"ป้อง ณวัฒน์" บุกยื่นหนังสือถึง "บิ๊กตู่" ขอความร่วมมือรัฐบาล อย่าเสิร์ฟหูฉลามในงานเลี้ยง เผยโพสต์จวกรัฐบาลไม่เกี่ยวการเมือง ไม่ได้โกรธแค่ผิดหวัง ไม่ได้เรียกร้องโอเวอร์ ไม่เกี่ยวกับศีลธรรม แต่เกี่ยวกับเรื่องการรักษาระบบนิเวศใต้ทะเล ไม่หวังให้ออกกฎหมายเพราะเชื่อว่าคงทำไม่ได้
หลังจากที่โพสต์ตำหนิรัฐบาลแบบจัดหนัก อุตส่าห์รณรงค์กันแทบตาย #ฉลองไม่ฉลาม แต่ผู้นำประเทศดันมาทำกันซะเอง วันนี้ (11 ธ.ค.) พระเอกหนุ่ม "ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์" เข้ายื่นจดหมายขอความร่วมมือรัฐบาล “ฉลองไม่ฉลาม” ณ ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่าสิ่งที่ทำไม่ได้ทำเพื่อสนุกๆ แต่จริงจัง และอยากให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
"ก็ขอความร่วมมือครับ ไม่อยากให้เป็นแค่เราโพสต์ในโซเชียลมีเดียแล้วก็หายไป เหมือนสนุกๆ เพราะเราก็จริงจังแล้วก็อยากให้เป็นรูปธรรมในการมายื่นที่ศูนย์ร้องของทุกข์รัฐบาล"
"วันนี้ตั้งใจมาเจอท่านปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ว่าอยากจะขอความร่วมมือ คือจริงๆ เรารณรงค์ทั่วประเทศ อยากให้ ลด ละ เลิก หูฉลาม แล้วหน่วยงานที่จะช่วยเราได้ดีที่สุด ก็คือรัฐบาล รัฐบาลเป็นตัวอย่างที่ดี ช่วยรณรงค์ มันก็มีพลังมากอยู่แล้ว ทำให้อัตราการบริโภคหูฉลามลดลงอย่างที่เราตั้งใจได้"
เผยเห็นภาพที่แล้วรู้สึกไม่ดี ไม่เกี่ยวการเมือง ใครเป็นรัฐบาลก็ออกมาท้วงอยู่แล้ว
"ก็รู้สึกไม่ดีอยู่แล้วครับ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาล จัดงานเลี้ยงโดยใช้หูฉลาม ก็คงต้องออกมาท้วงอยู่แล้ว หนึ่งในฐานะทูตของเรื่องนี้ แต่ไม่ว่าใครผมว่าก็คงไม่อยากให้ทานหูฉลาม"
โพสต์จวกไม่ได้โมโห แค่รู้สึกผิดหวัง
"ตอนที่โพสต์ลงไป มันก็ไม่ได้โมโหหรอก เพราะบ้านเราไม่ได้มีกฎหมาย อย่างแคนาดา เขาห้ามนำเข้า-ส่งออกครีบฉลาม รัฐบาลจีนตั้งแต่ปี 56 ในการเลี้ยงรัฐบาล เขาก็จะไม่มีการนำหูฉลามขึ้นโต๊ะแน่นอน"
"อาจจะเรียกว่าผิดหวังแล้วกัน ไม่มีสิทธิ์ไปโมโหอะไรใครนะครับ เพราะว่ามันก็ไม่ได้เป็นกฎหมาย สิ่งที่มาวันนี้ก็คือมาขอความร่วมมือ มาโน้มน้าวจิตใจคนให้เห็นความสำคัญของฉลาม มีบางคนบอกทำไมไม่ไปรณรงค์ไม่ให้กินหมู กินวัว กินไก่ ซึ่งอันนั้นอาจจะหลงประเด็นนะครับ ผมไม่ได้มาพูดเรื่องศีลธรรม เพราะว่าผมก็ไม่ได้เป็นมังสวิรัตินะครับ ผมยังทานเนื้อ ทานหมู ทานไก่อยู่"
"แต่มาในเรื่องของการรักษาระบบนิเวศ คือฉลามเป็นสัตว์ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร เหมือนสิงโตเหมือนเสือ ถ้าไม่มีฉลาม ก็แย่แน่ๆ ทั้งธุรกิจท่องเที่ยว ทั้งระบบนิเวศ เพราะฉะนั้นศีลธรรมก็เป็นส่วนหนึ่ง ฉลามที่ถูกตัดครีบ ตายอย่างทรมานแน่นอน ถ้าคนไทยขี้สงสาร เห็นแล้วนำไปสู่การงดกิน ก็จะดีครับ แต่จริงๆ ประเด็นคือเรามาพิทักษ์สิ่งแวดล้อม พิทักษ์ระบนิเวศใต้ทะเล ไม่ได้เกี่ยวกับศีลธรรม"
"ก็คงมีอีกหลายคนที่ไม่รู้เรื่องนี้ครับ ซึ่งก่อนที่ผมจะมาทำกับไวลด์เอด ผมก็ไม่รู้ข้อมูลเยอะขนาดนี้ ไม่คิดว่าเราเป็นประเทศที่ส่งออกหูฉลามเยอะขนาดนี้ เราคิดว่าจีนต้องกินเยอะแน่ๆ เลย ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ เขาลดลงเรื่อยๆ จนตอนนี้อัตราของไทยเยอะกว่านะครับ ก็รู้สึกว่าแล้วบ้านเราธุรกิจท่องเที่ยวก็สำคัญ ถ้าขาดไปแล้ว มันก็ต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ต่อหลายๆ ธุรกิจ"
หวังอยากให้เป็นเหมือนแคนาดา อยากให้มีกฎหมายเข้ามาช่วย
"อย่างไวลด์เอดเราทำทั่วเอเชีย ก็หวังว่าถ้าเป็นแบบแคนนาดาก็ดี ให้มีกฎหมายมาช่วยหน่อย อาจจะห้ามนำเข้า ห้ามส่งออก ผมเพิ่งไปเม็กซิโกมา ที่โน่นถ้าล่าฉลามทั้งตัว ยังถูกกฎหมายอยู่ แต่ถ้าครีบเริ่มผิดแล้ว อย่างน้อยเราก็ค่อยๆ เริ่มก็ได้ ว่าถ้าล่าหูฉลาม จะสงวนได้ไหม ที่มาวันนี้ก็อยากจะให้เป็นกระแส ให้เห็นความสำคัญมากขึ้น"
ไม่หวั่นคนไม่เห็นด้วย บังคับใครไม่ได้
"เราก็มั่นใจในสิ่งที่เราทำนะครับ คือผมไม่ได้มาบังคับ เพราะบังคับใครไม่ได้อยู่แล้ว เรามารณรงค์ มาโน้มน้าว แล้วที่บอกว่าฉลามเป็นสัตว์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ อายุในการตั้งครรภ์ 1-3 ปีโดยเฉลี่ย ไม่ได้มีกินกันง่ายๆ แล้วถ้าไม่มีฉลาม มันก็กระทบหลายอย่าง ทั้งระบบนิเวศในทะเล ปะการัง ปลา ก็จะหายไป"
"ผมไม่ได้บอกว่าห้ามกินสัตว์อะไรเลย ซึ่งจริงๆ ฉลามก็มีผลเสียมาก มีสารพิษ มีโลหะหนักเยอะ ซึ่งก็มีแต่โทษ แล้วครีบฉลามก็ไม่ได้อร่อย ที่อร่อยคือซอสในการปรุงมากกว่า ถ้าเกิดงดได้ก็มีแต่เรื่องดี"
ไม่ได้เวอร์ ขอบคุณคนบันเทิงตื่นตัว
"ก็ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ ในวงการ บางคนอาจจะบอกว่าทำทำไม เว่อร์หรือเปล่า แต่จริงๆ ผลกระทบมันมากกว่าที่เราคิดเยอะ แล้วมันสำคัญจริงๆ"
"ก็อยากฝากว่ามันไม่ได้ผิดกฎหมายนะครับ แต่เราแค่รณรงค์ เพื่อตัวของเรา เพื่อท้องทะเลของเราและทั่วโลก อย่างที่บอกว่าถ้านับเป็นเรื่องศีลธรรม ก็คือเขาตายอย่างทรมาน โดนตัดครีบถีบลงทะเล บางคนอาจจะบอกว่าวัว หมู ไก่ ก็ทรมานเหมือนกัน มันก็ใช่ครับ แต่ถ้าในเรื่องของระบบนิเวศ อันนี้มันสำคัญจริงๆ อยากจะรณรงค์ให้งดบริโภคซุปหูฉลามทุกชนิดนะครับ โดยเฉพาะในงานฉลอง โอเคแต่ก่อนผมก็ทาน แต่พอเรารู้แล้ว เราก็ไม่ทาน เรางดเลย วันนี้ที่มาก็ได้บอกทางรัฐบาลว่าถ้างดได้ก็ดีนะครับ แล้วถ้าช่วยเรารณรงค์อีกแรงหนึ่งได้ก็ดี ตอนนี้เรามาร่วมมือกันถึง 9 องค์กร ก็ฝากด้วยนะครับ"
เชื่อต่อให้ร้องขอให้ออกกฎหมายก็คงทำไม่ได้ ขอความร่วมมือแล้วกัน
"เขาคงไม่ได้ฟังเราหรอกนะครับ ก็เป็นขอความร่วมมือแล้วกัน ตระหนักกันถึงปัญหา ช่วยกันได้ก็จะดีมากครับ ก็เข้าใจว่าจะออกเป็นกฎหมายมันยาก เพราะเพิ่งมีแคนาดาที่เดียวในโลก มันไม่ได้ง่ายๆ ก็ค่อยๆ พัฒนาไปทีละขั้นตอนก็ได้ครับ"
ด้าน "นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ" ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ก็เปิดใจหลังได้รับหนังสือขอความร่วมมือว่า
"อยากให้พวกเรามาร่วมกันคุ้มครองดูแลสัตว์ป่าแล้วก็สัตว์น้ำ ซึ่งอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันคุ้มครองสัตว์ป่าด้วย คงต้องมาช่วยกันดูแลการใช้ประโยชน์ที่ไม่ให้เกิดผลเสียหาย รวมทั้งที่หายากก็ต้องช่วยกันดูแลรักษาไว้ ที่สำคัญเรื่องของการรณรงค์คุ้มครองสัตว์ป่าสัตว์น้ำที่หายาก ก็เป็นภาพรวมของทั่วโลกอยู่แล้ว"
"ผมคิดว่าในภาพนโยบายของรัฐบาลก็มีแนวทางการดำเนินการอยู่ มีแผนปฏิรูปประเทศ 5 ปี ที่ทางรัฐบาลก็ได้พยายามที่จะเข้ามาดูในส่วนนี้ แล้วก็สัตว์ป่าสัตว์น้ำที่หายาก เป็นเรื่องที่ทางเราให้ความสำคัญ แล้วก็คงต้องฝากพี่น้องสื่อมวลชนด้วย ตอนนี้ในสังคมปัจจุบันโซเชียลมีเดีย รวมทั้งคนรุ่นใหม่ ก็มีมาเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นการที่พวกเราได้ทราบว่ามีการรณรงค์ในหลายๆเรื่อง ด้านสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงสัตว์ป่าและสัตว์น้ำที่หายาก ก็มีมาอย่างต่อเนื่อง ก็คงต้องทำกันต่อไป"
"แล้วในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่สำคัญในการอนุรักษ์ เช่น พื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติทางทะเล หรือพื้นที่คุ้มครอง เนื่องจากเป็นที่อาศัยของสัตว์น้ำ โดยเฉพาะฉลาม ก็คงต้องรับความคุ้มครองดูแลเต็มที่ นอกจากนั้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำแผน ในเรื่องของการอนุรักษ์สัตว์ป่าและสัตว์น้ำที่หายาก ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ทางรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้"
"สำหรับเรื่องนี้ที่พวกเรานำมาให้กับทางรัฐบาลมาพิจารณา จริงๆ ก็อยู่ในความสนใจอยู่แล้ว ก็จะนำเอาเรื่องนี้นำเสนอท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แล้วก็กราบเรียนนายกรัฐมนตรีต่อไป ก็คิดว่าในเรื่องนี้ต้องขอความร่วมมือจากเราด้วย ไม่ใช่เฉพาะภาครัฐ ก็คงจะเป็นภาคประชาชนแล้วก็ภาคต่างๆด้วย มาร่วมมือกัน ขอบคุณมาก"