ซูเปอร์สตาร์ชาวฮ่องกงถูกกล่าวหาว่าเป็น "ตัวซวย" เพราะโฆษณาให้ใคร สินค้า และบริษัทนั้นก็มักจะมีปัญหาเสมอ ล่าสุดเกิดขึ้นอีกครั้งกับสายการบิน "Hong Kong Airline"
ซูเปอร์สตาร์ชาวฮ่องกงโดนแซวอีกครั้งว่าเป็นพรีเซนเตอร์ “ตัวซวย” หลังบริษัทที่เขาโฆษณาให้ มักจะประสบปัญหา ทั้งทำธุรกิจล้มเหลว, โดนฟ้อง กระทั่งเจ้าของสินค้าติดคุกก็มีมาแล้ว
ล่าสุดเกิดกรณีขึ้นอีกครั้งเมื่อในปี 2017สายการบินดัง Hong Kong Airline เคยจ้าง เฉินหลง มาเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณา ที่เขาได้ถ่ายทำคลิปโปรโมตกับเหล่าแอร์โฮสเตส
จนปัจจุบันผ่านมาได้ 2 ปี ธุรกิจของ Hong Kong Airline แทบจะดิ่งลงเหว จนต้องมีการขอกู้เงินจากธนาคารจีนแผ่นดินใหญ่ถึง 4,000 ล้านหยวนมากู้วิกฤตฉุกเฉินกันเลยทีเดียว
แน่นอนว่าปัญหาทางธุรกิจของสินค้า และบริษัทต่าง ๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ เฉินหลง เลย แต่การที่กรณีแบบนี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ก็ทำให้พระเอกนักบู๊คนดังซวยไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่ สินค้า, บริการ และบริษัทที่จ้าง เฉินหลง เป็นพรีเซนเตอร์ต้องเจอกับปัญหาจนถึงขั้นอาจจะต้องหยุดดำเนินธุรกิจ แต่เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นบ่อยครั้งเหลือเกิน
ตัวซวย? ยอดขายร่วง, บริษัทเจ๊ง, เจ้าของโดนฟ้อง เมื่อจ้าง "เฉินหลง" ไปเป็นพรีเซนเตอร์
โดยก่อนหน้านี้ เฉินหลง เคยเป็นพรีเซนเตอร์ของสินค้าหลาย ๆ อย่างที่ต่อมามีปัญหา และทำให้เขาต้องติดร่างแหโดนวิจารณ์ไปด้วย เพราะบริษัทที่เขาโฆษณาให้ มักจะประสบปัญหา ทั้งทำธุรกิจล้มเหลว, โดนฟ้อง กระทั่งเจ้าของสินค้าติดคุกก็มีมาแล้ว
California Fitness ที่ฮ่องกงกำลังเผชิญกับปัญหาอย่างหนัก หลังลูกค้าจำนวนมากได้ยื่นฟ้องร้องเมื่อสาขาหลาย ๆ แห่ง ของทางฟิตเนสได้หยุดให้บริการอย่างกะทันหัน พร้อมกับมีข่าวว่า ทาง California Fitness ได้ติดหนี้ค่าเช่าสถานที่เป็นจำนวนเงินมหาศาล จนไม่สามารถจะดำเนินกิจการต่อไปได้อีก
แต่นอกจากเรื่องปัญหาการดำเนินธุรกิจของ California Fitness แล้ว พรีเซนเตอร์ที่เคยมีตำแหน่งเป็นทูตของ California Fitness ระหว่างปี 2005 - 2012 อย่าง เฉินหลง ก็พลอยโดนลูกหลงไปด้วย เพราะเป็นอีกครั้งที่สินค้า, บริการ และบริษัทที่จ้าง เฉินหลง เป็นพรีเซนเตอร์ต้องเจอกับปัญหาจนถึงขั้นอาจจะต้องหยุดดำเนินธุรกิจ ซึ่งแน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นบ่อยครั้งเหลือเกิน
โดยก่อนหน้านี้ เฉินหลง เคยเป็นพรีเซนเตอร์ของสินค้าหลาย ๆ อย่างที่ต่อมามีปัญหา และทำให้เขาต้องติดร่างแหโดนวิจารณ์ไปด้วย ทั้งกรณีของแชมพูสมุนไพร BaWang ที่เคยมีข้อครหาว่ามีสารก่อมะเร็ง จนมีการฟ้องร้องนิตยสาร Next Magazine และสุดท้ายมีการจ่ายเงินค่ายยอมความกันไปถึง 3 ล้านเหรียญฮ่องกง
ส่วนน้ำอัดลม Fen Huang Cola ที่ลงทุนจ้าง เฉินหลง มาเป็นพรีเซนเตอร์ กลับมียอดขายที่ตกต่ำมาก จนต้องปิดตัวไปในปี 2001
เช่นเดียวกับ The Volkswagen Caddy ที่ลงทุนพิมพ์ภาพของ เฉินหลง ลงบนหีบห่อ แต่ก็ทำยอดขายได้ต่ำมาก
ส่วนเมื่อปี 2011 เฉินหลง ได้เป็นพรีเซนเตอร์ของอาหารประเภทเกี้ยวแช่แข็งของบริษัท Synear แต่เจ้าหน้าที่กลับพบว่า มีแบคทีเรียอยู่ในอาหาร นอกจากนั้น ก็ยังมีเครื่องเล่นวีซีดี Ai-duo ที่มีปัญหาฟ้องร้องถึงขั้นเจ้าของติดคุกกันเลยทีเดียว
"ติงไห่ เอฟเฟค" พระเอกรุ่นใหญ่ "เจิ้งเส้าชิว" ตัวซวยแห่งตลาดหุ้นฮ่องกง
ซึ่งนอกจาก เฉินหลง แล้วศิลปินคนดังแห่งไต้หวัน เจย์ โจว ก็เจอข้อกล่าวหาคล้าย ๆ กันว่าสินค้า และบริษัทที่เขาไปเป็นพรีเซนเตอร์มักจะมีปัญหาบ่อย ๆ ส่วนพระเอกรุ่นใหญ่ระดับตำนานแห่งหนัง "เจ้าพ่อตลาดหุ้น" อย่าง เจิ้งเส้าชิว ก็ถูกมองว่าเป็น "ตัวซวย" แห่งตลาดหุ้นฮ่องกง เพราะเมื่อไหร่ที่ซีรีส์เรื่องใหม่ของเขาเริ่มออกอากาศ ตลาดหุ้นฮ่องกงก็มักจะพังทันที
ถือเป็นปรากฏการณ์ที่นักเล่นหุ้นฮ่องกงทุกคนคุ้นเคยกันดี และระมัดระวังเป็นพิเศษสำหรับ "ติงไห่เอฟเฟค" กับการแพร่ภาพของซีรีส์ที่นำแสดงโดย "เจิ้งเส้าชิว" ทุก ๆ เรื่อง เป็นอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นหลังจาก "เจ้าพ่อตลาดหุ้น" เข้าฉายในเวลาเดียวกับที่ตลาดหุ้นฮ่องกงเรื่อง หลังจากนั้นเมื่อใดที่ซีรีส์ของ "เจิ้งเส้าชิว" เริ่มแพร่ภาพดัชนีฮั่นเซ็งก็อยู่ในภาวะอันตรายทันที
ติงไห่ ก็คือตัวละครของ "เจิ้งเส้าชิว" ในซีรีส์ดัง The Greed of Man หรือ "เจ้าพ่อตลาดหุ้น" งานที่เล่าเรื่องราวอันประกอบไปด้วยตัวละครมากมาย ผ่านช่วงเวลาถึง 3 ทศวรรษ ในการเล่าบรรยายถึงความเปลี่ยนแปลง และเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจของฮ่องกง ทั้งความรุ่งเรือง และตกต่ำ รวมถึงด้านที่ฉ้อฉล เกี่ยวพันกับด้านมืดขององค์กรอาชญากรรมนอกกฎหมาย ด้วย
หลังซีรีส์เรื่องนี้ออกอากาศ ก็เกิดปรากฏการณ์ประจำปีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อซีรีส์เกือบทุกเรื่องของ เจิ้งเส้าชิว ได้ลงจอฉายทางโทรทัศน์ ตลาดหุ้นฮ่องกงก็มักจะตกลงฮวบควบคู่กันไปด้วย โดยบริษัทโบรกเกอร์ดัง CLSA ได้ให้ข้อมูลตัวเลขที่เก็บกันมาในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมากับซีรีส์ถึง 18 เรื่องว่าเมื่อใดที่ผลงานของ เจิ้งเส้าชิว ออกอากาศจะมีโอกาสที่หุ้นจะตกอยู่ที่ 70% โดยในแต่ละครั้งหุ้นจะตกลงประมาณ 6.6%
เรื่องบังเอิญ, โชคลาง หรือ จิตวิทยา
อาจจะมีคนที่มองปรากฏการณ์แบบนี้เป็นเรื่องของโชคลาง แต่คนไม่เชื่อก็อาจจะเห็นเป็นแค่เหตุการณ์บังเอิญ แต่ในอีกมุมก็อาจจะมีคำอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับดาราดังหลาย ๆ คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวซวยอยู่เหมือนกัน
กรณีของติงไห่เอฟเฟค ที่บางคนบอกว่ามันคือคือคำสาปอาถรรพ์, บางคนบอกว่าเป็นเรื่องโชคลาง ขณะที่บางคนมองว่าเป็นเรื่องของจิตวิทยา และอีกจำนวนไม่น้อยที่มองว่าเป็นความบังเอิญเท่านั้น
แม้ส่วนใหญ่จะมองสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น แต่นักลงทุนในฮ่องกงหลายคนต่างระมัดระวังกับเรื่องนี้ อย่างที่นักเขียนของ CLSA บอกว่าอย่าประมาท "เจิ้งเส้าชิว เอฟเฟค" หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่า "ติงไห่ เอฟเฟค" อย่างเด็ดขาด แม้แต่วิเคราะห์คนหนึ่งจากบริษัทหลักทรัพย์ CLSA ที่ไม่ได้เชื่อในเรื่องอะไรแบบนี้ ก็ยังยอมรับว่าซีรีส์ เจิ้งเส้าชิว อาจจะมีผลต่อตลาดหุ้นจริง ๆ "ตลาดมันเป็นเรื่องของจิตวิทยาอยู่แล้ว"
ส่วนกรณีของ เฉินหลง สาเหตุที่ทำให้สินค้า และบริการที่จ้างเขาไปเป็นพรีเซนเตอร์ของเขามีปัญหาบ่อย ๆ ก็อาจจะเป็เพราะ เฉินหลง รับงานประเภทนี้เอาไว้เยอะมาก นักแสดงวัย 65 ปี เป็นดาราดังที่สุดในฮ่องกงมาหลายปี จะมีสินค้าที่เขาไปโฆษณาให้เจ๊งบ่อย ๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ไม่เท่านั้นในฮ่องกงระยะหลัง ๆ เฉินหลง ก็อาจจะช่วยอะไรไม่ได้มากแล้ว เพราะการมีจุดยืนทางการเมืองอยู่ฝ่ายจีนแผ่นดินใหญ่เต็มตัว ก็ทำให้คนฮ่องกง "เหม็นหน้า" เฉินหลง ไปด้วย จึงไม่แปลกที่การเป็นพรีเซนเตอร์ในฮ่องกงของ เฉินหลง จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จในระยะหลัง
นอกจากนั้นบางครั้งสินค้าบางอย่างเพิ่งจะเริ่มธุรกิจ หรือบางอย่างก็กำลังมีปัญหา ก็เลยพยายามใช้ เฉินหลง มาช่วยกระตุ้นยอดขาย แต่ถ้าสุดท้ายเขาช่วยอะไรไม่ได้ ก็คงจะไปโทษ เฉินหลง ไม่ได้เหมือนกัน