"โอม อัชชา" ตื่นเต้น ร่วมงานช่อง 8 ครั้งแรก อิสระแล้วได้ทำอะไรหลายๆ อย่างที่อยากทำ มีอิสระทางความคิด ย้ำไม่ยึดติดบทพระเอก ก่อนเปิดใจถึงแฟนสาวเกาหลี เจอหน้าเดือนละครั้ง ซุ่มบินไปหาขอพลังใจ มั่นใจนี่แหละแม่ของลูก อยากมีลูก แต่รอเวลาที่เหมาะสม ยังตอบไม่ได้ อนาคตจะแต่งฟ้าแลบหรือไม่
โดดมาร่วมงานกับช่อง 8 เป็นครั้งแรก ในละครพีเรียดเรื่อง "ภูตรัตติกาล" ซึ่งทำพิธีบวงสรวงไปเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา งานนี้ "โอม อัชชา นามปาน" ก็เผยว่ารู้สึกตื่นเต้น โดยเป็นคาแรคเตอร์ที่ยาก ซึ่งยอมรับว่าตั้งแต่ผันตัวเป็นนักแสดงอิสระ ก็ไม่ยึดติดกับบทพระเอก
"ตื่นเต้นครับ ได้เจอนักแสดงหลายๆ ท่าน ที่เราไม่เคยได้ร่วมงานด้วย แล้วเรื่องนี้ก็ค่อนข้างยากสำหรับผม เพราะต้องอู้กำเมืองด้วย แล้วยังมีพาร์ตอดีตต้องแต่งชุดพีเรียด แล้วก็เป็นแวมไพร์ ผีดิบด้วย ทีมงานใหม่หมด ถามว่าต้องปรับตัวไหม ก็คุ้นหน้ากันอยู่แล้ว แต่ไม่เคยร่วมงานกัน ก็เลยไม่ต้องปรับอะไรมาก"
"การทำงานก็ไม่ต่างจากเดิมหรอก ถือว่าเราได้เจอนักแสดงหลายๆ ท่านที่ไม่เคยร่วมงานกันด้วย อย่างพี่ลิฟท์ (สุพจน์ จันทร์เจริญ) พี่ณัฏฐ์ เทพ (ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) หรือแม้กระทั่งตัวมิ้นท์ (ณัฐวรา วงศ์วาสนา) เองที่เคยอยู่ช่อง 3 ด้วยกัน"
"ด้วยความที่เป็นอิสระ ก็ได้ทำอะไรหลายอย่างมากขึ้น งานติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ ครับ จริงๆ มันก็มีเรื่อยๆ อยู่แล้ว แต่มันได้มีอิสระทางความคิดที่จะรับงาน ถามว่าสบายใจไหม ก็สบายใจตั้งนานแล้วนะ"
ไม่ยึดติดบทพระเอก
"แล้วแต่เนื้อเรื่อง ผมไม่ได้ยึดติด หรือซีเรียสอะไรเลย เพียงแต่เรื่องไหนคาแรคเตอร์ตรง และเหมาะสมก็ยินดีครับ ตอนนี้เราเติบโตจากการเป็นนักแสดง ทุกวันนี้ก็ยังอยู่ในฐานะนักแสดงอยู่ แล้วก็ยังไม่คิดทำอะไรนอกเหนือจากเป็นนักแสดง แต่วันหน้ายังไม่รู้ครับ"
รัก "พัคจูฮี" แฮปปี้ พยายามไม่ให้ระยะห่างเป็นอุปสรรค
"ก็ดี ปกติครับ ก็ไปๆ มาๆ สลับกัน เขามาผมไป เรื่องระยะทางพยายามจะทำให้ไม่เป็นอุปสรรค แต่ถามว่ามันเป็นไหม มันก็ไม่ได้ใกล้ขนาดไปมาได้ ต้องใช้เวลาในการเดินทาง ก็พยายามหาเวลาให้ลงตัว เขาก็เข้าใจว่าเราไม่ค่อยมีเวลา"
เผยเจอหน้าเดือนละครั้งสองครั้ง ไปหาเติมกำลังใจ ให้พลังในการทำงาน
"ตอนนี้้เจอกันเดือนละครั้ง สองครั้ง แล้วแต่โอกาส บางทีเขาก็มาบ้าง ถ้าว่างก็ไปได้ ไปเติมกำลังใจบ้าง อะไรที่ทำแล้วมีประโยชน์กับตัวเอง แล้วทำให้ตัวเองมีพลังในการทำงาน ถามว่าที่ผ่านมามันมีปัญหาไหม มันมีแหละ ทุกคู่ แม้จะอยู่ใกล้กัน สิ่งเหล่านี้มันมีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เรายังอยู่กันได้ก็คือเชื่อใจ"
"ถามว่าเราพิสูจน์ยังไงให้เขาเชื่อใจ มันก็เป็นปกติแบบนี้ ทำให้เขาดู ให้เขาเห็นในทุกๆ วัน ว่าเราทำอะไรบ้าง สิ่งที่จะพิสูจน์ได้ดีที่สุดก็คือการกระทำเท่านั้นเอง ว่าไม่มีอะไรที่ทำให้เขากังวล วัฒนธรรมเกาหลีก็แตกต่างกัน ก็ต้องปรับ ต้องเข้าใจ บางทีเราก็ไม่เข้าใจวัฒนธรรมเขา เขาไม่เข้าใจวัฒนธรรมเรา บางอย่างก็ต้องเรียนรู้กันไป ตอนนี้ภาษาเกาหลีได้นิดหน่อย ส่วนภาษาไทยเขาจะเรียนเพิ่มครับ มาทุกครั้งก็จะเทคคอร์สเรียนภาษาไทยทุกครั้ง แต่มาอยู่ได้แค่แป๊บๆ ก็จะต้องกลับไปหาคุณพ่อคุณแม่"
มั่นใจว่าต้องเป็นคนนี้ เห็นภาพแม่ของลูก
"ณ ตอนนี้นะ อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคต เรามีความรักอยู่ก็ทำให้มันดีที่สุด ณ ปัจจุบัน ถามว่าเห็นภาพแม่ของลูกไหม เห็นครับ (ยิ้ม) แต่ทุกอย่างเราไม่อยากคาดหวัง สมมติเราไปโฟกัสกับคนนี้ อนาคตใครจะไปรู้ แต่ก็ทำให้มันดีที่สุดในทุกวัน คบกันมา 2 ปี จะ 3 ปี แล้วครับ เม.ย. ครบ 3 ปี ถามว่า 4 ปีจะแต่งเลยไหม ห๊า (หัวเราะ)"
คิดตั้งนานแล้วอยากมีลูก แต่ต้องถึงเวลาที่เหมาะสม
"มันคิดตั้งนานแล้วแหละ แต่การจะเติบโตมีครอบครัวจริงๆ มันต้องใช้เวลา แล้วก็มีปัจจัยหลายอย่างมาเกี่ยวข้อง ในการที่จะสร้างครอบครัวหนึ่งให้มันดี มันไม่เหมือนเด็กๆ ที่บอกว่าฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ พอมีคนอื่นเข้ามาก็ต้องคิดถึงเขาให้มากหน่อย ลึกๆ อยากมีลูกเหมือนกัน แต่ต้องถึงเวลาที่เหมาะสม แต่บอกไม่ได้ว่าอีกกี่ปี ใครจะไปรู้"
บอกไม่ได้จะแต่งสายฟ้าแลบหรือไม่
"บอกไม่ได้ครับ ใครจะไปรู้ว่าจะมีแฟนเป็นชาวต่างชาติ มันก็ไม่รู้"