัง สร้างมาจากเหตุการณ์จริง วงการหนังจีนก็มีให้ชมในหน้าเหมือนกัน Leap เป็นผลงานของ ปีเตอร์ชาน ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของทีมวอลเลย์บอลของจีน หนังได้ กงลี่ มารับบทเป็น หลาง ผิง ตำนานแห่งวงการวอลเลย์บอลของจีน Leap จะเข้าฉายปลายเดือน มกราคมที่จะถึงนี้ ถือว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่จะขอสู้ศึกหนังตรุษจีนของปี 2020
ซึ่งนอกจาก Leap ที่จะเล่าเรื่องของทีมวอลเลย์บอลของจีนแล้ว ปีเตอร์ ชาน ก็ยังมีหนังเกี่ยวกับกีฬาอีกเรื่องคือ Li Na ที่จะหยิบเอาชีวิตของนักเทนนิสระดับตำนานของจีนที่เคยคว้าแชมป์ระดับแกรนต์สแลมมาแล้ว 2 ครั้ง มาสร้างเป็นภาพยนตร์ด้วย และจะเน้นความสมจริงเป็นพิเศษ ด้วยการเลือกนักแสดงที่หน้าตาเหมือนกับตัวจริง แทนที่จะใช้บริการของดาราชื่อดัง
หนังจีนทำเงินในบ้านเกิดมานานหลายปี จนตัวเลขบ็อกซ์ออฟฟิศของจีนสูงขึ้น และเข้าใกล้ตัวเลขรายได้ของตลาดภาพยนตร์ในอเมริกามากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ปัญหาก็คือหนังจีนยังขายในต่างประเทศได้ค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่ออกแนว “ทำเองดูกันเอง” อย่าว่าแต่ฮอลลีวูดเลย แม้แต่หนังเกาหลี หรือหนังอินเดีย หนังจีนก็ยังไม่ใช่คู่แข่งในตลาดต่างประเทศ
แต่เห็นได้ชัดว่าในปีหน้า หนังจีนน่าจะพยายามพัฒนาในเรื่องคุณภาพมากยิ่งขึ้น ผู้สร้างชาวจีนดูมีความพยายามในการผสมเนื้อหา และเรื่องราวของพวกเขา ให้เข้ากับการนำเสนอที่เป็นสากลมากยิ่งขึ้น จนน่าจะเริ่มเจาะตลาดต่างประเทศได้มากขึ้นด้วย